วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์:พัฒนาการของวิกฤตการณ์การเมืองเที่ยวนี้ต่อตลาดหุ้นจากวันนี้ไปถึงวันปิดเกม7-8สิงหาคม

*ตลาดหุ้นอยู่ช่วง2ของวิกฤตการณ์เมือง -ระยะที่สอง (เฟส2) ในช่วงระหว่างเตรียมพร้อมไพร่พลเสบียงกรัง และออกข่าวจะเปิดเกมถล่มกัน ให้บรรลัยกันไปข้าง(อย่างวิกฤตการณ์เมืองตอนนี้ฝ่ายต่อต้านก็เตรียมกำลังพลจากฝ่ายต่างๆเข้าร่วม ฝ่ายรัฐบาลก็เตรียมการรับมือออกกฎหมายความมั่นคง) ตลาดหุ้นมักจะซึมกระทือ คนเลิกเล่นหุ้นกันไปส่วนใหญ่ กรอบความเคลื่อนไหวมักจะแคบๆ เพราะคนทำใจได้แล้วว่าเลี่ยงภาวะสงคราม หรือความยุ่งยากไม่ได้แน่ แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้ามาเล่นในตลาด…ความทรมานคือการรอคอย

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 081-8311611 087-7174979 http://www.facebook.com/tontancorp
วิกฤตการณ์การเมืองเรื่องพรบ.นิรโทษกรรมกับตลาดหุ้นก็พัฒนาการไปอีกขั้น หลังจากรัฐบาลประกาศกม.ความมั่นคง เลยทำให้หุ้นร่วงลงมาเขต1400ช่วงบ่ายวันนี้

ดึงปิด1423.14 หลังจากร่วงลงด่านสุดท้าย1400+/-(1398-1408)หน้าตาชาร์ตแท่งเทียนเป็นhammer เลยดูดีขึ้นมาครับ เขต1400+/- และSET50เขต940นี่ก็อาจเป็นฐานรอบนี้ครับ

พรุ่งนี้ต้านdowntrend1438ครับ ผมคิดว่าคงเข้าช่วงโหมดซึมไปถึงก่อนวันที่7สิงหาคมหละครับ

ก็คงรอดูม็อบอาทิตย์นี้4สิงหาคมครับว่าหนักเบาขนาดไหน เท่าที่ประมวลดู

*ฝ่ายรัฐบาลออกกม.มั่นคง ก็ตามสูตรครับ แต่ควรห้ามทัพม็อบเสื้อแดงที่จะมาหนุนรัฐบาลให้ได้ ถึงจะไม่เกิดบรรยากาศตึงเครียด(หากห้ามไม่อยู่นี่ก็จะดูเผชิญหน้าตึงเครียด ก็ให้เฝ้าประเด็นนี้กันครับ)

*ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ทางพันธมิตรไม่ร่วมชุมนุม,กลุ่มหน้ากากขาวยังคลุมเครือครับ แต่คุณสนธิญาณ TNEWSป่วยนอนโรงบาล ไม่รู้ออกมาทันไหม,ทางปชป.ผมคิดว่า่เขาคงสู้ทางสภา คงไม่ออกมานำม็อบเอง เดี๋ยวเสียลุคครับ สรุปก็จะเหลือกลุ่มเสธ.อ้ายเดิม บวกกับขาจรครับ

ประเด็นที่จะพัฒนาต่อไปก็คงดูตรงนี้ มีบรรยากาศม็อบชนม็อบไหม หากไม่มีก็เป็นผลบวก หากมีก็ยังกดดันตลาดทางลบต่อไปได้

ส่วนเรื่องพรบ.นิรโทษกรรม โดยเนื้อหามันไม่คลุมคุณทักษิณ,อดีตรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์,แกนนำเสื้อแดง+พันธมิตร จะเน้นไปที่พวกผู้ชุมนุมที่โดนคดี น้ำหนักการต่อต้านเลยจะไม่หนักครับ

ส่วนตอน Endของเหตุการณ์จะมีผลอย่างไร? คำตอบคือทุกกรณีดีหมดครับ คือ

ก.กรณีที่1 รัฐบาลดันร่างพรบ.เข้า7-8แล้วผ่าน ก็ดีกับตลาด
ข.กรณีที่2 รัฐบาลดันร่างพรบ.เข้าแล้วไม่ผ่าน ก็ดีกับตลาด
ค.รัฐบาลถอนร่าง ไม่มีการพิจารณา ออกเจ๊าๆ ก็ดีกับตลาด

คือคนในตลาดหุ้นนี่ว่าไปก็เหมือนผมพูดทุกครั้งเวลามีวิกฤตการณ์การเมืองครับ คือเหมือน"ไม่มีหัวใจ"เท่าไหร่ คือไม่ได้ฝักใฝ่เอาใจรัฐบาล ฝ่ายค้าน ฝ่ายม็อบอะไรทั้งสิ้น ขอให้มันเลิกอีรุมคลุมเครือ ให้จบๆไปซักทาง จะทางไหนก็ได้ แล้วก็จะได้ทำมาหากินกัน พอหมดเรื่องก็เลยมักขึ้นnew highครับ เรื่องของเรื่อง

ส่วนท่านที่จะไปด่าฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ก็ด่าไปเถอะครับ ผมไม่ขอแจมด้วย ผมก็ว่าไปตามตำราให้ฟังแค่นี้ พวกเราก็นำไปประยุกต์ใช้งานในการเทรดเอาก็แล้วกันครับ

