วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568

FEDลดอัตราดอกเบี้ยกับผลต่อตลาดหุ้นไทย มองข้ามช็อตไปหลังSell on factลุ้นรัฐบาลอนุทินQuick Win1500จุด

By ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ใบอนุญาตเลขที่ 012888 บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น ( ก่อตั้ง พศ.2540 อยู่ภายใต้การกำกับ ของ กลต. กระทรวงการคลัง ) 18 กันยายน 2568
1.การที่FEDลดอกเบี้ยหนนี้ 0.25% และให้เป้าหมายลดอีก2ครั้ง ครั้งละ0.25%ในปีนี้ และอีก0.25%ในปีหน้า เป็นไปตามตลาดคาดการณ์ เลยทำให้เกิดการSell on fact กล่าวคือจากที่เคยเก็งกำไรล่วงหน้าไล่ราคาทองคำขึ้นไป ก็เกิดการขายทำกำไรเมื่อข่าวจริงปรากฎ และมีการช้อนซื้อเงินดอลลาร์ และบอนด์ยีลด์กลับมา
แต่การที่หุ้นสหรัฐฯยงไปต่อ รวมทั้งดัชนีล่วงหน้าสหรัฐบวกต่อ เนื่องจากตลาดมองว่าการที่FEDไม่ลดดอกเบี้ยแรงถึง0.5%นั้นสะท้อนว่าผ่อนคลายความวิตกว่าเศรษฐกิจจะเกิดRecession
2.ตามสถิติแล้ว ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นเอเชียมีความสัมพันธ์ไปในทางบวกในช่วงFEDดอกเบี้ยขาลง ที่ชัดเจนมากคือรอบดอกเบี้ยFEDขาลงหลังวิกฤตHAMBURGER CRISIS ปี2008 ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้น จากจุดต่ำสุด380จุดในปี2008 ขึ้นไปสูงสุดเขต1650จุด และรอบดอกเบี้ยขาลงช่วงวิกฤตCOVID ดัชนีหุ้นไทยขึ้นจากเขต969จุด ขึ้นไปสูงสุดที่เขต1718จุด
ก็คงต้องติดตามว่าFEDดอกเบี้ยขาลงเที่ยวนี้ ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลบวกเหมือนเที่ยวที่ผ่านมาหรือไม่ อย่างไร
3.พื้นฐานหุ้นไทยที่น่าสนใจและอาจดึงดูดให้เงินทุนไหลเข้า(Fund inflow)คือการที่การเมืองเริ่มมีความหวังขึ้น รัฐบาลใหม่จะเร่งQuick winโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมูลค่าหุ้นไทยยังต่ำมาก โดยมีสถิติเชิงเปรียบเทียบคือ -เวลานี้ดัชนีหุ้นไทย(SET)ซื้อขายเพียง1.24เท่า หากปเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลกเวลานี้ซื้อขายที่3.13เท่า และตลาดหุ้นEmertging 1.99เท่า ขณะที่แม้P/Eหุ้นไทยในเวลานี้ซื้อขายที่17เท่า แต่Forward P/Eในสิ้นปีนี้ไปอีก3ปีข้างหน้ายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยบหุ้นโลก และเอเชีย-Emerging นี่ก็อาจเป็นจุดดึงดูดสำหรับเงินทุนไหลเข้า แต่ด้วยปัจจัยลบคือเสถียรภาพทางการเมืองที่ขาดความแน่นอน อัตราเติบโตเศรษฐกิจไทยต่ำ ปัญหาธรรมาภิบาลในตลาด จะคอยกดดันเป็นระยะ ดังนั้นผมจึงให้มูลค่าของตลาดหุ้นไทยเทียบระดับค่าP/BV1.5เท่า (คือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกครึ่งหนึ่ง และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นEmergingที่อยู่ระดับ2เท่า) มูลค่าเหมาะสม1.5เท่า ยกเว้นปัจจัยลบจะทุเลาลงก็อาจปรับขึ้นไปที่ระดับP/BV 1.7 เท่า ณ ระดับดัชนีราว1,600จุด ซึ่งก็ถือว่าามีUpsideอยู่พอสมควร
