วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คัมภีร์หุ้นไทย10-14ตุลาคม:น้ำท่วมหุ้นตัวไหนได้-เสีย,ค่าเงินบาทและทิศทางของฝรั่ง,ราคาน้ำมันดิบโลกกับทิศทางหุ้นกลุ่มพลังงาน+เคมี และ อัพเดตCreative Destruction โมเดลพลิกวิกฤตเป็นโอกาสรวยหุ้น

อบรมสอนมือใหม่ให้รวยหุ้น สอนมือเก่าแก้ไขพอร์ตยามหุ้นตก เลิกเป็นแมงเม่า รุ่นที่ 57 วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคมนี้

หลักสูตรนี้เหมาะกับมือใหม่หัดเล่นหุ้นให้รวย มือเก่าที่อยากเลิกเป็นแมงเม่าเล่นหุ้นแบบมวยวัด มาเป็นมืออาชีพที่เล่นเก่งเล่นเป็นเล่นแล้วรวย ด้วยสูตรผสม คัดหาหุ้นเด็ดปัจจัยพื้นฐานดี หลีกหนีหุ้นเน่า รู้เท่าทันเจ้ามือ ไม่เป็นเหยื่อหุ้นปั่น คำนวณหามูลค่าหุ้นด้วยตนเองไม่ต้องพึ่งใครอีกต่อไป และหาจังหวะเข้าออกแมนยำด้วยกราฟสูตรสำเร็จ ลาทีปัญหาติดหุ้น ขายหมู ตกรถ เล่นหุ่นแล้วเครียดประสาทกิน

สอนแบบจัดเต็มไม่มีกั๊กโดย -อาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธาน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TNN24 ผู้เขียนหนังสือทีเด็ดรวยหุ้นพันล้าน

ที่ ห้องอบรมเชิงปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ถนนรามคำแหง 160 (ซอยมีสทีน)

สอบถามสำรองที่นั่ง โทร.02-9275800 หรือโทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979 พิเศษบอกรับเป็นสมาชิกรับคำแนะนำหุ้นเด่้นกับอาจารย์ณัฐวุฒิ แลกรับสิทธิ์เรียนฟรีตลอดปีทุกหลักสูตร (โปรดสอบถามเพิ่มเติม)
***********
โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์

ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

บทความนี้จะล่าช้ากว่าที่ส่งให้สมาชิกอ่าน และไม่มีแนะนำหุ้นเด่น สำหรับหุ้นเด่นรายตัว แนะนำท่านสมาชิกอ่านที่www.tintancorp.comครับ

***หมายเหตุ:บทความนี้จะลงช้าไป 1 วัน สมัครสมาชิกเพื่อติดตามบทความนี้แบบupdateก่อนใคร ในช่วงก่อนเปิดทำการภาคเช้า อ่านชาร์ตประกอบ และฟันธงหุ้นเด่นรายตัว ก่อนเปิดตลาดทุกเช้า ที่ http://www.tontancorp.com/ หรือรับหุ้นเด่น และSET50 พร้อมจุดซื้อจุดขาย ข่าวด่วนข่าวร้อนก่อนใครผ่านทางSMS แม่นยำ กำไร สอบถามสมัครสมาชิก โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979


A.น้ำท่วมและผลกระทบต่อเศรษฐกิจและหุ้น

-บริษัทหลักทรัพย์เมอริลลินช์ภัทรคาดว่าผลกระทบจากน้ำท่วมจะกระทบต่ออัตราขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศ หรือGDPลดลง0.5% ดังนั้นจึงปรับลดประมาณการณ์ของGDPลงจากเดิม4.1%เหลือ3.8%ในปีนี้ และลดลงเหลือ4%จากเดิม4.5%สำหรับปีหน้า

-หุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ แน่ๆคือROJNA อาจส่งผลกระทบไปยังหุ้นนิคมอุตสาหกรรมตัวอื่นในเชิงจิตวิทยา,หุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากมีข่าวน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เช่น HANA เป็นต้น

-หุ้นที่จะได้ผลบวก คือวัสดุก่อสร้างที่จะซ่อมแซมหลังน้ำลด ที่ชัดเจนคือTASCO นอกจากนั้นเป็นพวกค้าปลีกค้าส่งเพราะคนแตกตื่นซื้อของกักตุน เช่น BIGC MAKRO ROBINS CPALL หรือกลุ่มอาหารเช่นCPF TF รวมไปถึงหุ้นเกี่ยวข้องกับสื่อและมีเดียเพราะคนติดตามข้อมูลมากขึ้นเช่น BEC MCOT TRUE รวมถึงพวกสื่อสาร เช่น ADVANC DTAC INET CSL เป็นต้น

