โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์
ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 087-7174979 081-8311611 http://www.facebook.com/tontancorp
ความบางตอนจากหนังสือคู่มือหุ้นไทยไตรมาส2ที่จะเผยแพร่ต่อผู้สั่งซื้อ(และท่านสมาชิก)ในวันนี้
3.3 External factors วิกฤตการณ์คาบสมุทรเกาหลี และวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป กับทฤษฎีทำลายเชิงสร้างสรรค์ การพลิกวิกฤตเป็นโอกาสทองของการลงทุน
-วิกฤตยูโรโซน ก็คงอยู่คู่กับตลาดหุ้นโลกไปตลอดปีนี้
-ส่วนสงคราม หลังจากจบในโซนอาหรับ อาฟกานิสถานแล้วก็มาเกิดวิกฤตการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีอีกทีครับ
ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ สามารถใช้สูตรตำราทฤษฎี “ทำลายเชิงสร้างสรรค์ การพลิกวิกฤตเป็นโอกาสทองของการลงทุน”ที่ผมพูดและเขียนบ่อยๆมาประยุกต์ใช้ในการลงทุนได้ โดยขอสรุปดังนี้ครับ เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ใดๆ(สงครามเกาหลี,วิกฤตยูโรโซน,วิกฤตการณ์การเมือง,ภัยพิบัติต่างๆ)จะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น และสูตรในการลงทุนดังต่อไปนี้ เพื่อพลิกวิกฤตเป็นโอกาส
3ช่วงของการทำลายเชิงสร้างสรรค์ในตลาดหุ้น-วิกฤตการณ์ต่างๆที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นนั้น จะมีรูปแบบ(pattern)ที่เหมือนกันทุกครั้ง คือพอจะแบ่งได้ 3 ระยะด้วยกัน
ชาร์ตที่2:ตัวอย่างของตลาดหุ้นไทยกับวิกฤตการณ์ม็อบแช่แข็งประเทศไทยเมื่อปลายปี2555ที่แบ่งเป็น3ช่วง คือช่วงแรกตกหนัก ช่วงสองทรงๆซึมๆ ช่วงสุดท้ายพอจบม็อบก็วิ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่
ชาร์ตที่3:Model 3 phaseของตลาดหุ้นไทยในวิกฤตการณ์คาบสมุทรเกาหลีล่าสุดที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนเมษายน น่าจะผ่านช่วงที่ 1 มาอยู่ในช่วงที่ 2 ตอนนี้ก็แค่รอ”กระสุนนัดแรก” หรือรอ”ประกาศหยุดยิง”ก็จะเข้าสู่ช่วงที่3คือเด้งขึ้นแล้วrallyไปทำnew high..?
- ระยะแรก (เฟส1) ก่อนจะเกิดวิกฤตการณ์ ระหว่างที่ฮึ่มฮั่มใส่กันไปมาว่าจะก่อหวอดก่อการจลาจล หรือจะก่อสงครามกันนั้น ตลาดหุ้นมักจะตกกันแบบโลกาวินาศ เพราะความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจว่าจะบานปลายไปเป็นวิกฤตการณ์ใหญ่ กลัวจะเกิดทุพภิกขภัยสารพัด ทำให้คนในตลาดหุ้นเทขายหนีตายกันจ้าละหวั่น...ความกลัวทำให้หุ้นตกหนัก
- ระยะที่สอง (เฟส2) ในช่วงระหว่างเตรียมพร้อมไพร่พลเสบียงกรัง และออกข่าวจะเปิดเกมถล่มกัน ให้บรรลัยกันไปข้าง ตลาดหุ้นมักจะซึมกระทือ คนเลิกเล่นหุ้นกันไปส่วนใหญ่ รอดูความชัดเจน กรอบความเคลื่อนไหวมักจะแคบๆ เพราะคนทำใจได้แล้วว่าเลี่ยงภาวะสงครามไม่ได้แน่ แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้ามาเล่นในตลาด…ความทรมานคือการรอคอย ตลาดหุ้นช่วงนี้จึงมักซึมๆทรงๆตัว วอลุมหดหาย
- ระยะที่สาม (เฟส3) นับตั้งแต่ช่วงเปิดสงครามใส่กัน หรือกรณีจลาจลก็คือนับตั้งแต่เกิดการปะทะกัน ที่ผมมักเรียกว่า”กระสุนนัดแรกในสงคราม” หรือ เสียงปืนแตกนัดแรก หรือระเบิดตูมแรก ไปจนกว่าจะยุติสงคราม หรือคาดเดาได้ว่าสงคราม หรือจลาจล หรือวิกฤตในครั้งนั้นจะมีผลลงเอยไปในทิศทางใด ก็แปลกที่ว่า ตลาดหุ้นช่วงนี้แทนที่จะตก ก็มักจะดีดตัวขึ้นแล้วก็วิ่งยาว ( rally) และไม่ช้าไม่นานมักจะขึ้นไปสร้างสถิติทำจุดสูงสุดใหม่ (new high)กันทุกครั้งไปเสียด้วย
ผมจึงเรียกปรากฏการณ์วิกฤตการณ์ต่างๆที่มีต่อตลาดหุ้นว่าเข้าข่าย “ ทฤษฎีสร้างสรรค์ในเชิงทำลาย เข้าทำนองว่าเมื่อมีการทำลายล้างสิ่งหนึ่งลงไป ก็จะเกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าตามมา
อย่างสมัยโบราณ เมื่ออาณาจักรกรีก-อียิปต์โบราณถูกทำลายลง หรือเสื่อมลง จึงเกิดอาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่กว่าขึ้นทดแทน และเมื่อโรมถูกทำลายล้างลง จึงเข้าสู่ยุคกลางที่มีมหาอำนาจอังฤษเป็นแดนพระอาทิตย์ไม่ตกดิน เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเกิดมหาอำนาจใหม่คือจักรวรรดิอมเริกามาแทนที่ ดังนี้เป็นต้น
ทฤษฎีสร้างสรรค์ในเชิงทำลาย (destruction creative theory)ที่ว่า สงคราม/วินาศกรรม/วิกฤตการณ์ในระดับโลกทุกครั้ง จึงเป็นโอกาสทองทุกครั้งสำหรับนักลงทุนผู้มีพฤติกรรม contrariant หรือนักลงทุนผู้ชาญฉลาดที่หาจังหวะจับทางสวนกระแสคนส่วนใหญ่ในตลาด
*แต่ทริกสำคัญคือ ไม่ใช่ช่วงแรกก็โดดเข้าช้อนซื้อเลยนะครับ เดี๋ยวรับเละ ให้รอปลายๆช่วงที่2 ได้ราคาถูกที่สุด รอวอลุมแห้งๆยิ่งดี แต่หากเบื่อรอก็เข้าตอนที่มี”ยิงกระสุนนัดแรก”ที่จะนำไปสู่จุดจบของวิฤตการณ์ แต่อย่าเพิ่งขายทำกำไรเร็วเกินไป เพราะช่วงที่3นี้ โดยสถิติมักวิ่งขึ้นไปทำนิวไฮกว่ายอดสูงเก่าก่อนตกลงมาครับ
บทที่4.มุมมองทิศทางแนวโน้มตลาดหุ้นไทยไตรมาส2/2556 แม้ไม่ดีที่สุด แต่ก็ไม่เลวซะทีเดียวในเรื่องผลตอบแทน......
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น