วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

ด่านตัดสินไปต่อ1100 หรือจะพักยกดูเขต975จุด+/-



1120จุด?-JP MORGAN โบรกเกอร์ต่างประเทศให้เป้าหมายหุ้นไทยเพิ่มเป็น1,120จุดภายใน12เดือน โดยชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำ,ค่าเงินบาทแข็งเป็นปัจจัยหนุน ขณะที่บริษัทจดทะเบียนมีกำไรดีขึ้น ทำให้ราคาหุ้นตอนนี้ยังถูกอยู่โดยหุ้นเด่นที่แนะนำประกอบด้วย KBANK-F SCB PTT ADVANC LH-F

ซึ่งหากวัดเป้าหมายทางเทคนิคก็ได้targetแถว1100จุดเช่นกัน ปัญหาว่าตอนนี้ต้องตีด่าน975จุดให้แตกก่อนจึงจะไปได้ ไม่งั้นก็เสียวตกปรับฐานแรงๆเช่นกัน


คัมภีร์หุ้นไทย(30ก.ย.):ด่านตัดสินไปต่อ หรือพักยกดูเขต975จุด+/-
โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com ติดตามชมรายการเพื่อนนักลงทุน ทางTNN24(TRUE VISION07)จันทร์-ศุกร์ 13.10-13.30 น.
*********

1.ข่าวกระทบหุ้นช่วงนี้ ฝรั่งยังซื้อต่อเนื่อง จับตาตลาดหุ้นไทยขึ้นทำnew highตามอินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์ที่นำหน้าไปก่อนนี้แล้ว JP MORGANให้เป้า1120จุด

-ดาวโจนส์ ตลาดหุ้นอเมริกาลง-22จุด จากการขายทำกำไร

-ตลาดหุ้นเอเชีย เช้านี้ตกปรับฐานตามดาวโจนส์เป็นส่วนใหญ่ แต่ตลาดTIP (Thailand Indonesia Philipines)ที่ผมได้ให้ท่านสมาชิกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะขึ้นมาแรงเหมือนกัน จากการที่เงินร้อนไหลเข้ามาเหมือนกัน วันนี้ตาดอินโดนีเซียยังบวกได้เล็กน้อย

ใน3ตลาดนี้ตลาดหุ้นอินโดนีเซียขึ้นแรงที่สุด ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ และไทยรั้งท้าย

*ความเห็น:เป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นไทยน่าจะขึ้นทำnew highตาม2ตลาดข้างต้น แต่ก็ให้พิจารณาดูด้วยว่าหากอีก2ตลาดไปทางไหน ไทยก็น่าจะไปด้วยเช่นกัน

*JP MORGAN โบรกเกอร์ต่างประเทศให้เป้าหมายหุ้นไทยเพิ่มเป็น1,120จุดภายใน12เดือน โดยชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำ,ค่าเงินบาทแข็งเป็นปัจจัยหนุน ขณะที่บริษัทจดทะเบียนมีกำไรดีขึ้น ทำให้ราคาหุ้นตอนนี้ยังถูกอยู่

โดยหุ้นเด่นที่แนะนำประกอบด้วย KBANK-F SCB PTT ADVANC LH-F




ชาร์ตที่1:ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขึ้นนิวไฮกว่าพีคก่อนตอนปี2007 โดยrallyขึ้นหลังผ่านพีคเดิม2338จุด กำลังขึ้นยทดสอบเป้าหมายแรก3500จุด


ชาร์ตที่2:ตลาดฟิลิปปินส์ขึ้นทำนิวไฮสูงกว่าพีคเดิมที่ทำไว้ในปี2007 หลังผ่านด่านพีคเดิม3896จุดก็เหวี่ยงขึ้นแรง ล่าสุด4140จุด เป้าหมายขึ้นด่านแรก4500-4700จุด

ชาร์ตที่3:ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่3ของเอเชียที่กำลังทำนิวไฮไล่หลัง2ตลาดข้างต้น โดยหลังผ่านพีคเก่า925จุด ก็กำลังขึ้นมาทดสอบแนวต้านuptrend channelบริเวณ970-975จุด ต้องจับตามองว่านจะผ่านด่าน975ได้หรือไม่ หากผ่านก็จะมีโอกาสขึ้นไปเป้าหมายถัดไป1100จุด+/-(แต่กรณีไม่ผ่านอาจเสี่ยงลงไปเขต925จุด+/-)

-*ค่าเงินบาท หลังรัฐบาลออกมาตรการไม่แรง แต่ก็ยังให้เฝ้าระวัง


ชาร์ตที่4:ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวหลังจากแข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุดมาแถว30.40บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีสัญญาณbearish divergenceในRSI แปลเป็นไทยก็คือค่าเงินอาจจะหยุดแข็ง และเริ่มอ่อนลงในระยะต่อไป เป็นตัวเตือนว่าต่างชาติอาจขายหุ้นก็ได้

สรุปคือ-ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสมากที่จะทำnew highขึ้นต่อเนื่องตามอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ แต่ก็ให้ดูว่าต่างชาติจะเริ่มขายหุ้นจริงจังไหม และทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงหรือไม่ เพราะหากเข้าเกณฑ์นี้แปลว่า จะเป็นปัจจัยเสี่ยงให้หุ้นตกได้ในระยะต่อไป

2.SETทดสอบด่านสำคัญ970-975หากผ่านก็วิ่ง หากไม่ผ่านระวังตกปรับฐาน


สถานการณ์-SETวิ่งขึ้นมาที่973จุดเมื่อวานนี้ มีข้อพิจารณาดังนี้

3.1 หากระยะเป็นสัปดาห์สามารถตีด่านแนวต้านuptrend channelใหญ่แถว970-975จุดแตกเด็ดขาด และผ่านด่านนี้ขึ้นไปได้ ก็จะแกว่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านจิตวิทยา1000จุดต่อไป แต่จริงๆแล้วมีโอกาสมากกว่านั้นคือขึ้นไปเป้าหมาย1ใน3คือบริเวณ1100-1130จุด (ระยะกลางคือราวๆปีหน้าอาจขึ้นไปเป้าหมายใหญ่แถวๆ1469จุดก็ได้)

3.2กรณีไม่ผ่านด่าน970-975+/-แล้วโดนขาย และหลุดแนวรับด่านแรก965ก็เสี่ยงตกปรับฐานลงไปตั้งแต่945หรือลึกๆบบริเวณ925จุด+/-ได้

สำหรับสัปดาห์นี้มีแนวต้านหลัก975จุด แนวรับหลัก945-935 จุด แนวรับแรก953-957จุด

กลยุทธ์การลงทุน

ก.ในทางบวก หากขึ้นดัชนีหุ้นสัปดาห์นี้ผ่านด่านแนวต้านuptrendด่าน 975 จุด+/- ก็จะได้ลุ้นขึ้นไป1,100จุด+/-

แนะนำ-ซื้อหุ้นแบงก์ที่แนะนำไปคือBBL KBANK SCB KTB ตัวใดตัวหนึ่ง หรือถือต่อไปหากซื้อไว้แล้ว หรือหุ้นที่มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างPTTAR(ซื้อหากผ่านด่าน26.50 เป้าหมายเขต32บาท) หรือกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากคาดว่าแบงก์จะชะลอขึ้นดอกเบี้ย อย่างที่ดินหรือรับเหมา เช่น QH TRC(ดูรายละเอียดในกระทิงทองส่องหุ้น www.tontancorp.com)

จากนั้นไปลุ้นผ่านด่าน975หรือไม่ หากไม่ผ่านอาจขาย แต่หากผ่านก็ถือรอวิ่งขึ้นรอบใหญ่ไป1100จุด+/-

ข.ในทางลบ หากไม่ผ่านด่าน975จุด+/- หรือวันนี้ทำท่าลงปิดลึกกว่า965 ก็เสี่ยงจะตกปรับฐาน หรืออาจเป็นขาลง น่านำหุ้นออกมาขาย

4.SET50

แนวโน้มระยะกลาง หรือรอบใหญ่-ผ่านแนวต้านuptrend channelบริเวณ655จุดได้ มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านเป้าหมายรอบใหญ่บริเวณ 690 ถัดไป720 แนวต้านเป้าหมายใหญ่ระยะเป็นเดือน755จุด

ส่วนแนวโน้มระยะสั้น-ช่วงวันนี้มีแนวต้าน677จุด

ก.หากไม่ผ่านอาจตกลงมาบริเวณ671จุด(กรณียืนเหนือ671จุดได้จะเด้งไปลุ้นผ่านด่าน677จุด หากผ่านจะขึ้นไปด่านถัดไป685-690จุด)

ข.กรณีไม่ผ่าน677หรือลงหลุด670ก็อาจตกปรับฐานลงไป667หรือ660-655จุด+/-ได้
คำแนะนำ-รอบใหญ่เน้นอิงเล่นขาขึ้น โดยอิงSETว่าจะผ่านด่าน975จุดหรือไม่ หากไม่ผ่านก็อาจขายทำกำไรก่อน แต่กรณีSETผ่านด่าน975จุดได้ในระยะสัปดาห์นี้หรือต่อเนื่องสัปดาห์หน้า ก็อิงทางขาขึ้นต่อไป

ส่วนการเล่นสั้น แนะนำเข้าซื้อที่แนวรับและขายทำกำไรที่แนวต้านของระยะสั้น

อบรมมือใหม่หัดเล่นหุ้นให้รวยรุ่นที่ 27 /วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคมนี้ เปิดโผหุ้นเด่น

-รอบนี้เพิ่มเติมเรื่องการลงทุนในทองคำแท่ง,ทองฟิวเจอร์ และค่าเงินบาท กับค่าเงินต่างประเทศให้ในสถานการณ์เงินทุนไหลเข้า ส่งผลหุ้นขึ้นแรง และเปิดโผหุ้นเด่นไตรมาส4

*เพิ่มมุมมองคำแนะนำหุ้นกลุ่มไหนเด่น เปิดโผหุ้นร้อน
*ลงทุนในตลาดหุ้น หรือซื้อกองทุนอย่างไรให้ได้รับผลตอบแทนดี มั่นคงมั่งคั่ง
*แต่นี่เป็นเงินที่หามายากเย็น ทำอย่างไรจะไม่เสี่ยงหมดเนื้อหมดตัว
*ลงทุนในตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าฝากแบงก์ก็จริง แต่!อย่าเสี่ยงเข้ามาลองผิดลองถูกในตลาดหุ้น
*ลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่การปาเป้าไปโดนตัวไหนก็รวย เพราะตลาดเป็นขาขึ้น
*ลงทุน-เล่นหุ้นก็เหมือนทุกอย่างในโลกนี้ต้องเรียนรู้ก่อน
*สอนทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ วันเดียบจบ
*สอนตั้งแต่ไม่รู้เรื่องจนลงทุนเป็น
*สอนในห้องค้าจำลอง ใช้ภาษาง่ายๆเข้าใจเร็ว
*สอนคัดหุ้นเด่นเล่นแล้วรวยด้วยตัวท่านเอง
*สอนจังหวะเข้า-ออกทำกำไรงาม พร้อมตัวอย่างจริง
*เหมาะกับทั้งมือใหม่ หรือผู้ลงทุนมาแล้วแต่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง
*หลักสูตรนี้เหมาะกับผู้เริ่มต้นวัยเยาวชน ไปถึงคนเกษียณอายุที่จะลงทุนให้ถูกวิธี
*ด้วยค่าเรียนคุ้มค่าที่สุดเพียงท่านละ3,000บาท หรือครอบครัวละ5,000บาท
*สอนโดยอ.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TRUE VISION 7
*สำรองที่นั่ง จำนวนจำกัด รุ่นละ 10 ครอบครัว ไม่เกิน 20 ท่านเท่านั้น โทร.029275800


หรือ โทรมือถือ 087-717-8979 (คุณชัชฎา) 087-717-4979 (คุณสุเมธ), 087-717-4939 (คุณเมทิกา)


ขั้นตอนการสมัคร กรอกใบสมัครพร้อมส่งแฟกซ์หลักฐานการชำระเงิน มาที่หมายเลข : 02-927-5880
หรือ02-9275807 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ชำระเงินผ่านธนาคารในนามบัญชี บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด
ประเภท ออมทรัพย์

1. ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 056-0-25774-3
2. ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 735-2-38116-5
3. ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 136-2-18236-6

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

คัมภีร์หุ้นไทย(27ก.ย.):สถานีต่อไป975 สถานีปลายทาง1100...


กาลครั้งหนึ่ง-ผมจัดกิจกรรมสัมมนาหุ้นนัดหนึ่ง ในภาพมีคุณธีรัตน์ สมัยอยู่ITVเป็นพิธีกร ส่วนเสี่ยปู่ยังมีความสุขในตลาดหุ้น แต่ตอนนี้เห็นแกว่าราคาหุ้นเริ่มแพงแล้ว ส่วนดร.นิเวศน์ตลาดจะยังไงท่านก็รวยตลอด ขวาสุดคุณจิรายุทธ์ รุ่งศรีทอง เดิมเป็นMDโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง ตอนนี้เป็นMDของกสท. กำลังฮ็อตสุดๆ(ไม่รู้เจ้าตัวปลื้มไหมเนี่ย ฮ็อตอย่างนี้...)


โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com ติดตามรายการเพื่อนนักลงทุนทางTNN24(TRUE VISION07)ทุกจันทร์-ศุกร์ เวลา13.10-13.30 เปิดสายให้นักลงทุนสอบถามเรื่องหุ้น

1.ข่าวกระทบหุ้นช่วงนี้ ฝรั่งยังซื้อต่อเนื่อง จับตาตลาดหุ้นไทยขึ้นทำnew highตามอินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์

-ดาวโจนส์ ตลาดหุ้นอเมริกาขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ +197จุด (+1.86%)จากตัวเลขศก.ล่าสุดออกมาทางบวก

-ตลาดหุ้นเอเชีย เช้านี้ตลาดหุ้นย่านเอเชียขึ้นทุกตลาดช่วงเปิดทำการ แต่ผมให้จับตามองตลาดTIP Thailand Indonesia Philipinesเป็นพิเศษ เพราะขึ้นมาแรงเหมือนกัน จากการที่เงินร้อนไหลเข้ามาเหมือนกัน โดยตลาดหุ้นอินโดนีเซียขึ้นแรงที่สุด ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ และไทยรั้งท้าย

*ความเห็น:เป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นไทยน่าจะขึ้นทำnew highตาม2ตลาดข้างต้น แต่ก็ให้พิจารณาดูด้วยว่าหากอีก2ตลาดไปทางไหน ไทยก็น่าจะไปด้วยเช่นกัน

ชาร์ตที่1:ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขึ้นนิวไฮกว่าพีคก่อนตอนปี2007


ชาร์ตที่2:ตลาดฟิลิปปินส์ขึ้นทำนิวไฮสูงกว่าพีคเดิมที่ทำไว้ในปี2007

ชาร์ตที่3:ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่3ของเอเชียที่กำลังทำนิวไฮไล่หลัง2ตลาดข้างต้น

-*ค่าเงินบาท หลังรัฐบาลออกมาตรการไม่แรง


ชาร์ตที่4:ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวหลังจากแข็งค่าต่อเนื่อง ขณะที่มีสัญญาณbearish divergenceในRSI แปลเป็นไทยก็คือค่าเงินอาจจะหยุดแข็ง และเริ่มอ่อนลงในระยะต่อไป เป็นตัวเตือนว่าต่างชาติอาจขายหุ้นก็ได้

สรุปคือ-ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสมากที่จะทำnew highขึ้นต่อเนื่องตามอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ แต่ก็ให้ดูว่าต่างชาติจะเริ่มขายหุ้นจริงจังไหม และทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงหรือไม่ เพราะหากเข้าเกณฑ์นี้แปลว่า จะเป็นปัจจัยเสี่ยงให้หุ้นตกได้ในระยะต่อไป

2.เป้าหมายขึ้นรอบใหม่เท่าไหร่แน่


สถานการณ์-มีคำถามว่ารอบใหม่ถึง1พันจุดไหม?