อย่างไรก็ตามผมเห็นว่า ปัจจัยเรื่องน้ำท่วมจะกระทบต่อหุ้นในกรอบที่จำกัด และมีผลน้อยกว่าวิกฤตการณ์เศรษฐกิจยุโรป

B.นักลงทุนต่างชาติหยุดขายหรือยังและจะกลับมาซื้อแน่ๆไหม ให้ดูค่าเงินบาทประกอบ ตอนนี้มีสัญญาณแข็งขึ้น ต่างชาติน่าจะกลับมาซื้อ

การซื้อขายของนักลงทุนต่างชาตินั้นมีอิทธิพลชี้นำให้หุ้นไทยขึ้นหรือตกเป็นหลัก มีความสัมพันธ์อยู่ระดับ95%คือหากต่างชาติซื้อหรือขายสุทธิก็จะทำให้หุ้นขึ้นหรือตก

ชาร์ตA:เป็นยอดซื้อขายสุทธิของต่างชาติในตลาดหุ้นไทย รอบล่าสุดนี้ร่วงลงใกล้เขตจุดต่ำเดิม แล้วฟอร์มตัวเป็นรูปแบบM-shape จากชาร์ตก็อาจเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสต่างชาติจะหันกลับมาซื้อสุทธิขึ้นไปราวเขต1ใน3=15,000-20,000ล้านบาทโดยประมาณ

ชาร์ตB:ค่าเงินบาท หลังจากอ่อนลงต่อเนื่องก็น่าจะจบขาลงและเปลี่ยนแนวโน้ม โดยช่วงนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวแบบSidewayที่มีกรอบเคลื่อนไหวใหญ่ระหว่าง29.65-31.35บาท/ดอลลาร์โดยประมาณ แต่ในช่วง2สัปดาห์ล่าสุดนี้ทำจุดสูงสุด2ยอดที่31.26บาท เมื่อไม่ผ่านก็ตามมาด้วยการอ่อนค่าลงไปเขต30.80-30.65บาทได้(เช้านี้อ่อนลง30.85)

สถิติโดยทั่วไปเป็นดังนี้

ก.หากค่าเงินบาทอ่อนลง=ฝรั่งต่างชาตินำเงินเข้ามาซื้อหุ้น=หุ้นขึ้น
ข.หากค่าเงินบาทแข็งขึ้น=ฝรั่งต่างชาติขายหุ้นนำกำไรออก=หุ้นตก

ดังนั้นเวลานี้ก็ต้องจับตามองว่าหากค่าบาทไปไม่เกิน31.26หรือ31.35ก็น่าอ่อนลงมาเป้าหมาย30.80-30.65ก็อาจทำให้ฝรั่งกลับมาซื้อหุ้น และทำให้หุ้นไทยขึ้น


C.หุ้นน้ำมันและเคมี พลังงานตกพอหรือยัง และจะขึ้นได้ไกลไหม หรือรีบาวนด์สั้นๆก่อนตก ให้ดูราคาน้ำมันโลกประกอบ ล่าสุดน่าจะต่ำสุดแล้วฟื้นตัว

ราคาหุ้นกลุ่มน้ำมัน ปิโตรเคมี พลังงานในรอบที่ผ่านมา เช่น PTT PTTEP PTTCH PTTAR TOP BANPU ESSO BCP IRPC ซึ่งเป็นหุ้นยอดนิยมพากันร่วงระเนระนาด และลงหนักกว่าดัชนีSETรวม นั่นก็เพราะหุ้นเหล่านี้เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวนไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลก(แต่นักลงทุนคนไทยมักเข้าใจผิดๆว่าพื้นฐานดีเยี่ยม แกร่ง ลงทุนยาวๆ ซึ่งผิด เพราะมันเป็นหุ้นที่ขึ่นๆลงๆผันผวนตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ท่านควรเทรดเป็นรอบๆไม่ใช่ซื้อแล้วแช่ยาว เพราะรายได้หรือกำไรผันผวนขึ้นๆลงๆตามราคาน้ำมันโลก)