4.แนวโน้มทางเทคนิคของบตลาดหุ้นไทย
-ในบทความวันที่9เมษายนตอนดัชนีหุ้นร่วงลงไปเขต1055จุด ผมได้กล่าวว่าราคามูลค่าหุ้นไทยได้สะทม้อนข่าวลบสงครามการค้าไปมากพอแล้ว และมูลค่าก็ต่ำเกินไป จึงไม่ควรขายหุ้นทิ้ง ( ดู https://www.facebook.com/tontancorp/posts/pfbid02zNHHxp1cj8Zj2hnd3V1errJcaiHhJdzrKLPuVQ88harw3GtTZ5PDDQCypchggMSLl) -ต่อมาตอนเกิดสงครามอิสราเอลVSอิหร่าน่ที่ตลาดวิตกว่าจะเกิดสงครามโลก ผมได้ชี้ว่าตลาดหุ้นไทยก็ได้สะท้อนความวิตกไปมากพอ เมื่อไม่หลุดฐานสำคัฐเขตราวๆ1050จุด จะได้เห็นดัชนีหุ้นดีดกลับรอบใหญ่ในรูปแบบW-SHAPED RECOVERY มีเป้าหมายปลายทางสำคัญราวๆ1500จุด+/- (ดูบทความ วันที่25มิถุนายน https://www.facebook.com/tontancorp/posts/pfbid02YNxq4MX7XhnLbGarhrAuaoBfxbUA9ff8oPnBz6p8FyrzrR3NnqAjK4Pmw7SrBiuMl?viewas=100000686899395 ) -อัพเดตตอนนี้ ดัชนีหุ้นไทยขึ้นผ่านเขตแนวต้าน1280จุด ตอนนี้มาทดสอบแนวต้านด่านหนึ่งราวๆ1307จุด จึงคาดการณ์ว่าในระยะเดือนSETยังน่าจะปรับตัวขึ้นไปเป้่หมายถัดไปราวๆ1333-1355จุด หรือดีที่สุดเขต1385จุด อย่างไรก็ตามอาจเจอSell on factช่วงFEDลดดอกเบี้ยออกมา แต่ก็อาจจะมีฐานรับราวๆ1300ไม่เกิน1280จุด+/- และจากนั้นก็จะขึ้นตามแนวโน้มขาขึ้นต่อไปครับ -ส่วนระยะ4เดือนรัฐบาลอนุทินไปถึงราวปีใหม่2026นั้น น่าจะขึ้นไปเขตราวๆ1500จุด ดีที่สุดราวๆ1600จุด เทียบเท่าP/BVระหว่าง1.5-1.7เท่า ดังนั้นInvestment themeในการเทรดรอบนี้ก็คือ การฟื้นตัวขึ้นหลังวิกฤตต่างๆคลายตัวลง อาจจะได้อานิสงส์จากการที่FEDลดดอกเบี้ย แม้หุ้นไทยยังไม่น่าดึงดูดใจมาก แต่อาจดึงดูดใจFund flowในแง่ที่ว่าราคาหุ้นถูกกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นโลกมากเกินกว่าครึ่งในเวลานี้ 5.หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลง *หุ้นไฟแนนซ์ ลีสซิ่งที่จะมีต้นทุนทางการเงินต่ำลง และกำไรดีขึ้น *หุ้นกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ บ้านคอนโดที่จะได้ประโยชน์กำลัง.ืท้อลูกค้าฟื้นตัว *หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทมี่เป็นลูกหนี้รายใหญ่ อย่างพวกพลังงาน น้ำมัน ปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมพื้นฐานต่างๆ *หุ้นที่จะได้ผลกระทบทางลบคือ แบงก์ที่จะมีNIMลดลง รวมทั้งกลุ่มประกันที่จะได้ผลตอบแทนจากเงินฝากน้อยลง (แต่อาจไปชดเชยจากตลสดบอนด์ และตลาดหุ้นแทน) โชคดีมีกำไรปลอดภัยในการลงทุนทุกท่านครับ
............ Exclusive Webinar 8หุ้นเด่นควิกWin100% ยุครัฐบาลอนุทิน4+4เดือน ลุ้นหุ้นไทยไป1500 3 หุ้นเล็กดีรสโต 3 หุ้นเทิร์นอะราวด์สุด 2 หุ้นรับผลบวกสุดยุคอนุทิน 19 ตุลาคมนี้ Exclusive Webinar สำหรับสมาชิก สมัครตอนนี้รับหุ้นเด่นชุดแรก4ตัว 29 กันยายนนี้ @https://goo.gl/ybfAvJ