**********

เพิ่มเติมข่าวจากแกนนำฝ่ายต่อต้าน:


ถูกใจแล้ว · 3 ชั่วโมงที่แล้ว 

แถลงการณ์ กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ

สืบเนื่องจากการรวมตัวของประชาชนเป็น “กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ”ได้แถลงยื่นข้อเรียกร้อง 6 ข้อ ให้รัฐบาลดำเนินการ แต่จนกระทั่ง. บัดนี้ รัฐบาลยังไม่ได้ ปฎิบัติ หรือมีความพยายาม ในการแก้ไข แต่ประการใด “กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ” จึงขอเรียกร้อง พี่น้องประชาชน ผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่ารัฐบาลภายใต้การบริหารของ พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร โดยมีนาง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นหุ่นเชิดไม่มีความชอบธรรม ที่จะบริหารบ้านเมืองอีกต่อไป จึงขอให้ รัฐบาลนี้ ลาออก และ คืน อำนาจ ให้แก่ประชาชน
“กองทัพประชาชน” จึงขอเรียนเชิญประชาชน ทุกหมู่เหล่าที่เห็นด้วยกับแนวทาง“กองทัพประชาชนฯ”
โดยมีมาตราการดังนี้
1.นัดชุมนุมโค่นระบอบทักษิณ ในวันที่ 4 สิงหาคม 2556 ตามกำหนดเดิม โดย เวลา แ ละ สถานที่ จะแถลงอีกครั้งหนึ่ง
2.วันที่ 5 – 6 สิงหาคม 2556 จะดำเนินการดังนี้
2.1 ยื่นหนังสือถึงองค์กรที่เกี่ยวข้อง
2.2 ยื่นหนังสือถึง สหประชาชาติ และ สถานทูตต่างๆ
2.3 เชิญชวนประชาชนร่วมกันโค่นระบอบทักษิณ
3. วันที่ 7 สิงหาคม 2556 นัดชุมนุมคัดค้านการพิจารณา พ.ร.บ นิรโทษกรรม ของสภาผู้แทนราษฎร
“กองทัพประชาชนฯ” จึงขอเรียน พี่น้องประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ร่วมชุมนุม และ กระทำ กิจกรรม ดังกล่าว เพื่อโค่น ระบอบทักษิณ ร่วมกัน

กองทัพประชาชนโค่นระบบทักษิ
31 กรกฎาคม 2556

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อีกก้าวสำคัญของรายการรู้่ก่อนรวยกว่าTNN24 ขยายมุมมองการลงทุนผ่านกองทุนกับCEOของบลจ.ธนชาต กองทุนระดับแสนล้าน

รายการรู้ก่อนรวยกว่า วันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2556

อีกก้าวสำคัญของรายการรู้่ก่อนรวยกว่าเพื่อนักลงทุน
ครอบคลุมให้กว้างไกลกว่าเดิม เพื่อสนองตอบท่านผู้ชมนักลงทุนที่นิยมการลงทุนผ่านกองทุน เราได้รับเกียรติจากคุณบุญชัย เ้กียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต ซึ่งมีวงเงินลงทุนมากกว่าแสนล้านบาท มาร่วมเป็นผู้ดำเนินรายการในทุกวันอังคาร เริ่มอังคารที่ 30 กรกฎาคมนี้

ท่านจะได้เปิดมิติมุมมองกับผู้บริหารมืออาชีพที่คร่ำหวอดกับการบริหารจัดการลงทุนผ่านกองทุนมาอย่างยาวนาน เปิดพรมแดนการลงทุนผ่านกองทุนหุ้น กองทุนเพื่อลงทุนระยะยาวLTF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพRMF กองทุนเพื่อลงทุนระยะยาวLTF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพRMF กองทุนตราสารหนี้ กองทุนเพืื่อการลงทุนต่างประเทศ กองทุนทองคำ กองทุนลูกผสม พร้อมกลยุทธ์เคล็ดลับการลงทุนแบบมืออาชีพ

เป็นกา่รต่อยอดจากรายการที่มีเนื้อหาเดิมครอบคลุมถึงการลงทุนในตลาดหุ้น ตลาดตราสารอนุพันธุ์ และตลาดค้าทองคำ

แฟนรายการของเรายังจะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญ­วงการลงทุนที่คุ้นเคยและยอมรับเชื่อมั่นในฝืมือครบทุกคน

*วันจันทร์ นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานMTSแม่ทองสุก ผู้นำวงการค้าทองคำของประเทศ และคุณณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธาน บลป.ต้นธารคอร์ป ผู้นำวงการที่ปรึกษาการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

*วันอังคาร พบคุณบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ CEO บลจ.ธนชาต ซึ่งมีวงเงินบริหารระดับแสนล้านบาท และคุณฉุย-ทวีรัชต์ มัททวีวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ฟินันเซียไซรัส

*วันพุธ คุณสุเชษฐ์ สุขแท้ ผู้บริหารบล.ไทยพาณิชย์ และคุณสมพงค์ เบญจเทพานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บล.ไอร่า

*วันพฤหัีสบดี คุณช.โชติวงศ์ เพ็ชญไพศิษฎ์ กรรมการผู้จัดการ IRS เจ้าของโปรแกรมวิเคราะห์ทางเทคนิคชั้นนำของประเทศ และคุณณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์

*วันศุกร์ คุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ MTS FUTURES เปิดมุมมองการลงทุนผ่านตลาดตราสารอนุพันธุ์ และคุณณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์