ชาร์ตC:ราคาน้ำมันดิบWTIซึ่งนิยมใช้อ้างอิงที่สุด ที่ผ่านมาร่วงลงจากจุดพีค114$กระทั่งลงมาถึงด่านสุดท้ายเขต75-77$โดยประมาณ ทำให้ราคาหุ้นน้ำมัน พลังงานร่วงลงมาหนักกว่าดัชนีSET แต่ล่าสุดสามารถยืนเหนือแนวรับสุดท้าย้เขต77$แล้วแกว่งตัวฟื้นมาล่าสุดแถว85.47$ ซึ่งเมื่อผ่านแนวต้านเขต83$แล้วจะขึ้นไป95หรือ110-115$ได้ในระยะกลาง(เป็นเดือนหรือหลายเดือน)

โดยทั่วไปหากน้ำมันตกต่ำ หุ้นเกี่ยวกับน้ำมันก็ตกตาม ล่าสุดหากน้ำมันทำจุดต่ำสุดแล้วฟื้น พวกหุ้นน้ำก็ต้องฟื้นตาม และอาจฟื้นได้เยอะด้วย และหากยืนเหนือด่าน83$จึงจะไปต่อ (ดังนั้นหากท่านใดติดหุ้นกลุ่มPTT หรือน้ำมันไว้สูงก็น่าซื้อเฉลี่ยแก้ไขพอร์ตได้แล้วครับ)

I.ว่าด้วยโมเดลวิกฤต 3 ช่วงของตลาดหุ้น รอบนี้จะเข้าข่ายนี้หรือไม่? เพื่อตอบโจทก์ที่วิตกกันว่าวิกฤตหุ้นโลกรอบนี้จะมีอนาคตไปทางใดกันแน่?

*โมเดลที่ผมเรียกว่าCreative Destructionนั้นยังใช้ได้ดีนะครับ สังเกตจากเมื่อคืนนี้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 330.06 จุด (2.97 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,433.18 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 86.70 จุด (3.50 เปอร์เซ็นต์) หลังจากประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศสและนางแองเจลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ให้คำมั่นเมื่อวันอาทิตย์ (9) จะมีมาตรการรับมือระยะยาวที่ครอบคลุมก่อนสิ้นเดือนนี้

ชาร์ตที่1:ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ผมขอนำรูปแบบจำลอง หรือโมเดลเวลาตลาดหุ้นเจอวิกฤติต่างๆ(วิกฤตเศรษฐกิจ,วิกฤตการเมือง,วิกฤตภัยพิบัติธรรมชาติ,วิกฤตโรคระบาด,วิกฤตสงคราม,วิกฤตการจลาจล เป็นต้น) โดยทั่วไปแล้ว ผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงด้วยกัน ดังนี้

ช่วงที่1:Panic sell นักลงทุนจะเทขายด้วยความตระหนกตกตื่นเพราะเกรงว่าผลลบจะหนักหน่วง เช่น รอบนี้ก็กลัวว่ากรีซจะล้มละลาย ฉุดยุโรปและทั้งโลกลากยาวดำดิ่งสู่วิกฤตการณ์ ทำให้ต่างเทขายแบบpanic sell ทำให้ตลาดหุ้นร่วงหนัก

ช่วงที่2:Sidewayซึมตัวรอข่าวที่ชัดเจน เป็นช่วงที่คนในตลาดหายตระหนก แต่ก็ไม่มีความหวังในทางที่ดี และยังปริวิตกต่ออนาคต ทำให้ฝ่ายซื้อก็เกร็ง ฝ่ายขายก็ขายจนพอแล้ว มักทำให้ตลาดช่วงนี้ซึมตัวซบเซา วอลุมเทรดเบาบางลง และรอคอยข่าวที่ชัดเจนว่า จะลงเอยอย่างไรแน่

ช่วงที่3: Creation Destructive Marketหรือการสร้างสรรค์เชิงทำลาย หรือการอุบัติใหม่ ช่วงนี้คือสถานการณ์ชัดเจนแล้ว เช่น รอบนี้ก็จะสรุปชัดว่า ยุโรปจะช่วยกอบกู้วิกฤตในกรีซหรือไม่? ซึ่งโดยทั่วไปของโมเดลนี้ก็คือ ไม่ว่าผลสรุปสุดท้ายจะออกมาเช่นไร(ช่วยหรือไม่ช่วย/เกิดหรือไม่เกิดสงคราม,ใครจะแพ้หรือชนะเลือกตั้ง,ผลของการจลาจลทางการเมืองใครแพ้หรือชนะฯลฯ)ถือว่าจบข่าวที่วิตกกัน ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ตลาดหุ้นจะขึ้นทุกครั้งและขึ้นแรงและไปทำนิวไฮ สูงกว่ายอดพีครอบก่อนเสมอ