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ตลาดหุ้นNew Highหลัง"หยุดยิง"&พลิกวิกฤตภาษีทรัมป์

*ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ทำจุดสูงใหม่(new high)ทะลุขึ้น1245จุด ลบสถิติยอดเก่าที่เคยทำไว้1230จุดได้แล้ว หลังมีข้อตกลงหยุดยิง และได้ลุ้นลดภาษีทรัมป์ *นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาเป็นฝ่ายซื้อ15000ล้านในช่วงสตาร์ทครึ่งหลังของปี ขณะที่พบว่าราคาหุ้นไทยต่ำสุดในรอบ17ปี ถูกรั้งท้ายของโลก อาจจะมีโอกาสไล่กวดกลับไปเกาะกลุ่มไม่ให้โดนทิ้งห่าง(Laggard)เกินไป เนื่องจากสารพัดปัจจัยร้ายกำลังคลายไปเป็นบวก ดูรายละเอียดในคลิป .... สัมมนาฝ่าวิกฤติศรัทธา โอกาสดีที่สุดในรอบ17ปีสำหรับนักลงทุนระยะกลางและระยะยาว ด้วย3หุ้นเด่นเน้นรอบใหญ่ สำหรับนักลงทุนระยะกลาง&ยาวที่หาโอกาสสำคัญที่สุดในการลงทุน นี่เป็นจังหวะที่ดีที่สุดในรอบ17ปี นับตั้งแต่วิกฤติแฮมเบอร์เมื่อปีค.ศ.2008เป็นต้นมา ที่ราคาหุ้นไทยลงมาถูกที่สุด และกำลังเริ่มต้นฟื้นตัว คัดหุ้นเด่นสุดSML(เด่นสุดของหุ้นขนาดเล็ก กลาง และใหญ่) 3ตัวที่เริ่มต้นเทร็นด์ขาขึ้น และอนาคตที่ก้าวกระโดด 3 สิงหาคม หลังชัดเจนภาษีทรัมป์ มาหาโอกาสฝ่าวิกฤติกันกับอาจารย์ ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ต่ออายุสมาชิก หรือสมัครใหม่ ใช้สิทธิ์เข้างาน ฟรี แอด Line: https://goo.gl/ybfAvJ เพื่อเข้าร่วมงานตอนนี้

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2568

สงคราม - การเมือง เขย่าตลาดหุ้นไทย ? |สว.นิรัตน์,ดร.ณัฐวุฒิ| ท่องโลกลงทุ...

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2568

ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์:วิกฤตTrade Warมีผลลบต่อตลาดหุ้นไทยขนาดไหน และต้องรับมืออย่างไรในเวลานี้?

By ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ใบอนุญาตเลขที่ 012888 บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น ( ก่อตั้ง พศ.2540 ใบอนุญาตกระทรวงการคลัง ) 8 เมษายน 2568 เวลา11.45 1.ตลาดหุ้นไทยตกมาก่อนตลาดหุ้นอื่นๆในโลกแล้ว โดยลงมาต่อเนื่อง 3 ปีแล้ว หากนับจากจุดสูงสุด1718จุด มาถึงเวลานี้ที่ดัชนีตกมาเขต1055จุด ก็เท่ากับลงมามากกว่า38% นับแต่ก่อตั้งมา 50 ปี ตลาดหุ้นไทยเคยเผชิญวิกฤตการณ์ครั้งสำคัญมารวม 12 ครั้ง ภาวะตลาดหมีจากวิกฤตนั้นหุ้นตกระหว่าง25%ถึง92% เฉลี่ยแล้วภาวะตลาดหมีจะอยู่ที่-46% โดยมีข้อสังเกตว่า หากเป็นภาวะตลาดหมีหนักในระดับกลางๆก็มักจะลงมาราวๆ30ถึง35% แต่หากเจอวิกฤตช็อกโลกก็มักจะลงมาราวๆ60ถึง65% (ดูบทวิจัยของดร.มาร์ค โมเบียส https://www.markmobius.com/news-events/this-time-its-different-bear-markets-and-what-we-can-learn-from-history ) 2.หากนำโมเดลตลาดหุ้นยามวิกฤตมาประเมินการตกของตลาดรอบนี้ ก็จะพบว่า *ตลาดหุ้นโลกอาจจะผ่านช่วงระยะแรก คือภาวะPanic Sell *และตอนนี้อาจจะเข้าสู่ระยะช่วงที่ 2 คือซึมๆรอดูพัฒนาการของเหตุการณ์(ในช่วงนี้คือรอดูว่าในวันที่9นี้สหรัฐฯขึ้นกำแพงภาษีสงครามการค้าเลย และจีนก็ตอบโต้กันดุเดือดขึ้น หรือว่าจะมีการเจรจาหาทางรอมชอมกัน) *ต้องรอวิกฤตคลี่คลายก่อน หากเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ จึงจะเข้าสู่ช่วงระยะที่ 3 ฟื้นตัวกลับไปrecoverได้ แต่หากยังตอบโต้กันดุเดือดก็อาจวนลูปกลับไประยะที่1
(อ้างอิงจาก Creative Destruction Model และการนำไปประยุกต์ใช้กับวิกฤตการณ์ต่างๆที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้น https://thailworld.blogspot.com/2016/02/creative-destruction-model.html ) 3.เนื่องจากตลาดหุ้นไทยเมื่อวาน(7เมษายน) หยุดชดเชย ทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ตกPanic sellแรงถึงระดับ10%จนต้องหยุดซื้อขาย(เซอร์กิต เบรกเกอร์)แบบหลายตลาดในย่านเอเชีย ทางบอร์ดตลาดฯก็มีมาตรการห้ามขายชอร์ตชั่วคราว1สัปดาห์ กำหนดเพดานขาลงไม่เกิน15%(จากปกติ30%) ประกอบกับตลาดหุ้นอื่นๆก็เกิดการฟื้นตัวพอดีในวันนี้ ตลาดหุ้นไทยก็อาจจะตกไม่หนักมากเท่าตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ ข้อสรุปและข้อเสนอ-ดัชนีตลาดหุ้นไทยตกมามากกว่า38% และตกมาก่อนหน้าวิกฤตการณ์Trade War พอเกิดPanic sellเรื่องนี้ก็ตกซ้ำผสมโรง ซึ่งตอนนี้ตลาดทั่วโลกผาจผ่านพ้นช่วงPanic และกำลังติดตามประเมินข้อมูลข่าวสารและพัฒนาการสำคัญของเหตุการณ์ ซึ่งก็คงรู้ชัดเจนในวันสองวันนี้ว่า สงครามการค้าจะดุเดือดต่อไป หรือมีแนวทางเจรจารอมชอม ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นโลก และตลาดหุ้นไทยต่อไป จึงไม่ควรผลีผลามตัดสินใจในเวลานี้ครับ Source:ผมให้สัมภาษณ์รายการวิทยุเจาะหุ้น10โมงเช้า FM90.5MHz นาทีที่10เป็นต้นไปในคลิปนี้ https://www.facebook.com/SmartNewsFM90.5/videos/1396058148415515

วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2568

ณัฐวุฒิ Live - วิกฤตหุ้นไทยรอบนี้ จะจบเมื่อไหร่ และ อย่างไร?