หากSETผ่านด่าน945จุดขึ้นไปเด็ดขาดได้ คำตอบในทางเทคนิคเชิงยุทธ์ในมุมมองของผมคือ ตัวเลข1,000จุดไม่ได้มีสาระอะไรครับ ประเด็นการขึ้นจริงๆจะเป็นดังนี้

3.1อาจขึ้นไปที่แนวต้านuptrend channelใหญ่แถว970-975จุด ก่อน จากนั้นก็ดูว่าจะผ่านด่านนี้หรือไม่

3.2หรือกรณีหลังเป็นsuper bullishมากๆคือผ่านด่าน970-975จุดได้ ก็จะวิ่งrallyยาวขึ้นไปที่1100-1130จุดเลยครับ ไม่ใช่แค่1,000จุด (ระยะกลางคือราวๆปีหน้าอาจขึ้นไปเป้าหมายใหญ่แถวๆ1469จุดก็ได้)

สำหรับสัปดาห์นี้มีแนวต้านหลัก975จุด แนวรับหลัก945-935 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

ก.ในทางบวก หากขึ้นดัชนีหุ้นสัปดาห์นี้ผ่านด่านแนวต้าน 945 จุดเด็ดขาด ก็จะขึ้นต่อไปด่าน 975 จุด หรือได้ลุ้นขึ้นไป1,100จุด+/-

แนะนำ-ซื้อหุ้นแบงก์ที่แนะนำไปคือBBL KBANK SCB KTB ตัวใดตัวหนึ่ง หรือหุ้นที่มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างPTTAR(ซื้อหากผ่านด่าน26.50 เป้าหมายเขต32บาท) หรือกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากคาดว่าแบงก์จะชะลอขึ้นดอกเบี้ย อย่างที่ดินหรือรับเหมา เช่น QH TRC(ดูรายละเอียดในกระทิงทองส่องหุ้น www.tontancorp.com)

จากนั้นไปลุ้นผ่านด่าน975หรือไม่ หากไม่ผ่านอาจขาย แต่หากผ่านก็ถือรอวิ่งขึ้นรอบใหญ่ไป1100จุด+/-

ข.ในทางลบ หากไม่ แล้วลงปิดลึกกว่า945หรือวกลงต่ำกว่า945จุดเด็ดขาดในระยะสัปดาห์ ก็เสี่ยงจะตกปรับฐาน หรืออาจเป็นขาลง น่านำหุ้นออกมาขาย

ถึงตอนนี้มีโอกาสเกิดข้อ ก.มากกว่า จึงแนะนำให้follow buyตามทิศทางขาขึ้น

4.SET50 ผ่านด่านแนวต้าน650เป็นขาขึ้น เป้าใหญ่ถัดไป680-690จุด


วันนี้มีแนวรับ660-663 แนวต้านแรก666 ถัดไป676จุด

ส่วนภาพระยะกลางมีโอกาสขึ้นไปแนวต้านเป้าหมายถัดไป680-690จุด หรือถัดไป710 แนวต้านเป้าหมายใหญ่ระยะเป็นเดือน745จุด

คำแนะนำ-เน้นอิงเล่นขาขึ้น โดยอาจเข้าซื้อหุ้นในSET50บริเวณดัชนีSET50ตั้งแต่660ไม่เกิน663จุด และอิงเล่นขาขึ้นเป็นหลักในระยะต่อไปนี้ โดยอิงSETว่าจะผ่านด่าน975จุดหรือไม่ ก่อนตัดสินใจเพิ่มเติมอีกครั้ง

อบรมมือใหม่หัดเล่นหุ้นให้รวยรุ่นที่ 27 /วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคมนี้ เปิดโผหุ้นเด่น

-รอบนี้เพิ่มเติมเรื่องการลงทุนในทองคำแท่ง,ทองฟิวเจอร์ และค่าเงินบาท กับค่าเงินต่างประเทศให้ในสถานการณ์เงินทุนไหลเข้า ส่งผลหุ้นขึ้นแรง และเปิดโผหุ้นเด่นไตรมาส4

*เพิ่มมุมมองคำแนะนำหุ้นกลุ่มไหนเด่น เปิดโผหุ้นร้อน
*ลงทุนในตลาดหุ้น หรือซื้อกองทุนอย่างไรให้ได้รับผลตอบแทนดี มั่นคงมั่งคั่ง
*แต่นี่เป็นเงินที่หามายากเย็น ทำอย่างไรจะไม่เสี่ยงหมดเนื้อหมดตัว
*ลงทุนในตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าฝากแบงก์ก็จริง แต่!อย่าเสี่ยงเข้ามาลองผิดลองถูกในตลาดหุ้น
*ลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่การปาเป้าไปโดนตัวไหนก็รวย เพราะตลาดเป็นขาขึ้น
*ลงทุน-เล่นหุ้นก็เหมือนทุกอย่างในโลกนี้ต้องเรียนรู้ก่อน
*สอนทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ วันเดียบจบ
*สอนตั้งแต่ไม่รู้เรื่องจนลงทุนเป็น
*สอนในห้องค้าจำลอง ใช้ภาษาง่ายๆเข้าใจเร็ว
*สอนคัดหุ้นเด่นเล่นแล้วรวยด้วยตัวท่านเอง
*สอนจังหวะเข้า-ออกทำกำไรงาม พร้อมตัวอย่างจริง
*เหมาะกับทั้งมือใหม่ หรือผู้ลงทุนมาแล้วแต่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง
*หลักสูตรนี้เหมาะกับผู้เริ่มต้นวัยเยาวชน ไปถึงคนเกษียณอายุที่จะลงทุนให้ถูกวิธี
*ด้วยค่าเรียนคุ้มค่าที่สุดเพียงท่านละ3,000บาท หรือครอบครัวละ5,000บาท
*สอนโดยอ.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TRUE VISION 7
*สำรองที่นั่ง จำนวนจำกัด รุ่นละ 10 ครอบครัว ไม่เกิน 20 ท่านเท่านั้น โทร.029275800


หรือ โทรมือถือ 087-717-8979 (คุณชัชฎา) 087-717-4979 (คุณสุเมธ), 087-717-4939 (คุณเมทิกา)


ขั้นตอนการสมัคร กรอกใบสมัครพร้อมส่งแฟกซ์หลักฐานการชำระเงิน มาที่หมายเลข : 02-927-5880
หรือ02-9275807 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ชำระเงินผ่านธนาคารในนามบัญชี บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด
ประเภท ออมทรัพย์

1. ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 056-0-25774-3
2. ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 735-2-38116-5
3. ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 136-2-18236-6

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

ขาขึ้นรอบใหม่ เป้าหมายเท่าไหร่แน่ กลุ่มแบงก์Super bullishซื้อตัวไหน?


คัมภีร์หุ้นไทย(23ก.ย.):ขาขึ้นรอบใหม่ เป้าหมายเท่าไหร่แน่ กลุ่มแบงก์Super bullishซื้อตัวไหน?
โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com ติดตามชมรายการเพื่อนนักลงทุนทางTNN24(TRUE VISION07)13.10-13.30น.จันทร์-ศุกร์
----------------

1.ข่าวกระทบหุ้นช่วงนี้ 3Gล่มทำไงดีกับหุ้นสื่อสาร-ฝรั่งบุกซื้อแบงก์ให้เป้าหรู

*ศาลปกครองสูงสุดตัดสินชี้ขาดมีผลให้ระงับการประมูล3G และคำแนะนำADVANC DTAC TRUE

ความเห็น:มีผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นสื่อสาร แต่ผมแนะนำให้ดูดังนี้
-ADVANC หากลงมาไม่หลุดแนวรับ89บาท น่าซื้อหรือถือหุ้น เพราะราคาพื้นฐานไม่รวม3Gก็ไม่ควรต่ำกว่า105บาท ส่วนเขต89บาทเป็นแนวร้บสำคัญ เว้นแต่ลงหลุด89ค่อยขาย หรือหลีกเลี่ยง
-DTACน่าจะได้รับผลกระทบพอสมควร แต่หากลงมาให้ดูแนวรับหลักๆคือ37บาท กรณีไม่ต่ำกว่านี้น่าถือ หรือซื้อเก็งกำไร ยกเว้นหลุดต้องขายหรือหลีกเลี่ยง
-TRUEจะได้รับผลกระทบหนักสุด ราคาขึ้นมารอบนี้ก็วิ่งมารอ3Gเมื่อต้องผิดหวังอย่างนี้ก็ต้องลงไปหาพื้นฐาน โบรกเกอร์ฝรั่งหลายเจ้ามองกดราคาลงไป2.40-2.70บาท แต่ทางเทคนิคมีแนวรับสุดท้าย4.30-4.54บาท ก็ต้องดูว่ายืนเหนือเขตนี้ไหวหรือไม่ หากไหวใครติดไว้ก็ซื้อ แล้วขึ้นไปแนวต้าน5.25-5.55บาท ให้ขายออก หรือกรณีหลุด4.30ก็ต้องเลิกยุ่ง เพราะเสี่ยงรูดอีกยาว

*ฝรั่งยังไหลเงินเข้า แม้3Gจะช็อกตลาด แต่ได้เข้าซื้อหุ้นแบงก์ พร้อมราคาเป้าหมายหรู

แม้มีข่าวเชิงลบต่อกลุ่มสื่อสาร แต่มีรายงานว่าต่างชาติยังซื้อต่อเนื่อง เมื่อวานซื้อสุทธิ4,244ล้านบาท โดยเน้นหนักซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร

ขณะที่โบรกเกอร์ฝรั่งคือบล.เครดิตลียองเนส์(CLSA)ได้ย้ำในบทวิจัยล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อ21ก.ย.อีกครั้งแนะนำซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ โดยให้เป้าหมายในปีหน้าสำหรับแบงก์BBLไว้ที่ 222 บาท KTB 20 บาท SCB135 บาทKBANK160 บาทTCAP50 บาท KK43 บาท TISCO45 บาท BAY28.5 บาท

แต่ได้แนะนำขายTMB โดยให้ราคาเป้าหมาย1.65บาท(แต่คนมีหุ้นตัวนี้ก็อย่าตกใจนะครับ เพราะโบรกเกอร์ฝรั่งก็ให้ราคาเป้าหมายนี้มานานแล้ว)

*มุมมองทางเทคนิคกลุ่มแบงก์ Super bullish

สถานการณ์และแนวโน้ม-ผมเคยให้คำแนะนำซื้อหุ้นแบงก์(ที่แนะนำซื้อรอบก่อนคือBBL KBANK SCB KTB)เนื่องจากเห็นว่าพื้นฐานดีขึ้นมาก แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และที่สำคัญทางเทคนิคนั้นขึ้นผ่านแนวต้านรูปแบบหัวและบ่าขนาดใหญ่ที่มีแนวต้านneck lineบริเวณ330จุด เมื่อผ่านมีโอกาสจะแกว่งตัวขึ้นเป็นแนวโน้มกระทิงขนาดใหญ่(Super bullish)โดยมีแนวต้านเป้าหมายใหญ่ด่านแรกเขต400จุด+/- แนวต้านเป้าหมายใหญ่มาก535จุด

อย่างไรก็ตามมีแนวต้านย่อยด่านแรกเขต380จุด ในรอบที่ผ่านมาจึงแนะนำขายทำกำไรไปเขต380จุด และรอช้อนซื้อคืนหากไม่ลงต่ำกว่าเขต330จุด ล่าสุดช่วงนี้มาทดสอบแนวต้านย่อย380อีกที คิดว่ามีโอกาสผ่าน จะขึ้นไปด่านถัดไป400จุด+/-ได้

คำแนะนำ-แนะนำซื้อคืนหุ้นตัวใดตัวหนึ่งคือBBL(แถว150-153) SCB(แถวๆ96หรือfollowหากผ่าน99บาท) KBANK (แถวๆราคาปิด112.50)KTB (แถวราคาปิด15.50X

3.เป้าหมายขึ้นรอบใหม่เท่าไหร่แน่

สถานการณ์-มีคำถามว่ารอบใหม่ถึง1พันจุดไหม?

คำตอบในทางเทคนิคในมุมมองของผมคือ ตัวเลข1,000จุดไม่ได้มีสาระอะไรครับ ประเด็นการขึ้นจริงๆจะเป็นดังนี้

3.1อาจขึ้นไปที่แนวต้านuptrend channelใหญ่แถว970-975จุด
3.2หรือกรณีหลังเป็นsuper bullishมากๆคือผ่านด่าน970-975จุดได้ ก็จะวิ่งrallyยาวขึ้นไปที่1100-1130จุดเลยครับ ไม่ใช่แค่1,000จุด

สำหรับวันนี้มีแนวต้านแรก949ถัดไป954จุด แนวรับ945-940 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

ก.ในทางบวก หากขึ้นดัชนีหุ้นสัปดาห์นี้ผ่านด่านแนวต้าน 945 จุดเด็ดขาด ก็จะขึ้นต่อไปด่าน 975 จุด หรือได้ลุ้นขึ้นไป1,100จุด+/-

อาจซื้อหุ้นแบงก์ที่แนะนำไปคือBBL KBANK SCB KTB ตัวใดตัวหนึ่ง หรือหุ้นที่มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างPTTAR(ซื้อหากผ่านด่าน26.50 เป้าหมายเขต32บาท) หรือกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากคาดว่าแบงก์จะชะลอขึ้นดอกเบี้ย อย่างที่ดินหรือรับเหมา เช่น QH TRC(ดูรายละเอียดในกระทิงทองส่องหุ้น www.tontancorp.com)

ข.ในทางลบ หากไม่945หรืองกลงต่ำกว่า945จุดเด็ดขาดในระยะสัปดาห์ ก็เสี่ยงจะตกปรับฐาน หรืออาจเป็นขาลง น่านำหุ้นออกมาขาย

ถึงตอนนี้มีโอกาสเกิดข้อ ก.มากกว่า จึงแนะนำให้follow buyตามทิศทางขาจขึ้น

*ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าดู
-เงินร้อนที่เข้ามารอบนี้ยังไหลเข้าต่อเนื่องหรือไม่ โดยให้ดูค่าเงินบาท และดูอีก2ตลาดที่ขึ้นมาคล้ายๆกับตลาดหุ้นไทยคือ อินโดนีเซีย กับฟิลิปปินส์ โดยหากมีแรงขายหนักใน2ตลาด และเห็นค่าเงินบาทอ่อนลงชัดเจน พร้อมกับการขายอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ ก็ควรถอย หรือขายลดความเสี่ยง


4.SET50 ผ่านแนวต้านด่าน656จะrallyขึ้น ด่านแรก659ถัดไป676 เป้าใหญ่690-700



สถานการณ์-เมื่อวานผ่านด่านแนวต้านprevious high650จุด และขึ้นมาเขตแนวต้านuptrend channelเขต656จุด

วันนี้มีแนวต้าน659จุด หากขึ้นไปอาจโดนขายสลับลง แนวรับ654,647จุด หากยืนได้ก็พร้อมขึ้นไปทดสอบต้านแรก659ถัดไป676จุด และพร้อมจะrallyเป็นขาขึ้นไปแถวๆ690-700จุดต่อไป

อย่างไรก็ดีหากไม่ผ่านด่าน655จุด+/-ก็จะเสี่ยงตกลงมาด่าน635-630จุด+/-

*สรุปสำคัญ-หากSETมีนิวไฮเกิน945จุดแน่ๆ และหรือSET50เกิน650จุดขึ้นไปแน่ๆ แสดงว่าตลาดเลือกจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นก็ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์มาซื้อหุ้น โดยมีเป้าหมายขึ้นไปขายทำกำไรที่ด่านถัดไปบริเวณ975จุด แต่หากผ่านได้ก็อาจขึ้นไปเป้าหมายใหญ่ถัดไป1,100จุด+/- อย่างไรก็ตามมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องfund flowหากมีการเทขายทำกำไรและถอนเงินออกก็จะเสี่ยงทำให้ติดหุ้นกันได้ จึงควรดูค่าเงินบาท กับตลาดที่มีเงินไหลเข้ามาพร้อมกับเราอย่างฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซียประกอบด้วย


*หมายเหตุ:สมัครสมาชิกสอบถาม02-9275800 เพื่อดูชาร์ตประกอบ และหุ้นเด่นที่แนะนำแต่ละวันในเวบไซต์www.tontancorp.com

อบรมมือใหม่หัดเล่นหุ้นให้รวยรุ่นที่ 26 /วันเสาร์ที่ 25ก.ย.นี้
-รอบนี้เพิ่มเติมเรื่องการลงทุนในทองคำแท่ง,ทองฟิวเจอร์ และค่าเงินบาท กับค่าเงินต่างประเทศให้ในสถานการณ์เงินทุนไหลเข้า ส่งผลหุ้นขึ้นแรง

*ลงทุนในตลาดหุ้น หรือซื้อกองทุนอย่างไรให้ได้รับผลตอบแทนดี มั่นคงมั่งคั่ง
*แต่นี่เป็นเงินที่หามายากเย็น ทำอย่างไรจะไม่เสี่ยงหมดเนื้อหมดตัว
*ลงทุนในตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าฝากแบงก์ก็จริง แต่!อย่าเสี่ยงเข้ามาลองผิดลองถูกในตลาดหุ้น
*ลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่การปาเป้าไปโดนตัวไหนก็รวย เพราะตลาดเป็นขาขึ้น
*ลงทุน-เล่นหุ้นก็เหมือนทุกอย่างในโลกนี้ต้องเรียนรู้ก่อน
*สอนทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ วันเดียบจบ
*สอนตั้งแต่ไม่รู้เรื่องจนลงทุนเป็น
*สอนในห้องค้าจำลอง ใช้ภาษาง่ายๆเข้าใจเร็ว
*สอนคัดหุ้นเด่นเล่นแล้วรวยด้วยตัวท่านเอง
*สอนจังหวะเข้า-ออกทำกำไรงาม พร้อมตัวอย่างจริง
*เหมาะกับทั้งมือใหม่ หรือผู้ลงทุนมาแล้วแต่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง
*หลักสูตรนี้เหมาะกับผู้เริ่มต้นวัยเยาวชน ไปถึงคนเกษียณอายุที่จะลงทุนให้ถูกวิธี
*ด้วยค่าเรียนคุ้มค่าที่สุดเพียงท่านละ3,000บาท หรือครอบครัวละ5,000บาท
*สอนโดยอ.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TRUE VISION 7
*สำรองที่นั่ง จำนวนจำกัด รุ่นละ 10 ครอบครัว ไม่เกิน 20 ท่านเท่านั้น โทร.029275800

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

มาตรการสกัดบาทไม่ใช้ยาแรง เงินร้อนไหลเข้า ตลาดTIPวิ่งคึก หรือพี่ไทยจะGO SO BIG ?