เพิ่มเติมต่อยอดด้วยสกู๊ปให้ความรู้การลงทุนผ่านช่วงHow to trade ให้ครอบคลุมด้วยกลยุทธ์­การค้าการลงทุนในตลาดหุ้น ตลาดค้าทองคำ ทั้งทองแท่ง,ทองคำฟิวเจอร์,ตลาดตราสารอนุพ­ันธ์ และกองทุนประเภทต่างๆ

เติมสีสันด้วยพิธีกรมืออาชีพด้านเศรษฐกิจ คุณเจี๊ยบ-อรลดา เผ่าวิบูล และทีมงานพิธีกรมืออาชีพจาก TRUE VISION TNN24 สถานีข่าว 24 ชั่วโมง

พรั่งพร้อมด้วยข้อมูลประักอบการตัดสินใจลง­ทุนทั้งหุ้น กองทุน ทองคำ ตราสารอนุพันธุ์ และกราฟฟิกสวยงาม
********
บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ลงนามในสัญญากับ TRUE VISION ผลิตรายการ"รู้ก่อนรวยกว่า"อันเป็นกา­รสืบทอดรายการ"เพื่อนนักลงทุน"ที่อยู่คู่กับสถานีมายาวนานมากกว่า 15 ปี โดยเริ่มออนแอร์ตั้งแต่ 1 มกราคม2556เป็นต้นมา

พบกับคุณภาพใหม่ทางTNN24 (TRUE VISION 07 หรือ HD121 จาน DTV และ PSI ช่อง60 หรือที่ระบบ KU-Band ความถี่ 12604 H 30000 และ C-Band ความถี่ 3600 H 26667)

หรือสดๆผ่านเน็ต http://www.tnnthailand.com/player.php ตั้งแต่ 1 มกราคม 2556 นี้เป็นต้นไป ในเวลา13.05-13.30น.ทุกวันจันทร์ ถึงวันศุกร์



สถานีข่าวTNN24 เป็นช่องที่มีผู้ชมสูงสุดของสุถานีโทรทัศน์ TRUE VISION และเรทติ้งผู้ชมรายการรู้ก่อนรวยกว่าช่วงเวลา13.05-13.30น.เป็นช่วงที่มีผู้ชมสูงสุดของสถานีโทรทัศน์TNN24(TRUE VISION07)มากพอๆกับช่วงไพรม์ไทม์ คือเวลาข่าวภาคค่ำ(ที่มา:ชาร์ตเรทติ้งของจานดาวเทียมPSI)


ติดต่อเพื่อลงโฆษณา ประชาสัมพันธ์ 087-7174979

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์:พรบ.นิรโทษกรรมจะไม่จุดชนวนการเมืองรุนแรง เหตุไม่ครอบคลุมคุณทักษิณ และผลกระทบต่อหุ้นมีจำกัด และลูกสูตรจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสลงทุนได้อย่างไร..?


รายการรู้ก่อนรวยกว่า26กรกฎาคม-ลูกสูตรhow to tradeสถานการณ์ตลาดหุ้นในภาวะวิกฤตการเมือง ทำอย่างไรพลิกวิกฤตเป็นโอกาสลงทุน ชี้ตลาดเข้าช่วงซึมรอเหตุการณ์เคลียร์แล้วขึ้นnew highเกิน1520

ที่มา:www.ilaw.or.th


โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 081-8311611 087-7174979 http://www.facebook.com/tontancorp

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ เปิดภาคบ่าย ลงหนักกว่าตลาดอื่นในย่านเอเชีย คือลงมาเขต1475 หรือ-1.7%(ตอนจบปิดที่1456 -45จุด หรือ-2.98%) โดยหันมาอิงเรื่องกังวลการเมือง เรื่องที่พรรคฝ่ายรัฐบาลจะเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมทางการเมืองเข้าสู่ที่ประชุมสภา 7 สิงหาคม และเกรงจะเป็นปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง เพราะภาพหลอนเรื่องการเมืองที่ตึงเครียดช่วง6ปีที่ผ่านมากลับมาหลอนคนในตลาดอีกครั้ง

แต่ผมคิดว่า จะไม่รุนแรงมากนัก เหตุก็เพราะว่าพรบ.ฉบับนี้ไม่ได้นิรโทษกรรมให้คุณทักษิณ ที่ตกเป็นเป้าหมายของการต่อต้านครับ
 


ที่มา:www.ilaw.or.th

พรบ.นิรโทษฉบับสส.วรชัย นิรโทษให้่ใครบ้าง? และมีผลต่อตลาดหุ้นอย่างไร..?

เนื่องจากเป็นฉบับที่พรรคเพื่อไทยลงมติจะนำเสนอสภา7ส.ค.นี้ คนรอดมีดังนี้

*กลุ่มม็อบพันธมิตรปิดสนามบิน ยึดทำเนียบ สภา
*กลุ่มเสื้อแดงที่ม็อบมาหลัง19ก.ย.(ละเมิดพรก.,ศาลากลาง)
*ยังไม่ชัดเจน ผู้ทำผิดคดีหมิ่น112,คนเผาห้าง

กลุ่มที่ไม่ครอบคลุม คือ

*แกนนำม็อบ(พันธมิตร,หลากสี,เสื้อแดง) ทักษิณ และอดีตรัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์
*ทหารระดับบัญชาการ และระดับปฏิบัติ