ผมนำสถิติในรอบ50ปีของตลาดหมีในยามวิกฤตมาให้ดูพบว่ามีรูปแบบ(Type)ที่น่าพิจารณาดังนี้

*โดยเฉลี่ยแล้วตลาดหมีแต่ละครั้งจะกินเวลานาน 9 เดือน แต่ตอนนี้ปาเข้าไป3ปีเต็ม และเฉลี่ยจะตกจากสูงสุดมาต่ำสุดราว46% ตอนนี้ลงมาแล้ว37% *รูปแบบตลาดหุ้นหมีที่เผชิญวิกฤตเป็นดังนี้ Type1-ตกหนักแบบสถานเบาะๆ คือราว25%มักเป็นวิกฤตภายในประเทศที่ไม่ยืดเยื้อ เช่น วิกฤต6ตุลา2519 และวิกฤตฝรั่งขายขนเงินออกในปี2536 Type2-ตกหนักแบบสถานเบาถึงปานกลางคือราวๆ30ถึง35% มักเป็นวิกฤตภายในประเทศ เช่นวิกฤตพฤษภาทมิฬ2535/วิกฤตน้ำท่วมใหญ่2554/วิกฤตกปปส.ชุมนุมShutdown/รัฐประหารคสช. เป็นต้น Type3-ตกหนักแบบสถานหนัก คือราวๆ60ถึง65% มักเป็นวิกฤตการณ์ชอ็อกโลก เช่น วิกฤตสงครามอ่าวรอบแรกปี2533/วิกฤตฟองสบู่ดอทคอม+วิกฤต911/วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และวิกฤตCOVID มีเพียงครั้งเดียวที่เกิดจากภายในประเทศคือวิกฤตรัฐประหารรสช.ปี2534 Type4-ตกหนักสถานหนักสุดคือ-92% เป็นปัญหาปัจจัยพื้นฐานพัง เศรษฐกิจพินาศในคราววิกฤตต้มยำกุ้งปี2540 โดยคราวนั้นตลาดตกหนักและยืดเยื้อกว่า5ปี จึงจะจบและฟื้นตัว ข้อสรุปและข้อสังเกต-วิกฤตเที่ยวนี้มาจากหลายปมปัญหาทั้งการเมือง เศรษฐกิจ แต่มาฝีแตกเพราะขาดความเชื่อมั่นจากธรรมาภิบาลนับจากกรณีSTARKเป็นต้นมา หุ้นตกยืดเยื้อมาครบ3ปีแล้ว ลงจากจุดสูงสุด1718จุด มาเวลานี้1180จุด หรือ-37% ก็อาจจะเข้าข่ายตกแบบType2 คือตกสถานปานกลางครับ ยกเว้นว่าไม่มีการแก้ไข หรือแก้ไม่ถูกทางก็น่าวิตกอยู่ที่จะเสื่อมทรามหนักหนาลงไปแบบType4นะครับ รายละเอียดคลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=yP1QTVZ3kcs By ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ใบอนุญาตเลขที่ 012888 บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น ( ก่อตั้ง พศ.2540 อยู่ภายใต้การกำกับ ของ กลต. กระทรวงการคลัง ) ติดตามเราได้ที่ : Facebook : เพจหลัก https://fb.com/tontancorp เพจสำรอง https://fb.com/richInvestor ชม Live สด จันทร์-ศุกร์ 13.30 น. Youtube : https://goo.gl/J9u1jm ชม Live สด จันทร์-ศุกร์ 13.30 น. สอบถามข้อมูล Line@ : https://goo.gl/ybfAvJ