ข้อสรุป-หากพิจารณาจากชาร์ตของตลาดหุ้นโลกก็ต้องคาดว่าตลาดหุ้นโลกเวลานี้ผ่านช่วงที่1ไปแล้ว เวลานี้อาจจะกำลังผ่านพ้นช่วงที่2ที่ซึมตัวรอผลสรุปที่ชัดเจน และอาจจะเริ่มเข้าสู่ช่วงที่3(ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าชัดแล้วหรือยังหลังผู้นำฝรั่งเศสกับเยอรมันให้คำมั่นจะช่วยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หรือต้องรอไปถึงสิ้นเดือน) แต่สังเกตจากดาวโจนส์ผ่านแนวต้านDowntrendได้ก็อาจเข้าข่ายว่ากำลังเริ่มเข้าสู่ช่วงที่3แล้วก็ได้

ผมมักโดนถามประจำเวลานำโมเดลCreation Destructive Marketมาให้ดูว่าหากผลสรุปออกมาแย่มากๆมันไม่ฉุดให้หุ้นร่วงลงต่อหรือ คำตอบคือ สถิติที่ผ่านมาไม่ตกต่อครับ เพราะตลาดได้ซึมซับเอาปัจจัยลบไปหมดแล้วตั้งแต่ในช่วงระยะที่1ครับ

กลยุทธ์บันได 3 ขั้น-ข้อแนะนำทางกลยุทธ์ที่ผมแนะนำเสมอในช่วงเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆก็คือว่า ในช่วงที่1อย่าไปฝืนแรงขายและข่าวร้ายให้ขายตามน้ำ

แต่ในช่วงที่2หลังจากซึมมาระยะพอสมควร เป็นช่วงเวลาที่น่าช้อนซื้อหุ้นมาก หรือก็อย่าไปขายหุ้นทิ้ง

แต่หากคุณไม่มั่นใจก็คอยจนกว่าเข้าช่วงที่3คือมีข้อสรุปชัดเจน(ไม่ว่าข้อสรุปนั้นจะดีหรือแย่ขนาดไหน)ตลาดจะเริ่มขึ้น คุณค่อยไปfollow buy หรือถือหุ้นรอเอาทุนคืนจังหวะนั้น


II.เปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ไม่จริงที่ว่าเราไปทางเดียวกับฮ่องกง? และโมเดลของตลาดหุ้นยามวิกฤติคราวนี้จะเข้าข่ายบันได 3 ขั้นหรือไม่?

2.1ตลาดหุ้นยุโรปซึ่งนำตลาดหุ้นทั่วโลกตกรอบนี้ ตอนนี้ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงที่2รอการชี้ขาดจากสหภาพยุโรป น่าเข้าสู่ช่วงที่ 3



ชาร์ตที่2:ดัชนีDAXตลาดหุ้นเยอรมัน ซึ่งเป็นภาพตัวแทนของตลาดหุ้นยุโรปที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ นำตลาดหุ้นทั่วโลกลงในรอบนี้ ได้ตกจากพีค7600จุด ลงมาถึงแนวรับสุดท้ายเขต4900จุด แล้วฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับเกิดBullish divergenceในRSIของชาร์ตรายวัน

ตามโมเดลตลาดหุ้นยามวิกฤต ตอนนี้คงอยู่ในช่วงที่2 และรอการชี้ขาดจากEU ไม่ว่าผลสรุปจะเป็นเช่นไร ประเด็นนี้เป็นการจุดประกายว่า น่าจะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นยุโรปอาจจะยืนยันจบขาลง แล้วเปลี่ยนเป็นขาขึ้น หรือไซด์เวย์ จะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ลงหนักตามยุโรป มีโอกาสฟื้นไข้ตามในระยะต่อไป

โดยให้สังเกตช่วงนี้หากผ่านพีคเก่าเขต5870จุดก็น่าจะเริ่มเป็นทางขึ้น หรือเข้าสู่ช่วงที่3