ความเห็นของผม:หากไม่้มีการครอบคลุมถึงคุณทักษิณ กระแสต้านก็คงไม่หนักหนารุนแรงครับ แต่เป็นธรรมดาเวลามีข่าวทำนองนี้(ปัจจัยเสี่ยงการเมือง) หุ้นก็จะตกลงมาก่อนด้วยความวิตกกังวลกว่าเหตุ แต่พอถึงเวลาจริงๆก็ไม่ตก หรือขึ้น เมื่อคนในตลาดพบว่า ไม่ได้ร้ายแรงหรือหนักหนาอย่างที่คาดการณ์


แนวโน้ม-เวลาที่เกิดวิกฤตการณ์เมือง ตลาดหุ้นจะแบ่งเป็น3ช่วง คือ ช่วงที่1ลงแรงแบบpanic sell เพราะวิตกจะเกิดปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง คือช่วงนี้ เป้าลงอาจเป็น1456 ที่ลงมาเมื่อวาน หรือ1440 แย่สุดอาจเป็น1400-1415 จุด จากนั้นเข้าช่วงที่2คือซึมออกด้านข้างรอดูเหตุการณ์ อาจแกว่งในกรอบ1400-1500+/- (หรือกรอบ1450-1500+/-) และช่วงที่3เมื่อสถานการณ์เคลียร์ อย่างรอบนี้คือพอพรบ.นิรโทษกรรมผ่านสภาก็ขึ้น และจะขึ้นทำจุดสูงใหม่กว่าพีคเก่าที่ทำไว้1520 ก็น่าขึ้นไปตั้งแต่1550-1650หลัง7สิงหาคม

กลยุทธ์รายวัน-จับตามองว่ายืนเหนือเขต1440-1450หรือไม่ ถ้าได้ก็เข้าซื้อเล่นสั้น และเด้งขึ้นไปหากไม่ผ่านแนวต้านเขต1470ก็ขายทำกำไร เว้นแต่ผ่านไปรอขาย1490+/-


กลยุทธ์รายสัปดาห์-รอดูเหตุการณ์ไปจนใกล้ๆวันที่7สิงหาคม ช่วงที่ตลาดหุ้นซึมตัวปลายๆแล้วไปซื้อก่อน7สิงหาคม หรือในวันที่7สิงหาคม เพื่อไปรอขายตอนขึ้นไปนิวไฮเกิน1520จุด

********

ลูกสูตรพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในตลาดหุ้นได้อย่างไร?

3ช่วงของการทำลายเชิงสร้างสรรค์ในตลาดหุ้น-วิกฤตการณ์ต่างๆที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นนั้น จะมีรูปแบบ(pattern)ที่เหมือนกันทุกครั้ง คือพอจะแบ่งได้ 3 ระยะด้วยกัน

ตลาดหุ้นไทยกับวิกฤตการณ์ม็อบแช่แข็งประเทศไทยที่แบ่งเป็น3ช่วง

- ระยะแรก (เฟส1) ก่อนจะเกิดวิกฤตการ
ณ์ ระหว่างที่ฮึ่มฮั่มใส่กันไปมานั้น ตลาดหุ้นมักจะตกกันแบบโลกาวินาศ เพราะความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจว่าจะบานปลายไปเป็นวิกฤตการณ์ใหญ่ กลัวจะเกิดทุพภิกขภัยสารพัด ทำให้คนในตลาดหุ้นเทขายหนีตายกันจ้าละหวั่น...ความกลัวทำให้หุ้นตก

- ระยะที่สอง (เฟส2) ในช่วงระหว่างเตรียมพร้อมไพร่พลเสบียงกรัง และออกข่าวจะเปิดเกมถล่มกัน ให้บรรลัยกันไปข้าง ตลาดหุ้นมักจะซึมกระทือ คนเลิกเล่นหุ้นกันไปส่วนใหญ่ กรอบความเคลื่อนไหวมักจะแคบๆ เพราะคนทำใจได้แล้วว่าเลี่ยงภาวะสงครามไม่ได้แน่ แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้ามาเล่นในตลาด…ความทรมานคือการรอคอย

- ระยะที่สาม (เฟส3) นับตั้งแต่ช่วงเปิดใส่กัน ที่ผมมักเรียกว่า”กระสุนนัดแรกในสงคราม” หรือ เสียงปืนแตกนัดแรก หรือระเบิดตูมแรก ไปจนกว่าจะยุติสงคราม หรือคาดเดาได้ว่าสงครามครั้งนั้นจะมีผลลงเอยไปในทิศทางใด ก็แปลกที่ว่า ตลาดหุ้นช่วงนี้มักจะดีดตัวขึ้นแล้วก็วิ่งยาว ( rally) และไม่ช้าไม่นานมักจะขึ้นไปสร้างสถิติทำจุดสูงสุดใหม่ (new high)กันทุกครั้งไปเสียด้วย

ผมจึงเรียกปรากฏการณ์วิกฤตการณ์ต่างๆที่มีต่อตลาดหุ้นว่าเข้าข่าย “ ทฤษฎีสร้างสรรค์ในเชิงทำลาย เข้าทำนองว่าเมื่อมีการทำลายล้างสิ่งหนึ่งลงไป ก็จะเกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าตามมา