ประวัติ ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์

ชื่อสกุล อาจารย์ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ตำแหน่ง-ประธานคณะกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด (ใบอนุญาตกระทรวงการคลัง ก่อตั้งพ.ศ.2540)/ผู้ดำเนินรายการท่องโลกลงทุน ทีวีรัฐสภา/ที่ปรึกษากมธ.เศรษฐกิจการเงินการคลัง รัฐสภา/อาจารย์ระดับปริญญาเอก หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต มหาจุฬาฯ การศึกษา มัธยม-สาธิต คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปริญญาตรี-ศิลปศาสตรบัณฑิตด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปริญญาโท-การจัดการภาครัฐและเอกชนมหาบัณฑิต NIDA ปริญญาเอก- ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตรัฐประศาสนศาสตร์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หลังปริญญาเอก-โมเดลการสร้างสรรค์เชิงทำลายในตลาดทุนไทยเปรียบเทียบกับสากล การอบรม -การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า (ปปร.10) -การบริหารการค้าและการพาณิชย์ สภาหอการค้าไทย (TEPCoT11) -การพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง กกต.(พตส.14) -การบริหารความมั่นคงระดับสูง สมาคมวปอ. (วปอ.มส.5) -การบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสำหรับนักบริหารระดับสูง สถาบันพระปกเกล้า (ปศส1) -การบริหารงานภาครัฐและกฏหมายมหาชน สถาบันพระปกเกล้า (ปรม 3) -ธรรมศาสตร์เพื่อสังคม สถาบันวิทยาการธรรมศาสตร์ (นมธ 11) -ธรรมศาสตร์เจาะลึกเทคโนโลยี สถาบันวิทยาการธรรมศาสตร์ (นมธจ.Tech1) -นักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ (NBI1) -นวตกรรมสำหรับนักบริหารระดับสูง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA MAX1) -สื่อสุขภาพ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ (HAM5) ฯลฯ การสอนและการบรรยายพิเศษ -หลักสูตรปริญญาเอก มหาจุฬาฯ -มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ -วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร -วิทยาลัยเสนาธิการทหารบก ฯลฯ รางวัล: ศิษย์เก่าดีเด่นNIDA 2566 ศิษย์เก่าดีเด่นเข็มเกียรติคุณ มจร 2565 ศิษย์เก่าดีเด่น45ปีสถาปนาHUSO KKU 2566 รางวัลMVPธรรมศาสตร์เพื่อสังคมอวอร์ด 2565 ศิษย์เก่าดีเด่น45ปีศรีสังคมศาสตร์ มจร 2565 องค์กรภาคีดีเด่นวาระ55ปีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม 2566 รางวัลราชสิงห์ นักธุรกิจดีเด่นแห่งปี 2564 ศิษย์เก่าแห่งความภาคภูมิใจ KKU 2555 ตำแหน่ง: -นายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย -กรรมการสมาคมนักศึกษาเก่า สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(NIDA) -อุปนายกสมาคมคนที่1 สมาคมศิษย์เก่าคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น -ประธานรุ่น 11 ธรรมศาสตร์เพื่อสังคม -รองประธานรุ่นที่ 1 ธรรมศาสตร์เทคโนโลยี -ประธานคณะกรรมการเลือกตั้งนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยขอนแก่น 2567 ฯลฯ .. ผลงานการตีพิมพ์ ทีเด็ดรวยหุ้นพันล้าน(พิมพ์12ครั้ง) อ่านใจหุ้นทำกำไรใน1นาที(พิมพ์8ครั้ง) ความลับที่4จิตวิทยาตลาดหุ้น(พิมพ์4ครั้ง) ลีลาเล่นหุ้นเสี่ยสอง(พิมพ์3ครั้ง) ปล้นแบงก์BBC (พิมพ์3ครั้ง)

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2568

ณัฐวุฒิ Live 22 ม.ค. 68 -ขนคิงลุกปู่เอ๊ย!หุ้นแบงก์ขึ้นยกแผง/แนวโน้มหุ้นและสินทรัพย์โลกยุคทรัมป์2.0



*หุ้นแบงก์ขึ้นยกแผงหลังโชว์งบQ1ออกมาสวย หรือนี่จะเป็นมิติใหม่ว่าตลาดหุ้นไทยมีประสิทธิภาพ จนไม่มีใครปาดหน้าอินไซด์ข่าวเอาเปรียบเม่าแล้ว