คัมภีร์หุ้นไทย(22ก.ย.):ควรหันมาเล่นทางซื้อหรือยัง และซื้อตัวไหนดี?

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

1.ข่าวกระทบหุ้นช่วงนี้

1.1ปัจจัยต่างประเทศ

*ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงดอกเบี้ยต่ำ แต่ประกาศว่าอาจเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-FED ประกาศคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) อยู่ในกรอบ 0-0.25 % ในการประชุมวานนี้ ซึ่งเป็นระดับที่ได้กำหนดไว้ในการประชุมเดือนธ.ค.2008 โดยย้ำว่าเฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่ง

แถลงการณ์เฟดระบุว่า เฟดมีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างความแข็งแกร่งแก่เศรษฐกิจที่กำลังมีการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย ซึ่งบ่งชี้ว่า เฟดกำลังเตรียมดำเนินการมากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้การว่างงานปรับตัวขึ้น และราคาไม่ร่วงลง

ปฏิกริยาตลาดหุ้นเอเชีย-ไม่ถือเป็นข่าวดีนะครับ แต่เป็นข่าวเชิงลบ หรือสร้างความกังวลให้ตลาดได้ว่า หากทางการสหรัฐฯอัดฉีดมาตรการเพิ่มเติมอีก ก็แสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่ฟื้นตัวไว ดังที่ตลาดคาดหวัง

วันนี้ตลาดหุ้นเอเชียช่วงเช้าเปิดมาบวก ลบเล็กน้อย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าโซนTIP 3 ประเทศ นอกเหนือจากไทยคืออินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เริ่มเปิดลงมาในวันนี้ อินโดนีเซียลงมาราวๆ0.7% ฟิลิปปินส์ลงมาราวๆ1.3%

1.2ปัจจัยในประเทศ

-รัฐบาลออกมาเบรกPTTไม่ให้เข้าประมูลคาร์ฟูร์ โดยระบุไม่ใช่ธุรกิจหลัก อาจทำให้หุ้นเครือนี้เซได้

-ทางการออสเตรเลียอนุมัติให้BANPUซื้อกิจการเหมืองถ่านหินในออสเตรเลียได้ จะเป็นข่าวบวกกระตุ้น

-กรณี3Gต้องรอถึงวันพฤหัสฯ23ก.ย.-ศาลนัดฟังคำตัดสินในวันพฤหัสฯที่ 23 ก.ย.นี้เวลา9โมงเช้า อาจทำให้หุ้นสื่อสาร หรือตลาดมีเรื่องต้อง”รอ”คำตัดสินไปก่อน

2.ประเด็นหลักที่มีผลต่อหุ้น ยังจับตามองค่าเงินบาท กับตลาดTIP

2.1มาตรการใหม่ไม่มีอะไรแรงที่จะสกัดค่าเงินบาท

-สมกับว่าเป็นรัฐมนตรีคลังที่มีภูมิหลังมาจากวงการหุ้น รัฐมนตรีกรณ์ไม่ได้จะออกมาตรการอะไรที่รุนแรงน่ากลัวเหมือนสมัย”หม่อมอุ๋ย”เป็นรัฐมนตรีคลัง(ตอนนั้นออกมาตรการ30%กระแทกหุ้นตกหนักในวันเดียวเป็นประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทยไปแล้ว) โดยคุณกรณ์กล่าวว่ามาตรการใหม่จะเน้นให้นำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อปรับค่าเงินบาทให้สู่ระดับสมดุล

-เข้าใจว่าHedge fundคงคลายความวิตกก็เลยไหลเงินเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อไป เมื่อวานเลยซื้อสุทธิหนาแน่น3600ล้านบาท


สถานการณ์-อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าค่าเงินบาทก็เริ่มทรงตัว ไม่แข็งต่อเนื่องแล้วนะครับ วันก่อนค่าเงินบาท
แข็งขึ้นมาแถว30.60ก็เริ่มอ่อนลง ทำท่าจะผ่านแนวรับเขต30.75บาท/ดอลลาร์ลงไปด้วย

ก็ควรจับตามองว่าหาก ค่าเงินบาทอาจมีการอ่อนค่าไปเกินกว่า30.75 อาจอ่อนลงต่อไปบริเวณ 30.96 บาท/US$ เป้าหมายต่อไปน่าอ่อนลงไปเขต 31.35 บาท/US$+/-

2.2ตลาดหุ้นTIP(ไทย,อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์) เป็นไปได้ไหมที่หุ้นไทยจะrally ทำนิวไฮตามอินโดฯกับฟิลิปปินส์ หลังหมดความกังวลเรื่องมาตรการสกัดค่าเงินบาทแล้ว


สถานการณ์-ประเด็นสำคัญคือเศรษฐกิจอเมริกา ยุโรปแย่ ดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง ส่งผลให้เงินทุนจากโซนอเมริกา และยุโรปไหลเข้ามากินส่วนต่างดอกเบี้ย รวมทั้งมาเล่นหุ้นเก็งกำไรในย่านเอเชีย

อย่างไรก็ดี มีข้อน่าสังเกตคือ เม็ดเงินร้อนที่ไหลมาทางเอเชีย หากสังเกตให้ดีจะพบว่าไม่ได้มาทุกตลาดนะครับ จะมาเฉพาะโซนที่ฝรั่งเรียกว่าTIP-Thailand ,Indonesia, Philipines เท่านั้น จากชาร์ตด้านบนจะพบว่าหน้าตาของ3ตลาดหุ้นนี้คล้ายๆกัน ขณะที่ตลาดอื่นๆไม่ว่าจะเป็นจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลย์ ญี่ปุ่นฯลฯนั้น ยังไม่ได้ขึ้นมาขนาดนี้

แต่หากเทียบกันทั้ง3ตลาดนี้จะพบความเหมือนที่แตกต่างคือ ตลาดอินโดนีเซียขึ้นดีที่สุดคือทำจุดall time highไปแล้ว ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ แต่ตลาดหุ้นไทยยังทดสอบเขตพีคเก่าบริเวณ925-945จุด ยังไม่ทำนิวไฮชัดเจน

ข้อพิจารณาสำคัญ-ก็คอยจับตาดู3ตลาดนี้นะครับ น่าไปทางเดียวกัน คือหากทำนิวไฮก็ยังไปต่อด้วยกัน แต่หากจะพีครอบนี้ก็น่าจะไล่เลี่ยใกล้เคียงกัน เพราะมีอิทธิพลจากhot moneyด้วยกัน

3.หากผ่านด่าน937-945ก็มีลุ้นนิวไฮ975จุด

สถานการณ์-ในชาร์ตรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นภาพระยะกลางของSET มีแนวต้าน down trend บริเวณ 935จุด ถัดไปพีคเก่า 945จุด ซึ่งหากผ่านได้ก็จะขึ้นไปแนวต้านเป้าหมายถัดไป คือแนวต้านuptrend channelบริเวณ975จุด+/-

แต่อย่างไรก็ตามหากระยะสัปดาห์ ขึ้นไปไม่เกินด่าน935หรือไม่มีจุดสูงใหม่(new high)เกิน945จุด และหรือเกิดลงต่ำกว่าแนวรับuptrendบริเวณ915จุด หรือลงทำนิวโลว์ต่ำกว่าเขต902จุดก็เสี่ยงจะตกเป็นขาลงขนาดใหญ่ หรือตกปรับฐานได้ระดับ100-150จุด

กลยุทธ์การลงทุน

ก.ในทางบวก หากขึ้นดัชนีหุ้นจะมีแนวต้านแรก935ถัดไป 945 หากผ่านอาจไปได้แถวๆ975จุด หรือมีupside gain ราวๆ 50 จุด หากออกมาทางนี้ก็ควรพัวพันเล่นขาขึ้น อาจดูหุ้นที่มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างPTTAR(ซื้อหากผ่านด่าน26.50 เป้าหมายเขต32บาท) หรือกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากคาดว่าแบงก์จะชะลอขึ้นดอกเบี้ย อย่างที่ดินหรือรับเหมา เช่น QH TRC(ดูรายละเอียดในกระทิงทองส่องหุ้น www.tontancorp.com)

ข.ในทางลบ หากไม่ผ่าน935 หรือไม่มีnew highเกิน945หรือลงหลุดด่าน915จุดเด็ดขาดในระยะสัปดาห์ ก็เสี่ยงจะตกปรับฐาน หรืออาจเป็นขาลงไปแถวๆ850-750จุด หรือมีdown side riskอยู่ราวๆ80-150จุดเป็นประมาณ-หากออกมาในกรณีหลังคือทำท่าไม่ผ่าน935หรือไม่มีนิวไฮเกิน945น่านำหุ้นออกมาขาย


4.SET50 แนวต้านสำคัญ655จะผ่านไหม?

สถานการณ์-มาใกล้previous high650จุด ข้อพิจารณามีว่าหากวันนี้เปิดมาแล้วขึ้นเกินด่านนี้เด็ดขาด SET50 จะrallyขึ้นไปที่655+/-โดยประมาณ

ดังนั้น ข้อพิจารณาก็คือว่า

1.หากดีเกินคาดSET50ขึ้นไปทะลุผ่านด่าน655หรือมาปิดแถวๆ655 แสดงว่าพร้อมจะrallyเป็นขาขึ้นไปแถวๆ690-700จุดต่อไป

2.อย่างไรก็ดีหากไม่ผ่านด่าน655จุด+/-ก็จะเสี่ยงตกลงมาด่าน635-630จุด+/-

*สรุปสำคัญ

-หากวันนี้SETมีนิวไฮเกิน945จุดแน่ๆ และหรือSET50เกิน650จุดขึ้นไปแน่ๆ ก็ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์มาซื้อหุ้น โดยมีเป้าหมายขึ้นไปขายทำกำไรที่ด่านถัดไปบริเวณ975จุด แต่หากไม่ผ่าน945+/-ก็คงต้องใช้กลยุทธ์เดิมคือขายแล้วรอดูท่าที



อบรมมือใหม่หัดเล่นหุ้นให้รวยรุ่นที่ 26 /วันเสาร์ที่ 25ก.ย.นี้

-รอบนี้เพิ่มเติมเรื่องการลงทุนในทองคำแท่ง,ทองฟิวเจอร์ และค่าเงินบาท กับค่าเงินต่างประเทศให้ในสถานการณ์เงินทุนไหลเข้า ส่งผลหุ้นขึ้นแรง

*ลงทุนในตลาดหุ้น หรือซื้อกองทุนอย่างไรให้ได้รับผลตอบแทนดี มั่นคงมั่งคั่ง
*แต่นี่เป็นเงินที่หามายากเย็น ทำอย่างไรจะไม่เสี่ยงหมดเนื้อหมดตัว
*ลงทุนในตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าฝากแบงก์ก็จริง แต่!อย่าเสี่ยงเข้ามาลองผิดลองถูกในตลาดหุ้น
*ลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่การปาเป้าไปโดนตัวไหนก็รวย เพราะตลาดเป็นขาขึ้น
*ลงทุน-เล่นหุ้นก็เหมือนทุกอย่างในโลกนี้ต้องเรียนรู้ก่อน
*สอนทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ วันเดียบจบ
*สอนตั้งแต่ไม่รู้เรื่องจนลงทุนเป็น
*สอนในห้องค้าจำลอง ใช้ภาษาง่ายๆเข้าใจเร็ว
*สอนคัดหุ้นเด่นเล่นแล้วรวยด้วยตัวท่านเอง
*สอนจังหวะเข้า-ออกทำกำไรงาม พร้อมตัวอย่างจริง
*เหมาะกับทั้งมือใหม่ หรือผู้ลงทุนมาแล้วแต่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง
*หลักสูตรนี้เหมาะกับผู้เริ่มต้นวัยเยาวชน ไปถึงคนเกษียณอายุที่จะลงทุนให้ถูกวิธี
*ด้วยค่าเรียนคุ้มค่าที่สุดเพียงท่านละ3,000บาท หรือครอบครัวละ5,000บาท
*สอนโดยอ.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TRUE VISION 7
*สำรองที่นั่ง จำนวนจำกัด รุ่นละ 10 ครอบครัว ไม่เกิน 20 ท่านเท่านั้น โทร.029275800

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

วงจรอุบาทว์ตลาดหุ้น



คัมภีร์หุ้นไทย(20ก.ย.): วงจรตลาดหุ้น
โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com ติดตามรายการเพื่อนนักลงทุนทางtrue vision 07 (TNN24)เวลา13.10-13.30 น. จันทร์-ศุกร์
**************************************

1.จิตวิทยาของมวลชนมีผลต่อการขับเคลื่อนตลาดหุ้นอย่างไร?