อย่างสมัยโบราณ เมื่ออาณาจักรกรีก-อียิปต์โบราณถูกทำลายลง หรือเสื่อมลง จึงเกิดอาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่กว่าขึ้นทดแทน และเมื่อโรมถูกทำลายล้างลง จึงเข้าสู่ยุคกลางที่มีมหาอำนาจอังฤษเป็นแดนพระอาทิตย์ไม่ตกดิน เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเกิดมหาอำนาจใหม่คือจักรวรรดิอมเริกามาแทนที่ ดังนี้เป็นต้น

ทฤษฎีสร้างสรรค์ในเชิงทำลาย (destruction creative theory)ที่ว่า สงคราม/วินาศกรรม/วิกฤตการณ์ในระดับโลกทุกครั้ง จึงเป็นโอกาสทองทุกครั้งสำหรับนักลงทุนผู้มีพฤติกรรม contrariant หรือนักลงทุนผู้ชาญฉลาดที่หาจังหวะจับทางสวนกระแสคนส่วนใหญ่ในตลาด

"Creative Destruction" ซึ่งถ้าจะหาคำแปลที่แปลแล้วตรงๆ ตัวก็คงจะลำบาก ผมก็เลยขออนุญาตใช้คำว่า"การทำลายสิ่งเก่าลง เพื่อเกิดใหม่อย่างศิวิไลซ์กว่าเดิม" เป็นทฤษฎีของนักเศรษฐศาสตร์มาร์กซิสต์ Joseph Schumpeter โดยเขาได้เขียนไว้ในหนังสือ Capitalism, Socialism and Democracy ว่าปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดความมั่งคั่งของสังคม ก็คือการที่สังคมและองค์กรจะมีนวัตกรรมหรือสิ่งใหม่ๆได้นั้นจะต้องเกิดจากการลบเลือนหรือการทำลายล้างสิ่งเก่าๆ ออกไปเสียก่อน เนื่องจากภายใต้บริบทและวิธีการเดิมๆ นั้นย่อมยากที่จะเกิดนวัตกรรมหรือสิ่งใหม่ๆ ได้

ทฤษฎีนี้ต่อยอดมาจากคำแถลงที่มีชื่อเสียงอุโฆษคือ The Communist Manifesto (Marx and Engels, 1848)

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์:แนวโน้มทองคำชนด่านสำคัญ1338$ผ่านหรือแป้ก? แต่หุ้นผ่านแล้วจะขึ้นรอบใหม่ พร้อมเป้าหมายและกลยุทธ์สำคัญ

 http://youtu.be/PH4KAh8fLnU
รายการรู้ก่อนรวยกว่า 23 กรกฎาคม ข่าวจีนกระตุ้นศก. และน้ำมันโลกขาขึ้น หนุนหุ้นไทย

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 081-8311611 087-7174979 http://www.facebook.com/tontancorp


แนวโน้มระยะกลาง-SETตกปรับฐานรอบใหญ่จาก1650เมื่อ23พ.ค.ลงมาต่ำสุด1338เมื่อ25มิ.ย.จากนั้นแกว่งซึมตัวออกด้านข้าง เพิ่งผ่านกรอบต้านสามเหลี่ยมเขต1465เมื่อสัปดาห์ก่อน จะขึ้นไปทดสอบแนวต้านด่านต่างๆตามลำดับในระยะ 1 เดือนนับจากนี้คือ

*ด่านแรก1494
*ด่านถัดไป1550
*ด่านถัดไปพีคเก่า1650
*เป้าหมายใหญ่เขต1700-1750

กลยุทธ์รายสัปดาห์-ซื้อเมื่อยืนเหนือเขตแนวรับ1470-1475และถือหากผ่านแนวต้านด่าน1494เพื่อไปรอขายเป้าหมายใหญ่ถัดไปเขต1550 หรือพีคเก่า1650 หรือนิวไฮ1700-1750ในระยะเป็นเดือน(เน้นซื้อแก้ไขพอร์ตหุ้นที่ติดไว้ในรอบก่อน)

แนวโน้มSpot gold-ฟื้นตัวจากกรอบแนวรับ1180กำลังมาทดสอบแนวต้านdowntrend channelบริเวณ1338$ แต่ก็เข้าเขตoverbought ข้อพิจารณาคือ

ก.หากผ่านด่าน1335$เด็ดขาด อาจขึ้นต่อไป1370-1385หรือกระทั่ง1425$
ข.แต่หากไม่ผ่านเขต1335$ขึ้นไปเด็ดขาดก็อาจเสี่ยงตกตามแนวโน้มขาลงต่อไป

แนวโน้มทองคำ96.5-รอบล่าสุดตกมาต่ำสุด17750บาท ยืนเหนือแนวรับuptrendขนาดใหญ่17500บาท ล่าสุดฟื้นขึ้นมาเขตแนวต้านdowntrendสำคัญเขต20000บาท ข้อพิจารณาคือ

ก.หากผ่านด่าน20000บาทได้ก็พร้อมจะขึ้นต่อไป
ข.หากไม่ผ่านก็ยังเสี่ยงแกว่งตัวลงต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์:ทะลุด่านสามเหลี่ยม สัญญาณยืนยันจบขาลงและขาซึม นับ1ขาขึ้นรอบใหม่ พร้อมกลยุทธ์แก้ไขพอร์ตและกลยุทธ์การลงทุน



โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 081-8311611 087-7174979 http://www.facebook.com/tontancorp