*หลังทรัมป์สปีซในพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ค่าเงินดอลลาร์-บอนด์ยีลด์ยวบ เงินโยกไปไล่ราคาหุ้นเทค+ทองคำ+เหรียญBTCพุ่ง แต่อย่าเพลินจนเผลอติดดอย เพราะหากราคาไม่มีนิวไฮก็อาจจะสะท้อนภาวะฟองสบู่ไปกันต่อไม่ไหวแล้ว
รายละเอียดคลิกชมครับ
By ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์
ใบอนุญาตเลขที่ 012888
บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น
( ก่อตั้ง พศ.2540 อยู่ภายใต้การกำกับ ของ กลต. กระทรวงการคลัง )
ติดตามเราได้ที่ :
Facebook :
เพจหลัก https://fb.com/tontancorp
เพจสำรอง https://fb.com/richInvestor
ชม Live สด จันทร์-ศุกร์ 13.30 น.
Youtube :
ชม Live สด จันทร์-ศุกร์ 13.30 น.
สอบถามข้อมูล

วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2568

ณัฐวุฒิ Liveต้อนรับปีใหม่ - คู่มือตลาดหุ้นไทยปี2568: 9หุ้นเด่น The year of Bottom Fishing

 

*ปีใหม่2568นี้ผมมองต่างจากคนในตลาดที่กำลังอพยพหนีจากหุ้นไทยไปเข้าสินทรัพย์อื่น ผมมองว่าหุ้นเมกา ,หุ้นโลก,ทองคำ,คริปโตอยู่โซนดอยที่น่ากลัวแล้ว ตรงกันข้ามตลาดหุ้นไทยที่ห่วยมา2ปีติดต่อกันลงมาโซนก้นบ่อที่ความเสี่ยงต่ำ และโอกาสเทิร์นอะราวนด์กลับ

ดังนั้นก็ต้องเตือนกันว่าระวังจะขายหมูไปซื้อควายกันด้วยครับ

*สรุปไฮไลต์คู่มือตลาดหุ้นไทยปี2568:ปีแห่งโอกาสตกปลาตัวโตที่ก้นบ่อ (Bottom Fishing) ท่ามกลางจิตวิทยาตลาดที่สิ้นหวัง

-ผมคัดหุ้นในInvestment themeนี้มา 9 ตัว โดยหุ้นเหล่านี้ราคาหุ้นตกลงมามากกว่าดัชนีSET และตกมาพอๆกับหรือยิ่งกว่าเกิดวิกฤตครั้งสำคัญในตอนCOVID

-สาเหตุที่หุ้นเหล่านี้ตกมานั้นเนื่องจากปัจจัยลบข่าวร้ายเข้ามากระทบ ที่สำคัญคือมักเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจีน แม้ว่าในปี2568 จีนจะเผชิญหน้ากับสงครามการค้าจากสหรัฐฯแต่โอกาสก็แฝงอยู่ด้านกลับ

-หุ้นแต่ละตัวได้ลงมาซับเอาปัจจัยลบส่วนตัว ไปมากเพียงพอแล้ว ทำให้ราคาหุ้นลงมาต่ำกว่ามูลค่าทางด้านปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่เริ่มมีปัจจัยบวก หรือสตอรี่บวกเข้ามาหนุนให้ราคาฟื้นตัว

-เนื่องจากราคาที่ตกมามากจนถึงฐานLowเก่าตอนวิกฤตCOVID หรือทำNew Low ยิ่งกว่าตอนCOVID ทำให้มีความเสี่ยงของขาลงจำกัดมากแล้ว แต่หากเกิดการฟื้นตัวกลับ ก็จะเกิดการTurnaroundให้มีUpside gainที่โดดเด่น

-ไม่ต้องรีบร้อนครับ นั่งดูไปก่อนจนมันbottom out&reversal ก่อนค่อยเข้าก็ได้ ตลาดที่คนสาปส่งอย่างนี้ เป็นตลาดของผู้ซื้อ

*ที่มา:ไฮไลต์ คู่มือตลาดหุ้นไทย2568:Bottom Fishing of The year กับ9สุดยอดหุ้นเด่น โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์


….

ติดตามเราได้ที่ :

Facebook :

 เพจหลัก https://fb.com/tontancorp

 เพจสำรอง https://fb.com/richInvestor 

 ชม Live สด จันทร์-ศุกร์ 13.30 น.

Youtube :

https://goo.gl/J9u1jm 

 ชม Live สด จันทร์-ศุกร์ 13.30 น.

ติดต่อสอบถามข้อมูล 

Line@ : https://goo.gl/ybfAvJ