1.1ในยามที่ตลาดสดใสภาวะกระทิง-มวลชนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นมองโลกในแง่ดี(Optimism) จึงคิดจะซื้อหุ้น และเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ(Excitement) กระทั่งรู้สึกเสียวเพราะหุ้นขึ้นดีเหลือใจ(Thrill) และเมื่อหุ้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้มวลชในตลาดอิ่บอาบซาบซึ้ง(Euphoria)ว่าตลาดขาขึ้นคงจะมีอยู่ตลอดไป ลงไม่เป็นแล้ว

1.2ในยามที่ตลาดขาลงตลาดหมี-หลังผ่านพ้นช่วงอิ่มอาบซาบซึ้งแล้ว ราคาหุ้นมักเริ่มตก เมื่อคนในตลาดส่วนใหญ่คิดว่าหุ้นคงตกไม่เป็นแล้ว ช่วงแรกมวลชนในตลาดอาจจะแค่รู้สึกกังวล(Anxiety)กับการที่ราคาหุ้นเริ่มตก แต่ปฏิกริกายาในช่วงแรกๆมักจะปฏิเสธ(Denial)ว่าหุ้นไม่ควรตก เพราะข้อมูลข่าวสารต่างๆยังดีอยู่ ไม่เห็นมีอะไรแย่ แต่ราคาหุ้นก็ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ฝูงชนกลัว(Fear) แต่ก็ยังไม่ยอมขายหุ้น ทว่าราคาหุ้นยังตกต่ำต่อเนื่อง(Depression) จนทำให้มวลชนตื่นผวาเสียขวัญ(Panic) และเมื่อราคาหุ้นตกอย่างหนัก เช่น ขาดทุนในระดับ50%มวลชนส่วนใหญ่มักจะยอมแพ้(Capitulation) และเสียขวัญกำลังใจ(Despondency) หลายคนสาปส่งลาขาดตลาดหุ้นด้วยความสิ้นหวัง(Desperation)

แต่แล้วพอหลังจากนั้นราคาหุ้นก็เริ่มโงหัว ก่อให้เกิดความหวัง(Hope)ขึ้นมา และรู้สึกคลี่คลายลงคิดว่ามีมืดก็ย่อมมีสว่าง(Relief) และแล้วมวลชนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นก็มองโลกในแง่ดี(Optimism)อีกวาระ และเวียนวนเป็นวัฏจักรไปเช่นนี้

ตามกฎ80:20นั้น มวลชนส่วนใหญ่ในตลาดเป็นผู้แพ้ เสียหายในตลาดหุ้น เพราะเป็นคนที่แห่ตามๆกันไป ไปตามอารมณ์ ขณะที่เพียง20%เท่านั้นเป็นผู้ชนะ คน20%นั้นมียุทธวิธีลงทุนแบบชาวสวน(Contrarian) กล่าวคือเมื่อมวลชนส่วนใหญ่แห่ไล่ราคาหุ้นขึ้นมายอดดอย คนเหล่านี้จะถือเป็นโอกาสขายทำกำไร เมื่อพิจารณาว่าราคาหุ้นขึ้นมาเกินกว่าราคาปัจจัยพื้นฐานมากๆ

ขณะเดียวกันเมื่อตลาดหุ้นอยู่ในช่วงตกต่ำอย่างหนัก คนส่วนใหญ่แย่งกันขายหนีตาย คนเหล่านี้จะทยอยเก็บหุ้นในราคาที่มีส่วนลดจากราคาปัจจัยพื้นฐาน

ความสำเร็จ หรือ ความล้มเหลวในตลาดหุ้น นอกจากการที่ท่านต้องรู้จักตลาดหุ้นเป็นอย่างดี รู้จังหวะเข้าออกเป็นอย่างดี ท่านยังต้องรู้จักอารมณ์และสภาพจิตใจของตนเอง และมวลชนในตลาดด้วย

ถามตัวเองว่า ตอนนี้ท่านอยู่ในช่วงอารมณ์ไหน...?
***********************
1.ปัจจัยเฝ้า ยังควรระมัดระวังธปท.จะแทรกแซงค่าเงิน ส่งผลให้ฝรั่งขายทำกำไรลดความเสี่ยง กดดันตลาดหุ้นตก

-กรณี3Gต้องรอถึงวันพฤหัสฯ23ก.ย.-ศาลนัดฟังคำตัดสินในวันพฤหัสฯที่ 23 ก.ย.นี้เวลา9โมงเช้า อาจทำให้หุ้นสื่อสาร หรือตลาดมีเรื่องต้อง”รอ”คำตัดสินไปก่อน

-ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัว จับตาอาจอ่อนค่าลงหากทะลุเขต30.96บาท/ดอลลาร์


สถานการณ์-วันก่อนค่าเงินบาทเรื่มอ่อนลงมาใกล้แนวรับใหญ่30.96บาท/ดอลลาร์ ทั้งนี้เนื่องจากการแทรกแซงค่าเงินสกุลเอเชีย นำโดย ญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงครั้งแรกในรอบ 6 ปี จึงน่าเชื่อว่า ธนาคารกลางในเอเชียอื่นๆ(รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย)จะประกาศในทิศทางเดียวกัน เนื่องจาก ประสบปัญหาค่าเงินตัวเองแข็งค่ามากเกินไปจนกระทบต่อภาคการส่งออก

เป็นที่น่าสังเกตว่าค่าเงินบาทเริ่มทรงตัว และควรจับตามองว่าหาก ค่าเงินบาทอาจมีการอ่อนค่าไปเกินกว่าบริเวณ 30.96 บาท/US$ เป้าหมายต่อไปน่าอ่อนลงไปเขต 31.35 บาท/US$+/-
การกลับมาอ่อนค่าลง ของสกุลเอเชียเทียบดอลล์สหรัฐฯ จะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นเอเชียโดยรวม จากการขายล็อคกำไรของกองทุนต่างชาติ

สรุปจนถึงตอนนี้หมายถึงความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติจะไม่เหมือนเก่าแล้ว เวลาที่ทอดตัวออกไปน่าจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติที่ทยอยเข้ามาแลกบาทและบาทเริ่มมีจุดเสถียรภาพชะลอการเก็งกำไรบาท พร้อมๆกับขายบาทและหุ้นออกไปซึ่งผลอาจจะยังไม่เห็นในช่วงสัปดาห์นี้เพราะต้องรอผลจากการ Defend ของธปท. อีกระยะหนึ่ง ผลกระทบจึงจะค่อยๆเกิดให้เห็นประจักษ์ ซึ่งจะส่งผลให้ SET อยู่ในอาการ Sideways คนยังจะไม่เห็นตกชัดๆ

2.ตลาดหุ้นTIP(ไทย,อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์)กับHot moneyรอบนี้ทำให้ราคาขึ้นนิวไฮ ให้จับตามองยังไปต่อ หรือจะโดนHedge fundขายทำกำไร


สถานการณ์-ประเด็นสำคัญคือเศรษฐกิจอเมริกา ยุโรปแย่ ดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง ส่งผลให้เงินทุนจากโซนอเมริกา และยุโรปไหลเข้ามากินส่วนต่างดอกเบี้ย รวมทั้งมาเล่นหุ้นเก็งกำไรในย่านเอเชีย

อย่างไรก็ดี มีข้อน่าสังเกตคือ เม็ดเงินร้อนที่ไหลมาทางเอเชีย หากสังเกตให้ดีจะพบว่าไม่ได้มาทุกตลาดนะครับ จะมาเฉพาะโซนที่ฝรั่งเรียกว่าTIP-Thailand ,Indonesia, Philipines เท่านั้น จากชาร์ตด้านบนจะพบว่าหน้าตาของ3ตลาดหุ้นนี้คล้ายๆกัน ขณะที่ตลาดอื่นๆไม่ว่าจะเป็นจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลย์ ญี่ปุ่นฯลฯนั้น ยังไม่ได้ขึ้นมาขนาดนี้

แต่หากเทียบกันทั้ง3ตลาดนี้จะพบว่าตลาดอินโดนีเซียขึ้นดีที่สุดคือทำจุดnew highไปแล้ว ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ แต่ตลาดหุ้นไทยยังทดสอบเขตพีคเก่าบริเวณ925จุด+/- ยังไม่ทำนิวไฮชัดเจน

ข้อพิจารณาสำคัญ-ก็คอยจับตาดู3ตลาดนี้นะครับ น่าไปทางเดียวกัน คือหากทำนิวไฮก็ยังไปต่อด้วยกัน แต่หากจะพีครอบนี้ก็น่าจะไล่เลี่ยใกล้เคียงกัน เพราะมีอิทธิพลจากhot moneyด้วยกัน ตอนนี้ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์มา4พันจุดเริ่มโดนขาย อินโดนีเซียก็เริ่มมีแรงขาย มันจะลามมาหาหุ้นไทยด้วยไหม เพราะเป็นเงินก้อนเดียวกันก็ให้ดูด้วย...

3.ระหว่างเป้าหมายขึ้นทำนิวไฮ975จุด กับการหมดรอบพีคและลง อันไหนมีโอกาสมากกว่ากัน? และระหว่างความเสี่ยงกับโอกาส อันไหนมากกว่ากัน? จะได้ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่ถูกต้อง

สถานการณ์-ในชาร์ตรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นภาพระยะกลางของSET มีแนวต้าน down trend บริเวณ 935จุด ถัดไป945จุด ซึ่งหากผ่านได้ก็จะขึ้นไปแนวต้านเป้าหมายถัดไป คือแนวต้านuptrend channelบริเวณ975จุด+/-

แต่อย่างไรก็ตามหากระยะสัปดาห์ ขึ้นไปไม่เกินด่าน935หรือไม่มีจุดสูงใหม่(new high)เกิน945จุด และหรือเกิดลงต่ำกว่าแนวรับuptrendบริเวณ915จุด หรือลงทำนิวโลว์ต่ำกว่าเขต902จุดก็เสี่ยงจะตกเป็นขาลงขนาดใหญ่ หรือตกปรับฐานได้ระดับ100-150จุด

ข้อพิจารณาเป็นดังนี้

ก.ในทางบวก หากขึ้นดัชนีหุ้นจะมีแนวต้านแรก935ถัดไป 945 หากผ่านอาจไปได้แถวๆ975จุด หรือมีupside gain ราวๆ15จุด หรือขึ้นเต็มที่ราวๆ50จุด

ข.ในทางลบ หากไม่ผ่าน935 หรือไม่มีnew highเกิน945หรือลงหลุดด่าน915จุดเด็ดขาดในระยะสัปดาห์ ก็เสี่ยงจะตกปรับฐาน หรืออาจเป็นขาลงไปแถวๆ850-750จุด หรือมีdown side riskอยู่ราวๆ80-150จุดเป็นประมาณ

*สัปดาห์นี้นี้มีแนวรับ915จุด+/- แนวต้าน935จุด+/-

มีสัญญาณเชิงลบเกิดขึ้นในชาร์ตรายวัน

ในชาร์ตรายวันพบว่าเกิดภาพเชิงลบหลายเรื่อง คือ

-เกิดbearish divergenceในเครื่องมือRSI กล่าวคือรอบที่ผ่านมาสัญญาณRSIไม่ได้ทำnew highตามราคา โดยทั่วไปมักเตือนถึงสัญญาณซื้อที่อ่อนแอ และอาจตามมาด้วยการตกปรับฐานหรือตกรอบใหญ่ๆ
-เกิดsell signalในmodified stochasticsคือเกิดสัญญาณขายมาหลายวันเมื่อ%Kตัดลงต่ำกว่า%dมาหลายวันทำการแล้ว
-เกิดสัญญาณขายในเครื่องมือparabolicมาหลายวันทำการแล้ว

การจะลบล้างสัญญาณเชิงลบนี้จะมีได้ก็ต่อเนื่องดัชนีSETปรับตัวขึ้นไปผ่านเจตแนวต้านdowntrendบริเวณ 935-940จุด+/-ในสัปดาห์นี้

กลยุทธและการจัดพอร์ตการลงทุนช่วงนี้-ในทางตรรกะ(logic) หรือการคิดเชิงเป็นเหตุเป็นผลแล้ว เมื่อสรุปคาดการณ์ว่า ความเสี่ยงมากกว่าโอกาส(เสี่ยงตกเป็น80ถึง150จุด โอกาสขึ้นแค่20หรือ50จุด) ก็เป็นธรรมดาว่าควรที่จะลดน้ำหนักการลงทุนให้น้อยลง เช่น อาจมีพอร์ตลงทุนในหุ้นไม่เกิน30%หรือเต็มที่ไม่เกิน50% และถือเงินสดให้มากขึ้น เช่น อาจมีเงินสดเกินกว่า50%หรืออาจจะระดับ70-80% หากจะพัวพันในหุ้นก็อาจราว20-30% หรือไม่เกิน50% เพราะความเสี่ยงมากขึ้น

บางท่านบอกว่าทำไมไม่เห็นตลาดหุ้นตกเสียที หลังจากผมแนะนำขายมาตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน คำตอบคือผมมองภาพใหญ่ตั้งแต่กันยายน ตุลาคม อาจจะถึงกลางธันวาคม เป็นทิศทางลงครับ โดยเคยให้ความเห็นว่าอาจขึ้นมาพีคในเดือนกันยายนและเริ่มจะตกในเดือนนี้ หากจะตกแรงๆตกหนักๆนั้นผมยังคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม(ตามมาด้วยการตกต่อและซึมตลอดพฤศจิกายนไปจนถึงธันวาคม)


เพราะฉะนั้นยังอยู่ในเกณฑ์ที่ประเมินไว้ครับว่าเดือนกันยายนจะเริ่มตก ท่านอย่าร้อนใจไปเลยหากขายหุ้นออกมาแล้ว ก็ถือเงินสดห่อกำไรไว้ก่อนจะดีกว่า


4.SET50 ระหว่างความเสี่ยงกับโอกาส


แนวโน้ม-สัปดาห์นี้มีแนวต้านแรก637-640จุด หากผ่านจะไป650-654จุด ซึ่งแนะนำว่าควรขายหากำไรขาลง หากขึ้นไม่ผ่านแนวต้าน เนื่องจากบริเวณ650(หรือ654)เป็นแนวต้านuptrend channelสำคัญ

หรือกรณีไม่ผ่านด่านแรก637-640ก็อาจตกลงไปตั้งแต่615-620ถัดไป600หรือ585จุด หรือกรอบล่าสุด550จุด

ดังนั้นจึงแนะนำให้”ขายเพื่อหากำไรขาลง”ที่เขตแนวต้าน
พิจารณาดังนี้

ก.ในทางขาขึ้นมีupsideคือช่วงขาขึ้นอาจเพียง5-15จุด
ข.ในทางลง มีความเสี่ยงขาลงมากถึง40-เกือบ100จุด

กลยุทธ์การลงทุน-เมื่อพิจารณาว่าโอกาสของขาขึ้นมีจำกัด ขณะที่ความเสี่ยงของขาลงมาก ก็ไม่ควรเน้นเทรดขาขึ้นแล้ว หากมีหุ้นก็อาจขายทำกำไรหากSET50ขึ้นไปเขต640-650จุด ในทางกลับกันหากลงไปต่ำกว่าเขต630จุดเด็ดขาด ก็น่า”เปิดสถานะขายซ้ำ”เพื่อทำกำไรขาลง

หมายเหตุ:หากต้องการดูกราฟ และอ่านบทความนี้ และคำแนะนำหุ้นเด่นประจำวัน ให้ติดต่อบอกรับเป็นสมาชิก
***************

อบรมมือใหม่หัดเล่นหุ้นให้รวยรุ่นที่ 26 /วันเสาร์ที่ 25ก.ย.นี้

-รอบนี้เพิ่มเติมเรื่องการลงทุนในทองคำแท่ง,ทองฟิวเจอร์ และค่าเงินบาท กับค่าเงินต่างประเทศให้ในสถานการณ์เงินทุนไหลเข้า ส่งผลหุ้นขึ้นแรง

*ลงทุนในตลาดหุ้น หรือซื้อกองทุนอย่างไรให้ได้รับผลตอบแทนดี มั่นคงมั่งคั่ง
*แต่นี่เป็นเงินที่หามายากเย็น ทำอย่างไรจะไม่เสี่ยงหมดเนื้อหมดตัว
*ลงทุนในตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าฝากแบงก์ก็จริง แต่!อย่าเสี่ยงเข้ามาลองผิดลองถูกในตลาดหุ้น
*ลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่การปาเป้าไปโดนตัวไหนก็รวย เพราะตลาดเป็นขาขึ้น
*ลงทุน-เล่นหุ้นก็เหมือนทุกอย่างในโลกนี้ต้องเรียนรู้ก่อน
*สอนทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ วันเดียบจบ
*สอนตั้งแต่ไม่รู้เรื่องจนลงทุนเป็น
*สอนในห้องค้าจำลอง ใช้ภาษาง่ายๆเข้าใจเร็ว
*สอนคัดหุ้นเด่นเล่นแล้วรวยด้วยตัวท่านเอง
*สอนจังหวะเข้า-ออกทำกำไรงาม พร้อมตัวอย่างจริง
*เหมาะกับทั้งมือใหม่ หรือผู้ลงทุนมาแล้วแต่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง
*หลักสูตรนี้เหมาะกับผู้เริ่มต้นวัยเยาวชน ไปถึงคนเกษียณอายุที่จะลงทุนให้ถูกวิธี
*ด้วยค่าเรียนคุ้มค่าที่สุดเพียงท่านละ3,000บาท หรือครอบครัวละ5,000บาท
*สอนโดยอ.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TRUE VISION 7
*สำรองที่นั่ง จำนวนจำกัด รุ่นละ 10 ครอบครัว ไม่เกิน 20 ท่านเท่านั้น โทร.029275800