2.2ตลาดหุ้นอเมริกาตกน้อยกว่ายุโรป แต่มีด่านสำคัญแถว10400-10600เป็นปราการรับด่านสำคัญ

ชาร์ตที่3:ส่วนตลาดหุ้นอเมริกา รอบนี้ร่วงลงมา แต่หากเทียบเป็นสัดส่วนก็ถือว่าร่วงลงน้อยกว่ายุโรป คือลงมาเขต1ใน3fibonacci retracement(ขณะที่ยุโรปอย่างเยอรมันตกไปถึงเขต2ใน3)

ตอนนี้ตามโมเดลตลาดหุ้นยามวิกฤต ดาวโจนส์อยู่ในช่วงที่2 หรืออาจเริ่มเข้าสู่ช่วงที่3 เพราะผ่านแนวต้าดาวน์เทร็นด์เขต 11400 น่าขึ้นต่อไปเขต11700หรือถัดไป12000จุด

2.3ฮ่องกงอาจลงมาเขต2ใน3ราวๆ16000-15450แล้วหยุดไหลลงท และฟื้นตัว

ชาร์ตที่4:ดัชนีหุ้นฮ่องกงลงมามากกว่าอเมริกา โดยลงมาลึกสุดที่16170จุด ลงมาเท่ากับยุโรป คือเขต2ใน3retracement บริเวณ16140-15450 แล้วฟื้น หรือเข้าสู่ช่วงที่2ของวิกฤต(โดยล่าสุดผ่านแนวต้านเขต17800จะเป็นการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยอาจฟื้นไปเขต20000+/-แล้วซึมในระยะที่2หรือขึ้นช่วง3ไปเขต21000หรือขึ้นรอบใหม่)

1.4ตลาดหุ้นไทยลงมาเขต1ใน3เท่าๆกับอเมริกาและตลาดTIPไม่ได้ร่วงตามฮ่องกงดังที่มักเข้าใจกันผิดๆ

เวลาที่ฝรั่งต่างชาติมาลงทุนในโซนตลาดหุ้นบ้านเราเขาจะเรียกว่า TIP-Thailand,Indonesia,Philippines ซึ่งจะพบว่าเราจะคล้ายๆกลุ่มนี้มากกว่าฮ่องกง กล่าวคือขณะที่ฮ่องกงลงไปเขต2ใน3แต่ของเราเพิ่งตกลงมาเขต1ใน3(เมื่อคำนวณจากยอดพีค1148และจากฐานที่ขึ้นมาจาก380จุดเมื่อปี2551)


ชาร์ตที่5:ตลาดอินโดนีเซียล่าสุดลงมาใกล้เขต1ใน3ลงน้อยกว่าหุ้นไทยเล็กน้อย

ชาร์ตที่6:เช่นเดียวกับตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่ลงมาใกล้เขต1ใน3ตกน้อยกว่าไทยเช่นกัน


ชาร์ตที่7:หุ้นไทย เทียบไปแล้วคือเราตกเขต1ใน3retracement (เมื่อคำนวณจากยอดพีค1148และจากฐานที่ขึ้นมาจาก380จุดเมื่อปี2551) กล่าวคือเทียบเท่ามาตรฐานโลกคือดัชนีดาวโจนส์ และพอๆกับโซนเดียวกับเราคือTIP เพียงแต่เราลงมากกว่าอินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์

-เขต1ใน3ที่ว่านี้ตัวเลขอนุกรมไฟโบนัชชี่=850จุด+/- เมื่อสัปดาห์ก่อนลงลึกสุด843 ดีที่ว่าฟื้นกลับมาปิดที่38.20%retracement=855จุดได้ เลยฟื้นต่อ เมื่อวานปิดที่923จุด

-ข้อที่ต้องพิจารณาก็คือ หากเราแย่พอๆกับฮ่องกง(ซึ่งคนไทยมักไปคิดว่าเราขึ้นหรือลงตามฮ่องกง) หุ้นไทยเราเวลานี้ก็ต้องลงไปเขต50%retracement=764จุดเป็นอย่างน้อย หรือต้องตกลงไปเขต2ใน3=673หรือ636 เท่ากับตลาดฮ่องกงไปแล้ว แต่ความจริงคือเราลงมาแค่เขต1ใน3เท่านั้น(เทียบเท่าแล้วหุ้นฮ่องกง=19000-20000จุด)

หากจะบอกว่าเราเหมือนหรือคล้ายใครมากกว่า คำตอบคือเหมือนกับดาวโจนส์ และคล้ายกับอีก2ตลาดในโซนTIP