*ข่าวบวก-จากผลสำรวจ Fund Manager Survey เดือน ก.ค.2556 จาก Merrill Lynch (ML) ที่พบว่า EM Fund Manager ให้น้ำหนัก Overweight ตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นจาก 8% ในเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 21% โดยที่ตลาดหุ้นไทย และจีนเป็นเพียง 2 ตลาดหุ้นในเอเชียเท่านั้น จากทั้งหมด 5 ตลาดที่ EM Fund Manager ให้น้ำหนัก Overweigh

มุมมองเทคนิค-หลังจากตลาดเที่ยวที่ผ่านมาลงจาก1650 และลงไปทำจุดต่ำสุดที่1338แล้วก็ซึมตัวออกข้างในรูปแบบสามเหลี่ยม ล่าสุดภาคเช้าวันนี้ผ่านด่านแนวต้านสามเหลี่ยมบริเวณ 1465 ด้วยวอลุมหนาตา จึงคาดว่าจะขึ้นต่อไปดังนี้

*เป้าแรกเขต1492 คาดว่าจะผ่านได้ ไปแนวต้านจิตวิทยา1500
*เป้าถัดไปเขต1550+/- ระยะเป็นเดือนน่ากลับไปเขตพีคเก่า1650
*กรณีดีสุดจะมีการนำnew highไปที่เขต1750จุด อาจเป็นช่วงราวกลางเดือนสิงหาคม หรือนับไปราว1เดือนจากนี้

กลยุทธ์สำคัญ

1.หากติดหุ้นไว้สูง ก็แนะนำถือ อย่าไปชิงขาย เพราะตลาดหยุดลง และจะวกขึ้นไป รอเอาทุน
2.หากมีทุนสู้ ก็แนะนำซื้อเฉลี่ยแก้ไขพอร์ตหุ้นที่ติดไว้สูงรอบก่อน เพื่อให้ขึ้นไปรอบนี้ได้ทุนไวขึ้น หรือบวกกำไร
3.หากหาหุ้นเล่นรอบใหม่ อาจโฟกัสไปที่กลุ่มที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากน้ำมันขึ้น คือหุ้นน้ำมัน พลังงาน เคมี เกษตร ท่าเด่นคือ XXX XXXX XXXY XXY YYY(หากผ่าน13.70ได้จะชัดเจนขึ้น) ตัวอื่นๆที่ลงมาหนักคือTXXX (สมาชิกเปิดอ่านทางอีเมล์นะครับ)


วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

10 เรื่องที่เจ้าของหุ้นจะไม่มีวันบอกคุณ


โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800  http://www.facebook.com/tontancorp

1.บริษัทของเรามีอัตราเติบโตดีมาก เราจึงจะลงทุนขยายกิจการ (แต่เราจะก่อหนี้เพิ่ม และไม่มีเงินปันผลจ่ายผู้ถือหุ้นนะ)

2.บริษัทของเรามีอัตราเติบโตดีมาก เราจึงต้องลงทุนขยายธุรกิจ (โดยเราไม่อยากขอสินเชื่อ เลยจะขอเงินเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น)

3.บริษัทของเราเห็นโอกาสอยู่มากมาย เลยจะแตกไลน์ธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยงและแสวงหาโอกาสที่ไม่น่าพลาด(เราเลยจะโยกกำไรไปสู่บริษัทใหม่นี้ แต่หนี้สินจะพอกพูนอยู่ในกิจการที่พวกคุณถือหุ้นอยู่)


4.บริษัทของเรามีอัตรากา่รจ่ายปันผลที่ดีมากและสม่ำเสมอ (เพราะกิจการเราโตเต็มที่แล้ว เลยไม่รู้จะดิ้นรนไปทำไม คุณก็อย่ามาหวังเรื่องgrowth เรื่องCapital Gain จากเราหละ)


5.ธุรกิจของเราเป็นเจ้าตลาด และยากที่ใครจะมาเทียบรัศมีได้ นี่คือบลูชิพที่คุณต้องการ(เพราะเจ้าของกิจการของเรามีเส้นสายอิทธิพล แต่หากปุ๊บปั๊บเขาตายขึ้นมา ก็ตัวใครตัวมันนะ)


6.บริษัทของเราเป็นกิจการขนาดเล็กก็จริง แต่อย่าลืมว่าเรามีอนาคตเติบโตแบบก้าวกระโดด ผู้ถือหุ้นจะได้ผลตอบแทนที่เกินคุ้มค่ากว่าลงทุนในหุ้นที่matureแล้ว (แต่ตอนนี้เราไม่มีทุนพอขยายธุรกิจหรอกนะ หุ้นของเราก็ขาดสภาพคล่อง มาๆกันหน่อย ผมจะได้ขายให้พวกคุณ)


7.บริษัทของเรามีโครงสร้างที่แข็งแกร่งทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ ทุน แผนธุรกิจ ความสามารถในการแข่งขัน และความคงทนต่อสภาพการณ์แวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง (แต่เราอยู่ในธุรกิจที่กำลังจะกลายเป็นอดีต โลกสมัยใหม่ ใครจะไปรู้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไวขนาดนั้น เราปรับตัวไม่ทัน สต๊อกสินค้าเรากองอยู่ในคลังบานเลย)