อบรมทีเด็ดรวยหุ้นเด่นด้วยเทคนิคขั้นเทพ (เหมาะกับผู้ที่เคยผ่านการอบรมหลักสูตรมือใหม่เล่นหุ้นมาแล้ว) งานมีวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน

-สอนวิธีคัดสรรหุ้นเด่นพื้นฐานดีด้วยตัวคุณเอง
-สอนวิธีคัดสรรหุ้นเด่นเทคนิคสวยอนาคตวิ่งที่เป็นสูตรเฉพาะ
-สอนเทคนิคการเข้าและออก ซื้อและขายให้ทำกำไรไม่ติดหุ้น ไม่ผิดทาง
-สอนในแง่มิติเวลาว่าเมื่อไรน่าซื้อ เมื่อไรน่าขาย
-สอนวัดเป้าหมายการวิ่งขึ้น และเป้าหมายการตก แนวรับVSแนวต้าน
-สอนวิธีอ่านเกมรู้ทันเจ้ามือหุ้น,ฝรั่งด้วยกราฟเทคนิค
-สอนเทคนิคดูกราฟอย่างง่าย เข้าใจเร็ว นำไปตัดสินใจลงทุนได้จริง
-หลักสูตรเร่งรัดวันเดียวจบ รู้เรื่องง่าย เข้าใจเร็ว ไม่ยุ่งและไม่ยากอย่างทึ่คิด
-สอนดูทิศทางหุ้น,TFEX,น้ำมัน,ทองคำ,ค่าเงิน
-สอนจากประสบการณ์ตรงที่ใช้มานานมากกว่า 15 ปี
*สอนโดยอ.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TRUE VISION 7
*สำรองที่นั่ง จำนวนจำกัด รุ่นละ 10 ครอบครัว ไม่เกิน 20 ท่านเท่านั้น โทร.029275800(เรียนเฉพาะวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์)

หรือ โทรมือถือ 087-717-8979 (คุณชัชฎา) 087-717-4979 (คุณสุเมธ), 087-717-4939 (คุณเมทิกา)

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

คำตอบที่ว่าทำไมคนส่วนใหญ่แพ้ตลาด และมีเพียงส่วนน้อยที่รวยจากหุ้น

คัมภีร์หุ้นไทย(17ก.ย.): เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ ทำไมคนส่วนใหญ่แพ้ตลาด
โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

1.จิตวิทยาของมวลชนมีผลต่อการขับเคลื่อนตลาดหุ้นอย่างไร?

1.1ในยามที่ตลาดสดใสภาวะกระทิง-มวลชนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นมองโลกในแง่ดี(Optimism) จึงคิดจะซื้อหุ้น และเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ(Excitement) กระทั่งรู้สึกเสียวเพราะหุ้นขึ้นดีเหลือใจ(Thrill) และเมื่อหุ้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้มวลชในตลาดอิ่บอาบซาบซึ้ง(Euphoria)ว่าตลาดขาขึ้นคงจะมีอยู่ตลอดไป ลงไม่เป็นแล้ว

1.2ในยามที่ตลาดขาลงตลาดหมี-หลังผ่านพ้นช่วงอิ่มอาบซาบซึ้งแล้ว ราคาหุ้นมักเริ่มตก เมื่อคนในตลาดส่วนใหญ่คิดว่าหุ้นคงตกไม่เป็นแล้ว ช่วงแรกมวลชนในตลาดอาจจะแค่รู้สึกกังวล(Anxiety)กับการที่ราคาหุ้นเริ่มตก แต่ปฏิกริกายาในช่วงแรกๆมักจะปฏิเสธ(Denial)ว่าหุ้นไม่ควรตก เพราะข้อมูลข่าวสารต่างๆยังดีอยู่ ไม่เห็นมีอะไรแย่ แต่ราคาหุ้นก็ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ฝูงชนกลัว(Fear) แต่ก็ยังไม่ยอมขายหุ้น ทว่าราคาหุ้นยังตกต่ำต่อเนื่อง(Depression) จนทำให้มวลชนตื่นผวาเสียขวัญ(Panic) และเมื่อราคาหุ้นตกอย่างหนัก เช่น ขาดทุนในระดับ50%มวลชนส่วนใหญ่มักจะยอมแพ้(Capitulation) และเสียขวัญกำลังใจ(Despondency) หลายคนสาปส่งลาขาดตลาดหุ้นด้วยความสิ้นหวัง(Desperation)

แต่แล้วพอหลังจากนั้นราคาหุ้นก็เริ่มโงหัว ก่อให้เกิดความหวัง(Hope)ขึ้นมา และรู้สึกคลี่คลายลงคิดว่ามีมืดก็ย่อมมีสว่าง(Relief) และแล้วมวลชนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นก็มองโลกในแง่ดี(Optimism)อีกวาระ และเวียนวนเป็นวัฏจักรไปเช่นนี้

ตามกฎ80:20นั้น มวลชนส่วนใหญ่ในตลาดเป็นผู้แพ้ เสียหายในตลาดหุ้น เพราะเป็นคนที่แห่ตามๆกันไป ไปตามอารมณ์ ขณะที่เพียง20%เท่านั้นเป็นผู้ชนะ คน20%นั้นมียุทธวิธีลงทุนแบบชาวสวน(Contrarian) กล่าวคือเมื่อมวลชนส่วนใหญ่แห่ไล่ราคาหุ้นขึ้นมายอดดอย คนเหล่านี้จะถือเป็นโอกาสขายทำกำไร เมื่อพิจารณาว่าราคาหุ้นขึ้นมาเกินกว่าราคาปัจจัยพื้นฐานมากๆ

ขณะเดียวกันเมื่อตลาดหุ้นอยู่ในช่วงตกต่ำอย่างหนัก คนส่วนใหญ่แย่งกันขายหนีตาย คนเหล่านี้จะทยอยเก็บหุ้นในราคาที่มีส่วนลดจากราคาปัจจัยพื้นฐาน

ความสำเร็จ หรือ ความล้มเหลวในตลาดหุ้น นอกจากการที่ท่านต้องรู้จักตลาดหุ้นเป็นอย่างดี รู้จังหวะเข้าออกเป็นอย่างดี ท่านยังต้องรู้จักอารมณ์และสภาพจิตใจของตนเอง และมวลชนในตลาดด้วย
***********************
1.ปัจจัยเฝ้า ยังควรระมัดระวังธปท.จะแทรกแซงค่าเงิน ส่งผลให้ฝรั่งขายทำกำไรลดความเสี่ยง กดดันตลาดหุ้นตก



สถานการณ์-วันก่อนค่าเงินบาทเรื่มอ่อนลงมาใกล้แนวรับใหญ่30.96บาท/ดอลลาร์ ทั้งนี้เนื่องจากการแทรกแซงค่าเงินสกุลเอเชีย นำโดย ญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงครั้งแรกในรอบ 6 ปี จึงน่าเชื่อว่า ธนาคารกลางในเอเชียอื่นๆ(รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย)จะประกาศในทิศทางเดียวกัน เนื่องจาก ประสบปัญหาค่าเงินตัวเองแข็งค่ามากเกินไปจนกระทบต่อภาคการส่งออก ซึ่งทำให้คาดว่า ค่าเงินบาทอาจมีการอ่อนค่าไปที่บริเวณ 30.96 บาท/US$ และหากอ่อนทะลุแนวรับดังกล่าว เป้าหมายต่อไปน่าอ่อนลงไปเขต 31.35 บาท/US$+/-

การกลับมาอ่อนค่าลง ของสกุลเอเชียเทียบดอลล์สหรัฐฯ จะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นเอเชียโดยรวม จากการขายล็อคกำไรของกองทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ตามกลุ่มส่งออก เช่น ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ นำโดย KCE HANA DELTA และกลุ่มเกษตร TUF STA จากการมีนัยสูงด้านบวกต่อบาทอ่อน

*วิธีการแทรกแซงของแบงก์ชาติ เงียบและนักเก็งกำไรขยาด เพราะพิมพ์แบงก์มาแทรกแซงได้ไม่จำกัด- แม้ว่า BoT จะยังไม่มีการประกาศมาตรการใดๆที่จะมาสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินบาท แต่ก็เป็นไปดังที่ให้ข้อสังเกตในวันก่อนคือจะพบว่ามีความเหลื่อมกันระหว่างการซื้อขายในตลาดต่างประเทศ(offshore)ที่มักแข็งค่าขึ้น แต่การซื้อขายตลาดในประเทศ(onshore)ก็อ่อนลงหลายวัน น่าสะท้อนว่าธปท.ได้เข้าแทรกแซงแล้ว

นักค้าเงินกล่าวถึงกลยุทธ์ของแบงก์ชาติว่า ธปท.เคยใช้มาตรการเข้าแทรกแซง(Intervene) แบบไม่จำกัดที่เป้าหมายถึงที่ตั้งไว้ในใจ จนนักลงทุนต่างชาติกลัวและบาทอ่อนค่าลงทันทีจาก 33.12 THB/USD กลับมาอ่อนค่าที่ 34.71 หรือบาทอ่อนค่าลง 4.8% เพียง 26 วันทำการ ในช่วงกลางปี2550 ซึ่งตรงกับสมัยรองนายกโฆษิตและผู้ว่าฯธาริสา

คำถามคือความเสียหายในการที่ธปท. ออกไปปกป้องเวลาที่บาทแข็งค่าจะน้อยกว่าเวลาที่เข้าไปปกป้องค่าเงินบาทในเวลาถูกโจมตีให้อ่อนค่า เพราะธปท. สามารถพิมพ์ธนบัตรออกไปกว้านซื้อ USD ได้ไม่จำกัด แล้วค่อยมาออกพันธบัตร Sterilized ที่หลังเพื่อดูดสภาพคล่องออกจากระบบผ่านพันธบัตรดอกเบี้ย RP ที่ 1.75% และเพื่อลดแรงดึงดูดความน่าสนใจในเงินสกุลบาท BoT อาจเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการและลดภาระบัญชีสาธารณะได้อีกทางหนึ่ง งานนี้จะแตกต่างจากเมื่อปี 40 ที่ BoT ออกไป Defend ค่าเงินบาทโดยการรับซื้อ THB จน USD หมดออกไปจากบัญชีทุนสำรอง

สรุปจนถึงตอนนี้หมายถึงความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติจะไม่เหมือนเก่าแล้ว เวลาที่ทอดตัวออกไปน่าจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติที่ทยอยเข้ามาแลกบาทและบาทเริ่มมีจุดเสถียรภาพชะลอการเก็งกำไรบาท พร้อมๆกับขายบาทและหุ้นออกไปซึ่งผลอาจจะยังไม่เห็นในช่วงสัปดาห์นี้เพราะต้องรอผลจากการ Defend ของธปท. อีกระยะหนึ่ง ผลกระทบจึงจะค่อยๆเกิดให้เห็นประจักษ์ ซึ่งจะส่งผลให้ SET อยู่ในอาการ Sideways คนยังจะไม่เห็นตกชัดๆ

อย่างไรก็ดีเมื่อBOJ หรือธนาคารกลางญี่ปุ่นนำทีมแทรกแซงค่าเงิน เรื่องนี้ก็อาจเป็นตัวเร่งปฏิกริยาให้ค่าเงินบาทอ่อนลงเร็วขึ้น และต่างชาติก็จะขายหุ้นเร็วขึ้น และตลาดหุ้นอาจตกไวขึ้นกว่าคาดคิดก็ได้

2.ตลาดหุ้นTIP(ไทย,อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์)กับHot moneyรอบนี้ทำให้ราคาขึ้นนิวไฮ ให้จับตามองยังไปต่อ หรือจะโดนHedge fundขายทำกำไร

สถานการณ์-ประเด็นสำคัญคือเศรษฐกิจอเมริกา ยุโรปแย่ ดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง หรือยังขึ้นไม่ได้ในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจเอเชียดี GDPขยายตัว อัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้น ส่งผลให้เงินทุนจากโซนอเมริกา และยุโรปไหลเข้ามากินส่วนต่างดอกเบี้ย รวมทั้งมาเล่นหุ้นเก็งกำไร

อย่างไรก็ดี มีข้อน่าสังเกตคือ เม็ดเงินร้อนที่ไหลมาทางเอเชีย หากสังเกตให้ดีจะพบว่าไม่ได้มาทุกตลาดนะครับ จะมาเฉพาะโซนที่ฝรั่งเรียกว่าTIP-Thailand ,Indonesia, Philipines เท่านั้น จากชาร์ตด้านบนจะพบว่าหน้าตาของ3ตลาดหุ้นนี้คล้ายๆกัน ขณะที่ตลาดอื่นๆไม่ว่าจะเป็นจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลย์ ญี่ปุ่นฯลฯนั้น ยังไม่ได้ขึ้นมาขนาดนี้

ตอนนี้ตลาดหุ้นTIPไม่ได้เปรียบในแง่ราคาถูกอย่างแต่ก่อนแล้ว

ข้อพิจารณาสำคัญ-ก็คอยจับตาดู3ตลาดนี้นะครับ น่าไปทางเดียวกัน คือหากทำนิวไฮก็ยังไปต่อด้วยกัน แต่หากจะพีครอบนี้ก็น่าจะไล่เลี่ยใกล้เคียงกัน เพราะมีอิทธิพลจากhot moneyด้วยกัน ตอนนี้ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์มา4พันจุดเริ่มโดนขาย อินโดนีเซียก็เริ่มมีแรงขาย มันจะลามมาหาหุ้นไทยด้วยไหม เพราะเป็นเงินก้อนเดียวกันก็ให้ดูด้วย...