ชาร์ตที่8:ชาร์ตรายวันหุ้นไทย รอบนี้ร่วงลงนิวโลว์ต่อเนื่อง แต่ลงมาเขตSuper oversoldสังเกตจากหลุดbolinger band bottomลงมา หากจะมีรีบาวด์ก็อาจกลับไปเขตbolinger band average=950 , bolinger band top=1075จุด ประกอบกับเกิดสัญญาณทางบวกเพราะเกิดRSI BULLISH DIVERGENCE(กล่าวคือดัชนีSETลงนิวโลว์รอบล่าสุดที่843แต่RSIไม่นิวโลว์ตามกลับสวนทางสูงขึ้น)

อย่างไรก็ตามเมื่อคำนวณในทางโครงสร้างว่า หากช่วงนี้ตกลงมาเขตเป้าหมายใหญ่1ใน3=843จุด และคำนวณจากพีค1148จุด เป้าหมายการฟื้นตัวในตัวเลขอนุกรมไฟโบนัชชี่ จะเป็นดังนี้

-แนวต้าน1ใน3 บริเวณ950+/-(=945,960) หากผ่านไฮยอดเก่า950+/-ก็จะยืนยันว่าจะกลับตัวขึ้นอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่รีบาวนด์ แต่หากไปไม่เกิน950+/-แสดงว่าแค่รีบาวนด์ย่อยแล้วจะตกต่อทำนิวโลว์ลึกกว่า843(อาจลงไป765หรือ675-635)

-เพราะฉะนั้นก็จับตามองว่าเด้งขึ้นรอบนี้มียอดนิวไฮเกิน950+/-หรือไม่(มีเวลาดูๆไปถึงปลายสัปดาห์นี้) หากใช่ก็จะขึ้นไปอย่างน้อยๆ960ถัดไป995และแนวต้านdowntrendใหญ่1010ถัดไป1030-1045หรือกระทั่งกลับไปนิวไฮเกิน1148(ก็ต้องดูหุ้นโลกประกอบด้วยว่าจบช่วง2เข้าสู่ช่วงที่3เมื่อใด)

ข้อสรุป-ดังนั้นก็ควรเข้าใจให้ถูกว่าหุ้นไทยไม่ได้ขึ้นหรือลงแบบเดียวกับฮ่องกงนะครับ ของเราตอนนี้จะไปทางเดียวกับดาวโจนส์ หรือTIPเป็นหลัก คือลงมาเขต1ใน3 ก็คือบริเวณ850+/- หากยืนได้มีโอกาสจะเด้งรีบาวนด์ หรือกระทั่งเป็นจุดต่ำสุดก่อนการฟื้นขึ้นรอบใหญ่(ซึ่งต้องดูตลาดยุโรปประกอบเป็นหลักว่าเขตนี้พอหรือยัง? ตอนนี้ตลาดยุโรปดูดีมากครับ มีสัญญาณฟื้นตัว)

เว้นแต่ว่าเราจะหลุดเขต1ใน3 หรือ850+/-ลงไปเด็ดขาด อันนั้นก็น่าหวั่นวิตกว่าจะลงตามฮ่องกงลงไปตั้งแต่50%=765หรือ2ใน3คือตั้งแต่675-635

แต่ผมคิดว่าไม่น่าใช่ เพราะหากของเราจะตามฮ่องกงก็ควรหลุด850ไปแล้ว คือSETตอนนี้ต้องลงไปเล่นแถวเขต635-675ไปแล้วหากเราจะเหมือนฮ่องกงนะครับ

ในตอนนี้ที่ฮ่องกงร่วงลงแรงมาเขต2ใน3คือราวๆ16000-15000จุด ก็ต้องดูว่าหยุดไหลเขตนี้ตามยุโรปที่ลงนำหน้าไปแล้วและหยุดไหลหรือไม่ หากใช่แล้วเด้งได้ ของเราก็น่าหยุดลงไม่เกิน1ใน3คือแย่สุด850+/-

หากพิจารณาจากโมเดล 3 ช่วงวิกฤต ก็ต้องคิดว่าเวลานี้เราอาจอยู่ช่วงที่ 2 คือซึมตัวในกรอบระหว่าง 850-950จุดไปซักระยะ จนกว่าทางยุโรปจะชัดเจนแล้วเข้าสู่ช่วง 3 เราจึงจะขึ้นช่วง 3 ไปด้วย(โดยหุ้นไทยเราต้องผ่านด่าน950+/-ขึ้นไป ก็จะเริ่มเข้าสู่ระยะที่3คือขึ้นจริงๆจังๆไม่ใช่แค่รีบาวนด์)