8.บริษัทของเรากระจายความเสี่ยงไปในธุรกิจที่หลากหลายมาก ดังนั้นนี่เป็นเรื่องที่ผู้ถือหุ้นควรสบายใจว่าเราจัดการธุรกิจได้ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว (แต่เราไม่ได้ชำนาญซักด้านหรอกนะ และเราตามหลังคู่แข่งที่เขามาก่อนตั้งไม่รู้เท่าไหร่)
9.บริษัทของเราไม่ได้สนใจหรอกว่าราคาหุ้นมันเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างไร เราสนใจแต่ธุรกิจเท่านั้น (ก็ธุรกิจของเรามันไม่โตแล้ว หนี้ที่เราก่อก็ไม่เกิดผลผลิต กำไรก็ไม่คุ้มดอกเบี้ย การแข่งขันก็ดุเดือดเหลือเกิน เราพยายามอุดราคาหุ้นไว้แล้ว แต่โดนโบรกเกอร์จับฟอร์ซเซล)
10.พวกคุณเป็นผู้ถือหุ้นที่ทรงคุณค่าของเราจริงๆ ขอบคุณที่พวกคุณมั่นใจในการบริหารจัดการของเรา (แต่เราได้ไปจากพวกคุณเยอะแล้ว เรากำลังหาทางล้มบนฟูกนิ่มๆอยู่ อิอิ)

ดังนั้นแล้ว..
หากคุณๆบรรดาผู้ถือหุ้น มีโอกาสไปประชุมผู้ถือหุ้น หรือไปcompany visit หรือไปงานOpportunities Day ก็อย่าลืมถามเรื่องในวงเล็บนี่หน่อยนะครับ หลังจากฟังเจ้าของหุ้นกล่อมจนเพลินแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อัพเดตหุ้นไทยภาคบ่าย(11กรกฎาคม):การฟื้นตัวขึ้น แต่ต้องทดสอบกรอบสามเหลี่ยมบนเขต1460 หากผ่านจึงได้สิทธิ์ไปต่อ แต่หุ้นChina Hopeในกลุ่มน้ำมัน พลังงาน ถ่านหิน สินค้าเกษตร เคมี เริ่มมีหวังเป็นหนแรกในรอบ 3 ปี

รายการรู้ก่อนรวยกว่า-น้ำมันNymexเป็นทิศทางขาขึ้นและเก็งจีนจะออกมาตรการกระตุ้นศก.หลังส่งออกทรุด ปลุกความหวังหุ้นโภคภัณฑ์ น้ำมัน พลังงาน ถ่านหิน สินค้าเกษตร เคมี แนะhold for hopeหรือซืัอเฉลี่นแก้พอร์ตIVL Banpu sta irpc ESSO top pttgc etc.


โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 081-8311611 087-7174979 http://www.facebook.com/tontancorp

*หุ้นไทยฟื้นแรงหลังจากเบอร์นันเก้กล่าวว่ายังคงจำเป็นต้องใช้QEกระตุ้นศก.ต่อไป/BOJคงนโยบายอัดฉีดเงินเข้าระบบ/สื่อทางการจีนเผยว่าจะผ่อนปรนมาตรการคุมศก./ราคาน้ำมันแพงขึ้น และโบรกเกอร์คาดการณ์ว่า ผลประกอบการกลุ่มแบงก์ในไตรมาส2/56จะสูงทำนิวไฮ

· ตลาดหุ้นจีนฟื้น หลังส่งออกร่วง ปลุกกระแสคาดการณ์จีนจะออกมาตรการ
ชาร์ตที่1:หุ้นจีนฟื้นจากDowntrend channel กรอบล่างแถวๆ1850และผ่านต้านย่อย อาจขึ้นไปเที่ยวนี้เขตกรอบบน2250-2350จุด

· ราคาน้ำมันดิบNYMEXผ่านเขต105$ ล่าสุดมาเขต107$คาดจะไปต่อเขต115-120ในระยะต่อไป(ผลดีต่อหุ้นน้ำมัน เคมี เกษตร พลังงาน)

โดยน้ำมันดิบNYMEX:ผ่านแนวต้านสามเหลี่ยมขนาดใหญ่บริเวณ98-100$แล้วขึ้น คาดว่าจะขึ้นไป115-120$ หากผ่านระยะกลางจะไป150$ ดังนั้นรอบต่อไปนี้หุ้นน้ำมัน เคมี เกษตร ถ่านหินอาจฟื้นตัวจริงจัง หลังซบเซามานาน3ปี แต่ก็ไปขึ้นกับChina hopeด้วยว่าจะมีมาตรการกระตุ้นศก.หรือไม่ ตอนนี้ยังเป็นแต่ความหวัง

· SETมีกรอบแนวรับเขต1380+/-ถัดไป1360+/- แนวต้าน1405ถัดไปแนวต้านdowntrfend 1410หากกลับตัวผ่านก็พร้อมฟื้นขึ้นรอบใหญ่ แต่หากไม่ก็ยังลงปรับฐานต่อไป แต่ไม่น่าลงไปทำnew lowกว่า1338เพราะตลาดโซนTIPไม่มีตลาดใดทำnew lowในเที่ยวนี้

ชาร์ต:หุ้นไทย ช่วงที่ผ่านมาลงปรับฐานในทิศทางเดียวกับตลาดโซนTIPแต่ไม่ลงทำnew low ลงไปที่1377เมื่อวานและฟื้นมาวันนี้ผ่านแนวต้านDowntrendย่อย1410แล้วขึ้นแรง หน้าตาเป็นการฟอร์มตัวแบบสามเหลี่ยม ที่มีแนวต้านกรอบบนเขต1460+/- พิจารณาได้ดังนี้
ก.หากภายในวันพรุ่งนี้หรือต้นสัปดาห์หน้าผ่าน1460+/-ก็จะตัดสินไปทางขึ้น คือกลับไปพีคเก่า1475และ1492 หรือนิวไฮขึ้นไป1550-1650ได้ต่อไป