3.ระหว่างเป้าหมายขึ้นทำนิวไฮ975จุด กับการหมดรอบพีคและลง อันไหนมีโอกาสมากกว่ากัน? และระหว่างความเสี่ยงกับโอกาส อันไหนมากกว่ากัน? จะได้ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่ถูกต้อง

สถานการณ์-ในชาร์ตรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นภาพระยะกลางของSET กำลังทดสอบแนวต้านพีคเก่า945จุด ซึ่งหากผ่านได้ก็จะขึ้นไปแนวต้านเป้าหมายถัดไป คือแนวต้านuptrend chhhannelบริเวณ975จุด+/- แต่อย่างไรก็ตามหากระยะสัปดาห์ ขึ้นไปไม่มีจุดสูงใหม่(new high) และหรือเกิดลงทำนิวโลว์ต่ำกว่าเขต915จุดก็เสี่ยงจะตกเป็นขาลงขนาดใหญ่ หรือตกปรับฐานได้ระดับ100-150จุด

ข้อพิจารณาเป็นดังนี้

ก.ในทางบวก หากขึ้นดัชนีหุ้นจะมีแนวต้านแรก938ถัดไป 945 หากผ่านอาจไปได้แถวๆ975จุด หรือมีupside gain ราวๆ20จุดหรือขึ้นเต็มที่ราวๆ50จุด

ข.ในทางลบ หากไม่ผ่าน938 หรือไม่มีnew highเกิน945หรือลงหลุดด่าน915จุดเด็ดขาดในระยะสัปดาห์ ก็เสี่ยงจะตกปรับฐาน หรืออาจเป็นขาลงไปแถวๆ850-750จุด หรือมีdown side riskอยู่ราวๆ80-150จุดเป็นประมาณ


*วันนี้มีแนวรับ918-912จุด แนวต้าน932-938จุด

กลยุทธและการจัดพอร์ตการลงทุนช่วงนี้-ในทางตรรกะ(logic) หรือการคิดเชิงเป็นเหตุเป็นผลแล้ว เมื่อสรุปคาดการณ์ว่า ความเสี่ยงมากกว่าโอกาส(เสี่ยงตกเป็น80ถึง150จุด โอกาสขึ้นแค่20หรือ50จุด) ก็เป็นธรรมดาว่าควรที่จะลดน้ำหนักการลงทุนให้น้อยลง เช่น อาจมีพอร์ตลงทุนในหุ้นไม่เกิน30%หรือเต็มที่ไม่เกิน50% และถือเงินสดให้มากขึ้น เช่น อาจมีเงินสดเกินกว่า50%หรืออาจจะระดับ70-80% หากจะพัวพันในหุ้นก็อาจราว20-30% หรือไม่เกิน50% เพราะความเสี่ยงมากขึ้น

บางท่านบอกว่าทำไมไม่เห็นตลาดหุ้นตกเสียที หลังจากผมแนะนำขายมาตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน คำตอบคือผมมองภาพใหญ่ตั้งแต่กันยายน ตุลาคม อาจจะถึงกลางธันวาคม เป็นทิศทางลงครับ โดยเคยให้ความเห็นว่าอาจขึ้นมาพีคในเดือนกันยายนและเริ่มจะตกในเดือนนี้ หากจะตกแรงๆตกหนักๆนั้นผมยังคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม(ตามมาด้วยการตกต่อและซึมตลอดพฤศจิกายนไปจนถึงธันวาคม)

เพราะฉะนั้นยังอยู่ในเกณฑ์ที่ประเมินไว้ครับว่าเดือนกันยายนจะเริ่มตก ท่านอย่าร้อนใจไปเลยหากขายหุ้นออกมาแล้ว ก็ถือเงินสดห่อกำไรไว้ก่อนจะดีกว่า


4.SET50 ระหว่างความเสี่ยงกับโอกาส


แนวโน้ม-สัปดาห์นี้มีแนวต้าน650จุด ซึ่งแนะนำว่าควรขายหากำไรขาลง เนื่องจากบริเวณ650(หรือ654)เป็นแนวต้านuptrend channelสำคัญ กรณีไม่ผ่านก็อาจตกลงไปตั้งแต่615-620ถัดไป600หรือ585จุด หรือกรอบล่าสุด550จุด

อย่างไรก็ตามเมื่อวานก่อนนี้ร่วงลงมาแถว620จุดแล้วฟื้นไปปิดแถว633จุด ชาร์ตแท่งเทียนมีรูปแบบhammerเป็นสัญญาณทางบวก ดังนั้นวันนี้อาจฟื้นตัวต่อเนื่องขึ้นไปเขต638-640จุด แต่กรณีดีสุดก็ยังคาดว่าไปได้ไม่เกิน650จุด+/-

ดังนั้นจึงแนะนำให้”ขายเพื่อหากำไรขาลง”ที่เขตแนวต้าน โดยหากลงไปต่ำกว่าเขต630 ก็ควรคาดว่าจะเริ่มเป็นทิศทางขาลงรอบใหญ่ได้ คือลงไปอย่างน้อยๆแถว600จุด หรือกระทั่ง550จุด

พิจารณาดังนี้

ก.ในทางขาขึ้นมีupsideคือช่วงขาขึ้นอาจเพียง7-15จุด
ข.ในทางลง มีความเสี่ยงขาลงมากถึง40-เกือบ100จุด

กลยุทธ์การลงทุน-เมื่อพิจารณาว่าโอกาสของขาขึ้นมีจำกัด ขณะที่ความเสี่ยงของขาลงมาก ก็ไม่ควรเน้นเทรดขาขึ้นแล้ว หากมีหุ้นก็อาจขายทำกำไรหากSET50ขึ้นไปเขต640-650จุด ในทางกลับกันหากลงไปต่ำกว่าเขต630จุดเด็ดขาด ก็น่า”เปิดสถานะขายซ้ำ”เพื่อทำกำไรขาลง
****************

อบรมมือใหม่หัดเล่นหุ้นให้รวยรุ่นที่ 25 /อาทิตย์ที่ 19 เดือน9นี้

-รอบนี้เพิ่มเติมเรื่องการลงทุนในทองคำแท่ง,ทองฟิวเจอร์ และค่าเงินบาท กับค่าเงินต่างประเทศให้ในสถานการณ์เงินทุนไหลเข้า จนค่าเงินบาทแข็งโป๊ก
*ลงทุนในตลาดหุ้น หรือซื้อกองทุนอย่างไรให้ได้รับผลตอบแทนดี มั่นคงมั่งคั่ง
*แต่นี่เป็นเงินที่หามายากเย็น ทำอย่างไรจะไม่เสี่ยงหมดเนื้อหมดตัว
*ลงทุนในตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าฝากแบงก์ก็จริง แต่!อย่าเสี่ยงเข้ามาลองผิดลองถูกในตลาดหุ้น
*ลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่การปาเป้าไปโดนตัวไหนก็รวย เพราะตลาดเป็นขาขึ้น
*ลงทุน-เล่นหุ้นก็เหมือนทุกอย่างในโลกนี้ต้องเรียนรู้ก่อน
*สอนทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ วันเดียบจบ
*สอนตั้งแต่ไม่รู้เรื่องจนลงทุนเป็น
*สอนในห้องค้าจำลอง ใช้ภาษาง่ายๆเข้าใจเร็ว
*สอนคัดหุ้นเด่นเล่นแล้วรวยด้วยตัวท่านเอง
*สอนจังหวะเข้า-ออกทำกำไรงาม พร้อมตัวอย่างจริง
*เหมาะกับทั้งมือใหม่ หรือผู้ลงทุนมาแล้วแต่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง
*หลักสูตรนี้เหมาะกับผู้เริ่มต้นวัยเยาวชน ไปถึงคนเกษียณอายุที่จะลงทุนให้ถูกวิธี
*ด้วยค่าเรียนคุ้มค่าที่สุดเพียงท่านละ3,000บาท หรือครอบครัวละ5,000บาท
*สอนโดยอ.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TRUE VISION 7
*สำรองที่นั่ง จำนวนจำกัด รุ่นละ 10 ครอบครัว ไม่เกิน 20 ท่านเท่านั้น โทร.029275800

อบรมทีเด็ดรวยหุ้นเด่นด้วยเทคนิคขั้นเทพ (เหมาะกับผู้ที่เคยผ่านการอบรมหลักสูตรมือใหม่เล่นหุ้นมาแล้ว) งานมีวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน

-สอนวิธีคัดสรรหุ้นเด่นพื้นฐานดีด้วยตัวคุณเอง
-สอนวิธีคัดสรรหุ้นเด่นเทคนิคสวยอนาคตวิ่งที่เป็นสูตรเฉพาะ
-สอนเทคนิคการเข้าและออก ซื้อและขายให้ทำกำไรไม่ติดหุ้น ไม่ผิดทาง
-สอนในแง่มิติเวลาว่าเมื่อไรน่าซื้อ เมื่อไรน่าขาย
-สอนวัดเป้าหมายการวิ่งขึ้น และเป้าหมายการตก แนวรับVSแนวต้าน
-สอนวิธีอ่านเกมรู้ทันเจ้ามือหุ้น,ฝรั่งด้วยกราฟเทคนิค
-สอนเทคนิคดูกราฟอย่างง่าย เข้าใจเร็ว นำไปตัดสินใจลงทุนได้จริง
-หลักสูตรเร่งรัดวันเดียวจบ รู้เรื่องง่าย เข้าใจเร็ว ไม่ยุ่งและไม่ยากอย่างทึ่คิด
-สอนดูทิศทางหุ้น,TFEX,น้ำมัน,ทองคำ,ค่าเงิน
-สอนจากประสบการณ์ตรงที่ใช้มานานมากกว่า 15 ปี
*สอนโดยอ.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TRUE VISION 7
*สำรองที่นั่ง จำนวนจำกัด รุ่นละ 10 ครอบครัว ไม่เกิน 20 ท่านเท่านั้น โทร.029275800(เรียนเฉพาะวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์)

หรือ โทรมือถือ 087-717-8979 (คุณชัชฎา) 087-717-4979 (คุณสุเมธ), 087-717-4939 (คุณเมทิกา)

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

ขึ้นดอยVSลงเหว


เส้นทางสู่ยอดดอย-เขียนถึงคลื่นที่ 5 คนที่ไม่ได้เรียนรู้เรื่องทฤษฎีคลื่นก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร เลยนำภาพนี้เป็นรูปเส้นทางเสียวๆสู่ยอดดอยมาให้ดูครับ อันนี้แหละคือปลายยอดคลื่นที่ 5 หละ


คัมภีร์หุ้นไทย(14ก.ย.):ขึ้นดอยVSลงเหว
โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com


1.ปัจจัยเฝ้ามอง ยังต้องติดตามค่าเงินบาทแข็ง และระวังมาตรการสกัดค่าเงินบาท อาจกระทบความเชื่อมั่นในการลงทุน


สถานการณ์-เงินทุนต่างประเทศยังคงไหลเข้าต่อเนื่องมาเก็งกำไรในตลาดหุ้น และการลงทุนอื่นๆ ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง แต่น่าสังเกตว่าเมื่อมาถึงเขต30.70บาท/ดอลลาร์ เริ่มไม่แข็งต่อแล้ว ขณะที่ภาคการส่งออกเริ่มออกมากดดันรัฐบาลว่า หากค่าเงินแข็งมากกว่าระดับ30บาท จะกระทบต่อยอดการส่งออกระดับแสนล้านบาท

ก็ควรระมัดระวังและติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดด้วย เพราะหากรัฐออกมาตรการที่แรงๆช็อกตลาด จะมีผลลบต่อตลาดหุ้นได้มาก แต่หากยังไม่มีมาตรการอะไรใหม่ๆก็ไม่เป็นไรครับ

มุมมองเทคนิคเกิดสัญญาณBearish divergence-อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากชาร์ตค่าเงินบาท พบค่าสัญญาณRSIได้เกิดBearish divergence (กล่าวคือขณะที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นทำสถิติใหม่นั้น สัญญาณRSIกลับไม่ขึ้นทำnew highไปด้วย)

แปลเป็นภาษาไทยง่ายๆคือ หากเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่ามีสัญญาณจะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มใหญ่ๆ คือหลังจากที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องก็ใกล้เต็มทีแล้วที่จะอ่อนตัวลงในระยะต่อไป (อาจเกี่ยวข้องกับการที่รัฐบาลอาจถูกภาคส่งออกกดดันให้ออกมาตรการแรงๆเพื่อสกัดค่าเงินบาทแข็ง และมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนได้)

ช่วงนี้มีแนวต้านแรก30.70 ถัดไป30.60บาท+/- แนวรับ31.05บาท+/- หากทะลุแนวรับลงไป ก็อาจได้เห็นค่าเงินบาทเริ่มอ่อนลง

2.ตลาดหุ้นTIP(ไทย,อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์)กับHot moneyรอบนี้ทำให้ราคาขึ้นนิวไฮ ทำให้ราคาหุ้นไม่ถูกแล้ว ฟิลิปปินส์แตะ4000จุดเริ่มโดนขายทกำไร

สถานการณ์-ประเด็นสำคัญคือเศรษฐกิจอเมริกา ยุโรปแย่ ดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง หรือยังขึ้นไม่ได้ในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจเอเชียดี GDPขยายตัว อัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้น ส่งผลให้เงินทุนจากโซนอเมริกา และยุโรปไหลเข้ามากินส่วนต่างดอกเบี้ย รวมทั้งมาเล่นหุ้นเก็งกำไร

อย่างไรก็ดี มีข้อน่าสังเกตคือ เม็ดเงินร้อนที่ไหลมาทางเอเชีย หากสังเกตให้ดีจะพบว่าไม่ได้มาทุกตลาดนะครับ จะมาเฉพาะโซนที่ฝรั่งเรียกว่าTIP-Thailand ,Indonesia, Philipines เท่านั้น จากชาร์ตด้านบนจะพบว่าหน้าตาของ3ตลาดหุ้นนี้คล้ายๆกัน ขณะที่ตลาดอื่นๆไม่ว่าจะเป็นจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลย์ ญี่ปุ่นฯลฯนั้น ยังไม่ได้ขึ้นมาขนาดนี้นะครับ

ตอนนี้ตลาดหุ้นTIPไม่ได้เปรียบในแง่ราคาถูกอย่างแต่ก่อนแล้วนะครับ สำหรับตลาดหุ้นฟิลิปปินส์วันนี้ขึ้นมาทดสอบแนวต้านจิตวิทยา4000จุด เริ่มโดนขายทำกำไรแล้ว(ดูภาพประกอบ) แต่อินโดนีเซียยังปิดทำการในเทศกาลฉลองหยุดฤดูรอมมะฎอน

ข้อพิจารณาสำคัญ-ก็คอยจับตาดู3ตลาดนี้นะครับ น่าไปทางเดียวกัน คือหากทำนิวไฮก็ยังไปต่อด้วยกัน แต่หากจะพีครอบนี้ก็น่าจะไล่เลี่ยใกล้เคียงกัน เพราะมีอิทธิพลจากhot moneyด้วยกัน ตอนนี้ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์มา4พันจุดเริ่มโดนขาย มันจะลามมาหาหุ้นไทยด้วยไหม เพราะเป็นเงินก้อนเดียวกันก็ให้ดูด้วย...

3.ระหว่างเป้าหมายขึ้นทำนิวไฮ975จุด กับการหมดรอบพีคและลง อันไหนมีโอกาสมากกว่ากัน? และระหว่างความเสี่ยงกับโอกาส อันไหนมากกว่ากัน?

สถานการณ์-ในชาร์ตรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นภาพระยะกลางของSET กำลังทดสอบแนวต้านพีคเก่า945จุด ซึ่งหากผ่านได้ก็จะขึ้นไปแนวต้านเป้าหมายถัดไป คือแนวต้านuptrend chhhannelบริเวณ975จุด+/- แต่อย่างไรก็ตามหากสัปดาห์นี้เกิดลงต่ำกว่า930และไปลงทำนิวโลว์ต่ำกว่าเขต915จุดก็เสี่ยงจะตกเป็นขาลง

ข้อพิจารณาเป็นดังนี้

ก.ในทางบวก หากขึ้นดัชนีหุ้นจะมีแนวต้านแรก945 หากผ่านอาจไปได้แถวๆ975จุด หรือมีupside gainราวๆ50จุด
ข.ในทางลบ หากไม่ผ่าน945หรือลงหลุดด่าน915จุด ก็เสี่ยงตกลงไปแถวๆ800-750จุด หรือมีdown side riskอยู่ราวๆ125จุดเป็นประมาณ


กลยุทธและการจัดพอร์ตการลงทุนช่วงนี้-เมื่อสรุปว่า ความเสี่ยงมากกว่าโอกาส ก็เป็นธรรมดาว่าควรที่จะลดน้ำหนักการลงทุนให้น้อยลง เช่น อาจมีพอร์ตลงทุนในหุ้นไม่เกิน50%หรือต่ำกว่านี้ และถือเงินสดให้มากขึ้น เช่น อาจมีเงินสดเกินกว่า50%หรืออาจจะระดับ70-80% หากจะพัวพันในหุ้นก็อาจราว20-30% หรือไม่เกิน50% เพราะความเสี่ยงมากขึ้น

หากจะพัวพันมีหุ้นก็อาจพิจารณาหุ้นอย่างPTTAR TTA QH หุ้นแบงก์อย่างนี้เป็นต้น(อ่านกลยุทธฺ และจุดซื้อจุดขายในคอลัมน์กระทิงทองส่องหุ้นใน www.tontancorp.com อ่านได้เฉพาะสมาชิก) โดยรอไปขายทำกำไรหากSETขึ้นไปด่าน975จุด แต่หากSETหลุดต่ำกว่าด่าน915จุดลงไปก็ควรพร้อมจะขายรักษาทุน เพราะมีความเสี่ยงเข้าสู่ขาลง


4.SET50 ระหว่างความเสี่ยงกับโอกาส


แนวโน้ม-สัปดาห์นี้มีแนวต้าน650จุด หากผ่านก็จะไปด่านถัดไปไม่เกิน655จุด ในทางตรงกันข้ามหากไม่ผ่านด่านแนวต้าน และหรือลงไปหลุดต่ำกว่าเขต640-644จุด ควรระวังว่าหากหลุดแนวรับ640ก็จะเริ่มเป็นทิศทางขาลงรอบใหญ่ได้ คือลงไปอย่างน้อยๆแถว600จุด หรือกระทั่ง570จุด