กลยุทธ์-ก็คงต้องทำให้สอดคล้องกับแนวโน้มที่ว่านี้คือ หากเราไม่ลงลึกกว่าเขต1ใน3 แถวบริเวณ850+/- ก็น่าเข้าช้อนซื้อไว้ หากเราคิดว่าเวลานี้วิกฤตหนี้ยุโรปอยู่ช่วงที่2ใกล้เข้าสู่ช่วงที่3แล้ว เพราะมีโอกาสฟื้นไปเขต950+/-ได้ หรืออยากขายก็ไปรอเขตนั้น(กรณีดูไปถึงปลายสัปดาห์นี้ หากทำท่าไม่มีนิวไฮเกินด่าน950แน่ๆ) หรือแม้กระทั่งเข้าสู่ช่วง3ไปทำนิวไฮรอบใหม่เกิน1148ที่ทำไว้


ทั้งนี้เว้นแต่หลุดเขต850ลงไปเด็ดขาด ก็ต้องไปอิงเล่นขาลง เพราะเสี่ยงลงไปตั้งแต่765หรือ675-635จุดได้

III.หุ้นใหญ่ในดัชนีSET50เป้าหมายตกและเป้าหมายการฟื้นตัว


ชาร์ตที่9:ดัชนีSET50 รายวัน รอบนี้ร่วงต่อเนื่องลึกสุด571 ก่อนฟื้นตัวขึ้น เมื่อวานปิดที่639 หากจะฟื้นกลับไปเขตBolinger band average=660 bolinger band top=750

แต่ในทางโครงสร้างหากคำนวณจากจุดต่ำสุด571และพีครอบก่อน806 จะมีเป้าหมายฟื้นตัวดังนี้

-ด่าน1ใน3=650-660 ต้องผ่านเขต660จึงจะไปด่านต่อไป

-คือไปต่อด่าน688,ถัดไป700หรือ715-730จุด หรือ750จุด

-แต่หากเด้งรอบนี้ไม่มีนิวไฮเกิน660ที่เป็นไฮรอบก่อนก็ต้องระวังเสี่ยงตกต่อ กระทั่งลงนิวโลว์ลึกกว่า 571


กลยุทธ์-อิงทางซื้อหรือเล่นขึ้น แต่ให้ไปรอขายทำกำไรเขต660จากนั้นรอประเมินใหม่ ว่าจะผ่านเขต660ได้หรือไม่ หากได้ควรเล่นอิงขาขึ้น หากไม่ได้ให้เล่นอิงทิศทางขาลง



**************
อบรมสอนมือใหม่ให้รวยหุ้น สอนมือเก่าแก้ไขพอร์ตยามหุ้นตก เลิกเป็นแมงเม่า รุ่นที่ 57 วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคมนี้

หลักสูตรนี้เหมาะกับมือใหม่หัดเล่นหุ้นให้รวย มือเก่าที่อยากเลิกเป็นแมงเม่าเล่นหุ้นแบบมวยวัด มาเป็นมืออาชีพที่เล่นเก่งเล่นเป็นเล่นแล้วรวย ด้วยสูตรผสมคัดหาหุ้นเด็ดปัจจัยพื้นฐานดีคำนวณหามูลค่าหุ้นด้วยตนเองไม่ต้องพึ่งใครอีกต่อไป และหาจังหวะเข้าออกแมนยำลาทีปัญหาติดหุ้น ขายหมู ตกรถ เล่นหุ่นแล้วเครียดประสาทกิน

สอนแบบจัดเต็มไม่มีกั๊กโดย -อาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธาน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TNN24 ผู้เขียนหนังสือทีเด็ดรวยหุ้นพันล้าน

ที่ ห้องอบรมเชิงปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ถนนรามคำแหง 160 (ซอยมีสทีน)

สอบถามสำรองที่นั่ง โทร.02-9275800 หรือโทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979(โปรดสอบถามเพิ่มเติม)