พิจารณาดังนี้

ก.ในทางขาขึ้นมีupsideคือช่วงขาขึ้นอาจเพียง0-5จุด
ข.ในทางลง มีความเสี่ยงขาลงมากถึง40-65จุด


กลยุทธ์การลงทุน-เมื่อพิจารณาว่าโอกาสของขาขึ้นมีจำกัด ขณะที่ความเสี่ยงของขาลงมาก ก็ไม่ควรเน้นเทรดขาขึ้นแล้ว หากมีหุ้นก็อาจขายทำกำไรหากขึ้นไปเขต650-655จุด ในทางกลับกันหากลงไปต่ำกว่าเขต640จุดเด็ดขาด อาจขายเพื่อทำกำไรขาลง
******************

*หุ้น,เงิน,ทอง ต้องรู้ถึงจะรวย*

อบรมมือใหม่หัดเล่นหุ้นให้รวยรุ่นที่ 25 /อาทิตย์ที่ 19 เดือน9นี้

-รอบนี้เพิ่มเติมเรื่องการลงทุนในทองคำแท่ง,ทองฟิวเจอร์ และค่าเงินบาท กับค่าเงินต่างประเทศให้ในสถานการณ์เงินทุนไหลเข้า จนค่าเงินบาทแข็งโป๊ก
*ลงทุนในตลาดหุ้น หรือซื้อกองทุนอย่างไรให้ได้รับผลตอบแทนดี มั่นคงมั่งคั่ง
*แต่นี่เป็นเงินที่หามายากเย็น ทำอย่างไรจะไม่เสี่ยงหมดเนื้อหมดตัว
*ลงทุนในตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าฝากแบงก์ก็จริง แต่!อย่าเสี่ยงเข้ามาลองผิดลองถูกในตลาดหุ้น
*ลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่การปาเป้าไปโดนตัวไหนก็รวย เพราะตลาดเป็นขาขึ้น
*ลงทุน-เล่นหุ้นก็เหมือนทุกอย่างในโลกนี้ต้องเรียนรู้ก่อน
*สอนทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ วันเดียบจบ
*สอนตั้งแต่ไม่รู้เรื่องจนลงทุนเป็น
*สอนในห้องค้าจำลอง ใช้ภาษาง่ายๆเข้าใจเร็ว
*สอนคัดหุ้นเด่นเล่นแล้วรวยด้วยตัวท่านเอง
*สอนจังหวะเข้า-ออกทำกำไรงาม พร้อมตัวอย่างจริง
*เหมาะกับทั้งมือใหม่ หรือผู้ลงทุนมาแล้วแต่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง
*หลักสูตรนี้เหมาะกับผู้เริ่มต้นวัยเยาวชน ไปถึงคนเกษียณอายุที่จะลงทุนให้ถูกวิธี
*ด้วยค่าเรียนคุ้มค่าที่สุดเพียงท่านละ3,000บาท หรือครอบครัวละ5,000บาท
*สอนโดยอ.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TRUE VISION 7
*สำรองที่นั่ง จำนวนจำกัด รุ่นละ 10 ครอบครัว ไม่เกิน 20 ท่านเท่านั้น โทร.029275800

อบรมทีเด็ดรวยหุ้นเด่นด้วยเทคนิคขั้นเทพ (เหมาะกับผู้ที่เคยผ่านการอบรมหลักสูตรมือใหม่เล่นหุ้นมาแล้ว) งานมีวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน

-สอนวิธีคัดสรรหุ้นเด่นพื้นฐานดีด้วยตัวคุณเอง
-สอนวิธีคัดสรรหุ้นเด่นเทคนิคสวยอนาคตวิ่งที่เป็นสูตรเฉพาะ
-สอนเทคนิคการเข้าและออก ซื้อและขายให้ทำกำไรไม่ติดหุ้น ไม่ผิดทาง
-สอนในแง่มิติเวลาว่าเมื่อไรน่าซื้อ เมื่อไรน่าขาย
-สอนวัดเป้าหมายการวิ่งขึ้น และเป้าหมายการตก แนวรับVSแนวต้าน
-สอนวิธีอ่านเกมรู้ทันเจ้ามือหุ้น,ฝรั่งด้วยกราฟเทคนิค
-สอนเทคนิคดูกราฟอย่างง่าย เข้าใจเร็ว นำไปตัดสินใจลงทุนได้จริง
-หลักสูตรเร่งรัดวันเดียวจบ รู้เรื่องง่าย เข้าใจเร็ว ไม่ยุ่งและไม่ยากอย่างทึ่คิด
-สอนดูทิศทางหุ้น,TFEX,น้ำมัน,ทองคำ,ค่าเงิน
-สอนจากประสบการณ์ตรงที่ใช้มานานมากกว่า 15 ปี
*สอนโดยอ.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TRUE VISION 7
*สำรองที่นั่ง จำนวนจำกัด รุ่นละ 10 ครอบครัว ไม่เกิน 20 ท่านเท่านั้น โทร.029275800(เรียนเฉพาะวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์)

หรือ โทรมือถือ 087-717-8979 (คุณชัชฎา) 087-717-4979 (คุณสุเมธ), 087-717-4939 (คุณเมทิกา)

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

จัดพอร์ตลงทุนอย่างไร ในสถานการณ์ที่โอกาสขาขึ้นมีจำกัด ความเสี่ยงของขาลงมีเพียบ


คัมภีร์หุ้นไทย(13ก.ย.):จัดพอร์ตลงทุนอย่างไร ในสถานการณ์ที่โอกาสขาขึ้นมีจำกัด ความเสี่ยงของขาลงมีเพียบ

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

1.ปัจจัยเฝ้ามอง ยังต้องติดตามค่าเงินบาทแข็ง และระวังมาตรการสกัดค่าเงินบาท อาจกระทบความเชื่อมั่นในการลงทุน

สถานการณ์-เงินทุนต่างประเทศยังคงไหลเข้าต่อเนื่องมาเก็งกำไรในตลาดหุ้น และการลงทุนอื่นๆ ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุดเช้านี้อยู่บริเวณ30.74บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ภาคการส่งออกเริ่มออกมากดดันรัฐบาลว่า หากค่าเงินแข็งมากกว่าระดับ30บาท จะกระทบต่อยอดการส่งออกระดับแสนล้านบาท

ก็ควรระมัดระวังและติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดด้วย เพราะหากรัฐออกมาตรการที่แรงๆช็อกตลาด จะมีผลลบต่อตลาดหุ้นได้มาก แต่หากยังไม่มีมาตรการอะไรใหม่ๆก็ไม่เป็นไรครับ

มุมมองเทคนิคเกิดสัญญาณBearish divergence-อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากชาร์ตค่าเงินบาท พบค่าสัญญาณRSIได้เกิดBearish divergence (กล่าวคือขณะที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นทำสถิติใหม่นั้น สัญญาณRSIกลับไม่ขึ้นทำnew highไปด้วย)

แปลเป็นภาษาไทยง่ายๆคือ หากเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่ามีสัญญาณจะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มใหญ่ๆ คือหลังจากที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องก็ใกล้เต็มทีแล้วที่จะอ่อนตัวลงในระยะต่อไป (อาจเกี่ยวข้องกับการที่รัฐบาลอาจถูกภาคส่งออกกดดันให้ออกมาตรการแรงๆเพื่อสกัดค่าเงินบาทแข็ง และมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนได้)

ช่วงนี้มีแนวต้าน30.60บาท+/- แนวรับ31.10บาท+/- หากทะลุแนวรับลงไป ก็อาจได้เห็นค่าเงินบาทเริ่มอ่อนลง

2.ตลาดหุ้นTIP(ไทย,อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์)กับHot moneyรอบนี้ทำให้ราคาขึ้นนิวไฮ ทำให้ราคาหุ้นไม่ถูกแล้ว

สถานการณ์-ประเด็นสำคัญคือเศรษฐกิจอเมริกา ยุโรปแย่ ดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง หรือยังขึ้นไม่ได้ในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจเอเชียดี GDPขยายตัว อัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้น ส่งผลให้เงินทุนจากโซนอเมริกา และยุโรปไหลเข้ามากินส่วนต่างดอกเบี้ย รวมทั้งมาเล่นหุ้นเก็งกำไร

อย่างไรก็ดี มีข้อน่าสังเกตคือ เม็ดเงินร้อนที่ไหลมาทางเอเชีย หากสังเกตให้ดีจะพบว่าไม่ได้มาทุกตลาดนะครับ จะมาเฉพาะโซนที่ฝรั่งเรียกว่าTIP-Thailand ,Indonesia, Philipines เท่านั้น จากชาร์ตด้านบนจะพบว่าหน้าตาของ3ตลาดหุ้นนี้คล้ายๆกัน ขณะที่ตลาดอื่นๆไม่ว่าจะเป็นจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลย์ ญี่ปุ่นฯลฯนั้น ยังไม่ได้ขึ้นมาขนาดนี้นะครับ

โดยล่าสุดทั้ง 3 ตลาดได้ขึ้นทำnew highแล้ว เมื่อเทียบกับพีคเก่าที่เคยทำไว้เมื่อราวเดือนตุลาคม ปี2550 ซึ่งตอนนั้นตลาดหุ้นอินโดนีเซียทำพีคที่2838จุด ล่าสุดขึ้นมาที่3230จุด ส่วนฟิลิปปินส์เคยทำพีคไว้ที่3896จุด ตอนนี้ขึ้นมานิวไฮที่3960จุด ส่วนหุ้นไทยเคยทำพีคไว้แถว925จุด ตอนนี้ขึ้นมานิวไฮเกิน925จุด

เรื่องนี้ก็ทำให้ตลาดหุ้นTIPต่างก็ขึ้นมาสูงที่สุดในโลก (อินโดนีเซีย +182% จากจุดต่ำสุด, ฟิลิปปินส์ +102% จากจุดต่ำสุด และหุ้นไทย +130% จากจุดต่ำสุด)

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยไม่ได้เปรียบในแง่ราคาถูกอย่างแต่ก่อนแล้ว เพราะตอนนี้ค่าP/Eของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 12.9 เท่า อยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นภูมิภาคที่ 12.6 เท่าแล้ว หรือเท่ากับ +3% เมื่อเทียบกับในอดีตรอบ 5 ปีที่ซื้อขายที่ Forward PER เฉลี่ยต่ำกว่าราว -26% ขณะเดียวกัน Forward PER ทะลุระดับ 1 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (+1SD) ที่ 12.4 เท่าแล้ว

ข้อพิจารณาสำคัญ-ก็คอยจับตาดู3ตลาดนี้นะครับ น่าไปทางเดียวกัน คือหากทำนิวไฮก็ยังไปต่อด้วยกัน แต่หากจะพีครอบนี้ก็น่าจะไล่เลี่ยใกล้เคียงกัน เพราะมีอิทธิพลจากhot moneyด้วยกัน

3.ระหว่างเป้าหมายขึ้นทำนิวไฮ975จุด กับการหมดรอบพีคและลง อันไหนมีโอกาสมากกว่ากัน? และระหว่างความเสี่ยงกับโอกาส อันไหนมากกว่ากัน?

สถานการณ์-ในชาร์ตรายเดือน ซึ่งเป็นภาพระยะกลางของSET กำลังทดสอบแนวต้านพีคเก่า925จุด ซึ่งหากผ่านได้ก็จะขึ้นไปแนวต้านเป้าหมายถัดไป คือแนวต้านuptrend chhhannelบริเวณ975จุด+/- แต่อย่างไรก็ตามหากสัปดาห์นี้เกิดลงทำนิวโลว์ต่ำกว่าเขต915จุดก็เสี่ยงจะตกเป็นขาลง

ข้อพิจารณาเป็นดังนี้

ก.ในทางบวก หากขึ้นดัชนีหุ้นอาจไปได้แถวๆ975จุด หรือมีupside gainราวๆ50จุด
ข.ในทางลบ หากหลุดด่าน915จุด ก็เสี่ยงตกลงไปแถวๆ800-750จุด หรือมีdown side riskอยู่ราวๆ125จุดเป็นประมาณ


กลยุทธและการจัดพอร์ตการลงทุนช่วงนี้-เมื่อสรุปว่า ความเสี่ยงมากกว่าโอกาส ก็เป็นธรรมดาว่าควรที่จะลดน้ำหนักการลงทุนให้น้อยลง เช่น อาจมีพอร์ตลงทุนในหุ้นไม่เกิน50%หรือต่ำกว่านี้ และถือเงินสดให้มากขึ้น เช่น อาจมีเงินสดเกินกว่า50%หรืออาจจะระดับ70-80% หากจะพัวพันในหุ้นก็อาจราว20-30% หรือไม่เกิน50% เพราะความเสี่ยงมากขึ้น

หากจะพัวพันมีหุ้นก็อาจพิจารณาหุ้นอย่างPTTAR TTA QH อย่างนี้เป็นต้น โดยรอไปขายทำกำไรหากSETขึ้นไปด่าน975จุด แต่หากSETหลุดต่ำกว่าด่าน915จุดลงไปก็ควรพร้อมจะขายรักษาทุน เพราะมีความเสี่ยงเข้าสู่ขาลง

4.SET50 ระหว่างความเสี่ยงกับโอกาส

แนวโน้ม-สัปดาห์นี้มีแนวต้าน645จุด หากผ่านก็จะไปด่านถัดไป650ไม่เกิน655จุด ในทางตรงกันข้ามหากไม่ผ่านด่านแรก645และหรือลงไปหลุดต่ำกว่าเขต630จุด ควรระวังว่าหากหลุดแนวรับก็จะเริ่มเป็นทิศทางขาลงรอบใหญ่ได้ คือลงไปอย่างน้อยๆแถว600จุด หรือกระทั่ง570จุด

พิจารณาดังนี้

ก.ในทางขาขึ้นมีupsideคือช่วงขาขึ้นอาจเพียง10-20จุด
ข.ในทางลง มีความเสี่ยงขาลงมากถึง35-65จุด


กลยุทธ์การลงทุน-เมื่อพิจารณาว่าโอกาสของขาขึ้นมีจำกัด ขณะที่ความเสี่ยงของขาลงมาก ก็ไม่ควรเน้นเทรดขาขึ้นแล้ว หากมีหุ้นก็อาจขายทำกำไรหากขึ้นไปเขต645หรือ650จุด ในทางกลับกันหากลงไปต่ำกว่าเขต630จุดเด็ดขาด อาจขายเพื่อทำกำไรขาลง

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

เงินร้อน,ตลาดหุ้นTIPแมงเม่าว่อนและคลื่นแห่งความโลภ ระวังติดดอยจะหาว่าไม่เตือน


คัมภีร์หุ้นไทย(6ก.ย.):ระวัง!Hot money-TIPและคลื่นที่5
ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

1.เงินยังไหลเข้าต่อหรือไม่ ในเมื่อมีสัญญาณว่าค่าเงินดอลลาร์อาจจะแข็งค่าขึ้น


สถานการณ์-ตลาดหุ้นไทยทะยานขึ้นในเวลานี้ เพราะเงินทุนที่เป็นเงินร้อนไหลเข้า(hot money) ข้อสังเกตคือค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นมาแตะระดับ31.02บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ก่อน

แนวโน้ม-อย่างไรก็ตามสัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่าอาจทำพีคไปแล้วก็ได้ และเริ่มมีสัญญาณว่ามีแนวโน้มที่ค่าเงินบาทจะอ่อนตัวลงในระยะต่อไป (ดูจากค่าสัญญาณ%Kในstochasticsเริ่มเกิดsell signalแล้ว)

*สถานการณ์ค่าเงินดอลลาร์-ตามชาร์ตนี้ แปลเป็นไทยก็คือที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์ตกลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว และฟื้นตัวขึ้น แต่หลังจากนี้คาดว่ามีโอกาสแข็งค่าขึ้นไป85-86จุด หรือ90-92จุดในระยะต่อไป

พูดง่ายๆว่า ค่าเงินบาทใกล้จะพีค ส่วนค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนแรงลงมานั้น ใกล้จะแข็งค่าขึ้นต่อไปแล้ว

แล้วจะมีผลกระทบอย่างไรต่อตลาดหุ้น?-พูดง่ายๆคือที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้า แต่ก็อย่าลืมว่าเป็น”เงินร้อน”(hot money) ส่วนหนึ่งก็มาแลกเปลี่ยนเงินบาท เพื่อเอาเงินบาทมาซื้อหุ้นในตลาดหุ้น ทำให้หุ้นขึ้น

แต่หากเป็นไปตามที่ผมคาดการณ์นี้ก็อาจเป็นไปได้ว่า เมื่อค่าเงินแข็งมาที่เป้าหมายราวๆ31.00บาท/ดอลลาร์ ค่าเงินบาทอาจหยุดแข็ง นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรต่างชาติที่เป็นพวกกองทุนป้องกันความเสี่ยง(hedge fund) อาจจะขายทำกำไรในตลาดหุ้น แล้วแปลงกลับไปเป็นดอลลาร์ เพื่อนำเงินกำไรออก หรือแม้กระทั่งเข้าไปเก็งกำไรในตลาดเงิน คือไปช้อนซิ้อดอลลาร์แทน ก็ได้

ซึ่งอาจทำให้กระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นได้ เพราะจะส่งผลให้ฝรั่งขาย และหุ้นตก

2.ตลาดหุ้นTIP(ไทย,อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์)กับHot moneyรอบนี้

สถานการณ์-ประเด็นสำคัญคือเศรษฐกิจอเมริกา ยุโรปแย่ ดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง หรือยังขึ้นไม่ได้ในปีนี้(ไม่เจอออกมาตรการโหดๆก็ถือว่าบุญแล้ว) ขณะที่เศรษฐกิจเอเชียดี GDPขยายตัว อัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้น อย่างไทยคาดว่าสิ้นปีนี้ ดอกเบี้ยนโยบายน่าจะขึ้นไปอยู่2%เป็นอย่างน้อย ปีหน้าก็คงไม่น้อยกว่า3.5% ส่งผลให้เงินทุนจากโซนอเมริกา และยุโรปไหลเข้ามากินส่วนต่างดอกเบี้ย รวมทั้งมาเล่นหุ้นเก็งกำไร

ปัจจัยผันแปรจึงอยู่ที่ว่า

2.1หากเศรษฐกิจโซนยุโรป อเมริกาดีขึ้น ขึ้นดอกเบี้ยไวขึ้น เงินจะไหลกลับไปโซนอเมริกา ยุโรปไวขึ้น
2.2มีการเก็งกำไรในโซนเอเชียจนอิ่มตัวแล้ว
2.3อันนี้ข้อน่าสังเกตคือ เม็ดเงินร้อนที่ไหลมาทางเอเชีย หากสังเกตให้ดีจะพบว่าไม่ได้มาทุกตลาดนะครับ จะมาเฉพาะโซนที่ฝรั่งเรียกว่าTIP-Thailand ,Indonesia, Philipines เท่านั้น จากชาร์ตด้านบนจะพบว่าหน้าตาของ3ตลาดหุ้นนี้คล้ายๆกัน ขณะที่ตลาดอื่นๆไม่ว่าจะเป็นจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลย์ ญี่ปุ่นฯลฯนั้น ยังไม่ได้ขึ้นมาขนาดนี้นะครับ

***TIPต่างก็ขึ้นมาสูงที่สุดในโลก (อินโดนีเซีย +182% จากจุดต่ำสุด, ฟิลิปปินส์ +102% จากจุดต่ำสุด และหุ้นไทย +130% จากจุดต่ำสุด) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ต่างชาติโยกเม็ดเงินเข้าลงทุนตลาดหุ้นเอเชีย

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยไม่ได้เปรียบในแง่ราคาถูกอย่างแต่ก่อนแล้ว เพราะตอนนี้ค่าP/Eของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 12.9 เท่า อยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นภูมิภาคที่ 12.6 เท่าแล้ว หรือเท่ากับ +3% เมื่อเทียบกับในอดีตรอบ 5 ปีที่ซื้อขายที่ Forward PER เฉลี่ยต่ำกว่าราว -26% ขณะเดียวกัน Forward PER ทะลุระดับ 1 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (+1SD) ที่ 12.4 เท่าแล้ว

ข้อพิจารณาสำคัญ-ก็คอยจับตาดู3ตลาดนี้นะครับ น่าไปทางเดียวกัน คือหากพีครอบนี้ก็น่าจะไล่เลี่ยใกล้เคียงกัน หากไปต่อก็คงไปด้วยกัน เพราะมีอิทธิพลจากhot moneyด้วยกัน

3.กันยายน เดือนสุดท้ายของไตรมาส 3 ตามสถิติเป็นไตรมาสที่แย่ที่สุด และมักเป็นเดือนที่ให้ผลตอบแทนติดลบ ก่อนจะไปตกหนักในตุลาอาถรรพ์(October effect)

จากการศึกษาตลาดหุ้นสำคัญๆในรอบเกือบ 20 ปี คือตลาด S&P500, DJ Stoxx 50, Nikkei 225, MSCI Asia ex-Japan และ STI มีผลการศึกษาที่น่าสนใจดังนี้

-ไตรมาส 4 (ตุลาคม-ธันวาคม เป็นไตรมาสที่หุ้นขึ้นดีที่สุด)รองลงมาคือไตรมาส1 คู่คี่ไตรมาส2
-ไตรมาส 3(กรกฎาคม-กันยายน)เป็นไตรมาสที่ตลาดหุ้นขึ้นน้อยที่สุด คือมีโอกาสเพียง45%ที่หุ้นขึ้นในรอบเกือบ20ปี

-ผลตอบแทนจากการลงทุนในไตรมาส 3 แย่ที่สุดคือติดลบ2.3% ขณะที่ไตรมาส 4 ดีที่สุดเป็นบวกราว6.3%

อย่างไรก็ดีเป็นที่น่าสังเกตว่าไตรมาส3ปีนี้ดีทุบสถิติหลังผ่านไป2เดือน(กรกฎาคม-สิงหาคม) แต่อย่างไรก็ตามยังเหลือกันยายนอีกเดือนนะครับ ก็ไม่แน่ว่าไตรมาส3อาจยังรักษาสถิติยอดแย่ไว้ได้อีกปีก็เป็นไปได้

*ก่อนจะถึงOctober effect(ตุลาอาถรรพ์)

-ตลาดหุ้นมีJanuary effect คือมักไปขึ้นแรงๆในเดือนมกราคม ด้วยหลายเหตุผล เหตุผลหนึ่งคือคนไปซื้อเอาปันผลงวดสิ้นปี
-ตรงกันข้ามกันตลาดหุ้นมักร่วงแรงๆในเดือนตุลาคม ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์The great depressionเมื่อ 80 ปีก่อน,เหตุการณ์Black Mondayในเดือนตุลาคม 2530 หรือในเดือนตุลาคม 2551ที่ผ่านมาที่ร่วงหนัก เหตุผลสำคัญของตุลาอาถรรพ์(October effect)ก็คือหลังการขึ้นXDจ่ายปันผลงวดครึ่งปีผ่านไปในปลายเดือนสิงหาคมแล้ว นักลงทุนก็ไม่ค่อยมีแรงจูงใจซื้อหุ้น ตลาดมักเริ่มตกในเดือนกันยายน และไปตกหนักในเดือนตุลาคม

-อย่างไรก็ตามจากสถิติในรอบเกือบ20ปีที่ผ่านมาก็บ่งชี้ว่า เดือนตุลาคมอาจถูกมองแง่ร้ายเกินความจริงหรือเปล่า? ด้วยเช่นกัน

-จากชาร์ตข้างต้นพบว่า สถิติในรอบเกือบ20ปีที่ผ่านมา ตลาดมักจะแย่ๆในเดือนสิงหาคมกับกันยายนมากกว่าเดือนตุลาคมเสียอีก

-ตามสถิติพบด้วยว่าย้อนหลังไปในรอบเกือบ 20 ปีนั้นเดือนที่มักให้ผลตอบแทนติดลบคือสิงหาคม กับกันยายน

4.อย่างไรก็ตามผลตัดสินคดีมาบตาพุดจะหนุนเครือPTT หรืออาจรวมทั้งSCC และแบงก์หนุนตลาดขึ้นมาปิดเกม-ตลาดอาจได้รับแรงหนุนให้ปรับตัวขึ้นจากข่าวนี้ ปัญหามีอยู่ว่าราคาได้ขึ้นมาล่วงหน้าก่อนหน้านี้แล้ว ก็ยังควรระวังแรงขายทำกำไรเมื่อข่าวจริงปรากฎ(sell on fact) เรื่องนี้ผมได้กล่าวอย่างละเอียดในคอลัมน์กระทิงทองส่องหุ้นในวันนี้

5.มุมมองต่อตลาด SET เจอhot moneyไหลเข้า น่าจะrallyยกสุดท้ายขึ้นไป เป็นไปได้ที่จะดีกว่าคาดไว้เขต925+/- แต่ก็จะไปพีคไม่เกิน หรือ970จุด+/-

ชาร์ต:ดัชนีSETรายสัปดาห์- ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาถึงเขตpeakเก่าที่เคยทำไว้ราวๆ925จุดตอนเดือนพฤศจิกายน 2550

เมื่อผ่านด่าน925เด็ดขาด ก็มีโอกาสที่จะแกว่งขึ้นไปเป้าหมายถัดไป ซึ่งผมเคยประเมินว่าเป็นกรณีดีเกินคาด นั่นคือด่าน 975จุด+/-(หรืออาจไปได้เพียงเขต960จุด+/-ก็ได้)

*ตลาดอยู่ในคลื่นที่5ซึ่งเป็นคลื่นแห่งความโลภหรือไม่?

ชาร์ตนี้ ผมประเมินว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะอยู่ในปลายคลื่นที่ 5 ซึ่งเป็นระลอกสุดท้ายของขาขึ้น ซึ่งธรรมชาติของคลื่นนี้ จิตวิทยาของนักลงทุนจะฮึกเหิม เต็มไปด้วยความโลภ และขานรับแต่ข่าวดี ทุ่มกำลังเข้าซื้อหุ้นด้วยความเพลิดเพลิน ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายทะลัก(เมื่อวันศุกร์52,000ล้านบาทเศษ)ราคาหุ้นขึ้นชัน และเกินกว่าพื้นฐาน

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ผมยังต้องเตือนว่า ควรลดพอร์ตการลงทุนให้มาก ถือเงินสดมากขึ้น หากจะพัวพัยกับตลาดก็ไม่ควรเกิน30%ของพอร์ต ที่อาจพัวพันพวกPTT SCC PTTARที่ได้ประโยชน์จากมาบตาพุด เพื่อรอขาย เนื่องจาก

*โดยปกติcycleของตลาดหุ้นมักจะเริ่มลงในเดือนกันยายน ตามที่เขียนไปข้างต้น

*เงินไหลเข้าเป็นhot moneyหากค่าเงินบาทพีคเมื่อไหร่ ฝรั่งมันจะขายหุ้นไปเล่นดอลลาร์แทน ซึ่งตอนนี้อาจจะพีคแล้วหรือใกล้พีคเต็มทีสำหรับค่าเงินบาท(โดยเฉพาะตอนนี้รัฐบาลทำท่าออกมาตรการแทรกแซง ก็น่าระวัง)-โดยให้ดูตลาดหุ้นอินโดนีเซีย กับฟิลิปปินส์ประกอบด้วยครับ เพราะอาการแบบเดียวกับไทย

*สัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่าเกิดBullish divergence คือดัชนีหุ้นทำnew highแต่RSIเครื่องมือชี้วัดไม่ทำนิวไฮตาม(ท่านใดเคยมาเรียนกับผมคงเข้าใจดี หรือดูชาร์ตรายวันข้างบนนี้) และเกิดภาวะOver heat จับตามองหาก%Kในstochasticsขึ้นมาระดับ95% และที่สำคัญด่าน925ไม่หมูที่จะผ่านง่ายๆเพราะเป็นรูปแบบหัวและบ่าขนาดใหญ่มาก

*จับตาว่าหากมีเปิดโดดระดับ10จุดและเกิดpeak volumeแสดงว่าเกิดความโลภในบรรดาแมงเม่าแล้วก็เตรียมติดดอย (ควรเป็นว่าหากวันใดวันหนึ่งนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิหนักๆ อันนั้นแหละใช่เลย)
ข้อสังเกตคือหากเกิดวอลุมเกิน5หมื่นล้าน ถ้าแบบนี้โดยทั่วไปไม่เกิน2-3วันทำการ หรือเต็มที่1สัปดาห์จะพีคและเริ่มลง เรียกรูปแบบพีคนี้ว่าIsolate islandคือเปิดโดดสูงๆ วอลุมแมงเม่าแห่มาเต็ม แล้วก็ปล่อยเกาะ ติดเกาะ(อาการเดียวกับติดดอย)

*เมื่อพิจารณาจากทฤษฎีคลื่นElliot waveก็ขึ้นคลื่น5เป็นคลื่นแห่งความโลภแล้ว

*หากคนในตลาด8ใน10เชื่อว่าหุ้นดีมากๆและยังจะไปต่อ แสดงว่าคุณควรขาย เพราะคนส่วนใหญ่ในตลาดไม่เคยถูก

*****ข้อนี้สำคัญที่สุด*****หากณัฐวุฒิเชียร์ขายหุ้นแล้วราคาหุ้นวิ่งต่อไป จะไปไม่เกิน1สัปดาห์ และจะพีค(ท่านสมาชิกที่อยู่กับผมมานานๆจะพบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คือหากผมมองว่าหุ้นพีคแล้ว มันจะวิ่งเลยป้ายไปซักหน่อยทึกครั้ง)

*แล้วที่ฝรั่งอย่างCLSAมองว่าไป1200จุดหละ และมาบตาพุดก็จบเรื่องร้ายแล้วหละ? (ผมคิดว่าตลาดได้ซึมซับabsorbปัจจัยบวกไว้มากแล้ว กับอีกอย่าง1,200ก็อาจเป็นรอบหน้า เช่นรอบเดือนมกราคมก็เป็นไปได้ ทั้งนี้เว้นแต่ว่าในช่วงสัปดาห์นี้หรือหลายสัปดาห์ต่อจากนี้SETตีด่าน975จุดแตก ผมอาจเปลี่ยนไอเดียต่อตลาดเป็นบวกได้ใหม่...ตอนนี้ยัง!)

*สรุป-ทยอยขายทำกำไรขณะดีดตัวขึ้น(Sell on strength) และขายจนหมดพอร์ตหากขึ้นไปที่เขตเป้าหมาย 975+/-แล้วไม่ผ่าน หากจะพัวพันก็อาจเลือกหุ้นแบบPTTAR PTT เป็นต้น(ดูเพิ่มเติมในคอลัมน์กระทิงทอง)

5.SET50 เป้าพีค640 กรณีดีสุดชีวิต655จุด


สถานการณ์-ขึ้นดีกว่าเป้าที่ผมประเมินไว้ครับ เพราะผมประเมินเขตพีคของSETแถวๆ925 และSET50แถวๆ620+/- ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ปิด636.10จุด

แนวโน้ม-มีแนวต้านuptrend channelบริเวณ641จุดในวันนี้ กรณีไม่ผ่านก็อาจตกมาแนวรับ630+/-(หากหลุดจะเป็นสัญญาณเริ่มขาลง)แต่หากตีด่านต้าน641แตกก็จะวิ่งต่อไปเป้าหมาย655จุด(หมายความว่าSETไปต่อเขต960-975จุด)

ความเห็น-มีความเสี่ยงใกล้เขตพีคแล้ว จึงไม่ควรเล่นทางซื้อแล้ว ตอนนี้ก็คลำหาจุดพีคให้เจอ หากเป็นบริเวณ640+/-แน่ๆ และเริ่มมีสัญญาณลงชัดเจน จะได้แนะนำให้ขายเพื่อหากำไรขาลงต่อไป แต่ควรคาดไว้ก่อนว่าน่าพีคบริเวณนี้ และหรือ655+/-นี่แหละครับ(ยกเว้นใครไวจริงๆก็เข้าที่เชตแนวรับและไปปิดที่แนวต้าน)

**********
หมายเหตุ:ท่านที่อยากดูชาร์ตต้องสมัครสมาชิกเข้าไปดูได้ที่www.tontancorp.com