*ด้วยค่าเรียนคุ้มค่าที่สุดเพียงท่านละ3,000 บ.ปกติท่าน3500บาท

วันอาทิตย์ 11 กันยายน 2554

ภาคเช้า-ภาคทฤษฎี

08.30 น. ลงทะเบียน
09.00-10.45 น. อาจารย์ณัฐวุฒิบรรยาย

-การลงทุนในตลาดหุ้น ต่างกับการเล่นพนันอย่างไร?
-การลงทุนในตลาดหุ้นคืออะไร ทำไมจึงควรเอาจริง ไม่ใช่”เล่น”หุ้น
-ประสบการณ์จริงของผู้ประสบความสำเร็จร่ำรวยจากตลาดหุ้น และประสบการณ์จริงของผู้ที่ล้มเหลวเสียหายขาดทุนจากตลาดหุ้น
-ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการลงทุนหุ้น ที่ทำให้ล้มเหลวเสียหาย
-ทำไมเราจึงควรลงทุน
-เริ่มต้นการลงทุนอย่างไร ต้องใช้เงินเบื้องต้นเท่าไหร่
-ปัจจัยความสำเร็จหรือล้มเหลวในการลงทุน
-ช่องทางการลงทุนหุ้น รู้จักกับตลาดหุ้น,ตราสารหนี้,กองทุนรวม,กองทุนLTF-RMF และตราสารอนุพันธ์อย่างง่าย พร้อมกับวิธีการลงทุนในแต่ละช่องทาง พร้อมตัวอย่างของจริง
-รู้จักขั้นตอนการซื้อขายลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดอนุพันธ์
-วิธีการลงทุนแบบต่างๆ เช่น การลงทุนเพื่อรับเงินปันผล,การลงทุนเพื่อหากำไรส่วนต่าง,การลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้น
-กฎไปสู่ความสำเร็จร่ำรวย และข้อห้ามเพื่อไม่ให้เสียหายจากการลงทุนหุ้น
-Do & Don’tในการลงทุน
-คุณสมบัติ 8 ข้อไปสู่ความร่ำรวยมั่งคั่ง
-สอนวิธีการคัดหาหุ้นเด่นเล่นให้รวยด้วยตนเอง สามารถรู้จักหุ้นดี หนีหุ้นเน่า รู้เท่าทันหุ้นปั่น
-สอนการคำนวณหามูลค่าหุ้นที่เหมาะสมด้วยตนเอง ไม่ต่องไปถามหรือง้อนักวิเคราะห์ หรือโบรกเกอร์ ด้วยวิธีสํตรเคล็ดลับฉบับง่ายทำได้ด้วยตตัวเอง***(เน้นหนักลงรายละเอียด 2 หัวข้อนี้เป็นหลัก)


10.45-11.00 น. พักรับประทานอาหารว่าง

11.00-12.00 น. คุณอุบลรัตน์บรรยายการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น และตลาดอนุพันธ์
-การเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น
-การเปิดบัญชีซื้อขายตลาดอนุพันธ์ เช่น ดัชนีหุ้นล่วงหน้า และตลาดค้าทองคำล่วงหน้า
-ขั้นตอนการสั่งซื้อ หรือคำสั่งขาย
-วิธีการซื้อหรือขายเพื่อทำกำไร หรือตัดภาวะขาดทุนไม่ให้ติดหุ้น
-วิธีการซื้อขายทางอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเอง

12.00-13.00 พักรับประทานเที่ยง

ภาคบ่าย-ภาคปฏิบัติ
13.00-15.00 น.รู้จักเครื่องมือเทคนิคอย่างง่ายที่ให้ผลแม่นยำในการลงทุน และรู้จักเคล็ดลับคัดหาหุ้นเด่นด้วยโปรแกรมเทคนิคอย่างง่สยได้ผลดี เล่นแบบนี้สิรวย

15.00-15.30 น.พักรับประทานอาหารว่าง

16.30-17.00 น.สรุปผลการเรียนการสอน และปิดการอบรม
ขั้นตอนการสมัคร ส่งแฟกซ์หลักฐานการชำระเงิน มาที่หมายเลข :02-927-5881-02-9275880 E-Mail: tontan2008@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ชำระเงินผ่านธนาคารในนามบัญชี บริษัหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด
ประเภท ออมทรัพย์ www.tontancorp.com

1. ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 056-0-25774-3
2. ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 735-2-38116-5
3. ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 136-2-18236-6

" บริหารความเสี่ยง เลี่ยงขาดทุน ทวีคูณกำไร "

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น