ข.หากภายในวันพรุ่งนี้หรือต้นสัปดาห์หน้าไม่ผ่าน1460+/- ก็จะแกว่งซึมในกรอบบน1460 กรอบล่างแถว1380(แต่หากหลุด1380ก็จะตกไปlowเก่า1338-1350)

กลยุทธ์รายสัปดาห์ – จับตามองว่ารอบนี้จะผ้านเขต1460+/-ได้หรือไม่ หากได้ก็ลุ้นการฟื้นตัวขึ้นต่อไป หากไม่ผ่านก็ควรระวังการพักฐานต่อไป


· หากตลาดฟื้นตัว โดยยืนเหนือ1385-1390 หรือขึ้นผ่านด่าน1410ขึ้นไป แนะนำซื้อแก้ไขพอร์ตหุ้นเคมี น้ำมัน พลังงาน ถ่านหิน สินค้าเกษตร หากติดไว้สูง เพราะคาดว่าจะมาถึงรอบ ขณะที่ราคาหุ้นอยู่ต่ำกว่าราคาปัจจัยพื้นฐานมากแล้ว เช่น XXX ราคาปัจจัยพื้นฐาน30 บาท XXY 20 บาท XYY 80 YYYY 80 XXXY5 YYYX 12 BXXX 350 KXX 16.50 ตัวอื่นที่น่าสนใจTXXXเขต20บาท ราคาพื้นฐาน35บาท และจับตามองเรื่องน้ำมันประกอบ

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

มุมอินไซด์ (10กรกฎาคม2556):ข่าวดีในข่าวร้าย จีนส่งออกร่วง ทำให้เก็งว่าทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลดีต่อหุ้นที่ซบเซามานานในกลุ่มพลังงาน เคมี น้ำมัน สินค้าเกษตร/ข่าวดีในข่าวร้าย กนง.หั่นเป้าGDPลงต่ำกว่า5%






โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 081-8311611 087-7174979 http://www.facebook.com/tontancorp

 ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดพุ่ง 2.17% คาดจีนออกมาตรการหนุนศก.

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ค. 56)--ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากมีการคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลจีนจะใช้มาตรการเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่ยอดส่งออกอ่อนตัวลงกว่าที่คาดการณ์


สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตพุ่ง 42.68 จุด หรือ 2.17% ปิดที่ 2,008.13 จุด


หุ้นผิง อัน แบงก์ และอินดัสเตรียล แบงก์ ดีดตัวขึ้นกว่า 2% ส่วนหุ้นหยานโจว โคล นำขบวนหุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้น 


สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า การส่งออกในเดือนมิ.ย.หดตัวลง 3.1% จากปีก่อน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1% ในเดือนพ.ค. ขณะที่การนำเข้าเดือนมิ.ย.ลดลง 0.7% เทียบรายปี เมื่อเทียบกับที่ขยับลง 0.3% ในเดือนพ.ค.


ทั้งนี้ ยอดเกินดุลการค้าในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 2.713 หมื่นล้านดอลลาร์จาก 2.043 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th


IQ>   * กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายตามคาด เล็งลดประมาณการ GDP ปีนี้เหลือโตไม่ถึง 5%

          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ค. 56)--คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในการประชุมวันที่ 10 ก.ค.56 มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% โดยมองอัตราดอกเบี้ยยังเหมาะสม แต่พร้อมปรับเปลี่ยนสอดคล้องตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่ประเมินว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะชะลอลงในทิศทางเดียวกับสำนักอื่นๆ โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะโตไม่ถึง 5% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 5.1%

          นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาร เลขานุการ กนง.แถลงว่า กนง.เห็นว่าเศรษฐกิจโลกโดยรวมขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อนจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการส่งออกของเศรษฐกิจเอเชีย ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปรับดีขึ้นบ้าง จากภาคที่อยู่อาศัยและการจ้างงานที่มีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ เศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรเริ่มทรงตัว ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวดีขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
          เศรษฐกิจไทยขยายตัวชะลอลงจากทั้งอุปสงค์ในประเทศและการส่งออก ส่วนหนึ่งเพราะครัวเรือนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นจากภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นและนโยบายกระตุ้นภาครัฐที่ทยอยหมดลง การส่งออกชะลอลงจากทั้งปัญหาด้านอุปทานภายในประเทศและเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว อุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ชะลอตัวลงส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนบางส่วนล่าช้าออกไป สำหรับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อต่ำลงจากอุปสงค์ภายในประเทศและต้นทุนการผลิตที่ลดลง
          กนง.ประเมินว่าอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอลงในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการพักฐานหลังจากที่เร่งตัวมากในช่วงก่อนหน้าจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ จึงน่าจะกลับมาขยายตัวในระดับปกติในระยะต่อไป เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานในประเทศ เช่น การจ้างงาน และรายได้ของประชาชนยังอยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับนโยบายการเงินการคลังที่ยังผ่อนคลาย สะท้อนจากการขยายตัวของสินเชื่อและการขาดดุลการคลังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถสนับสนุนการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจและการเงินโลกกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวและความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม คณะกรรมการฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี
          นายไพบูลย์ กล่าวว่า หากประเมินเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ถือว่าอยู่ในช่วงที่มีการปรับเปลี่ยนและทรงตัว สอดคล้องกับที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ประเมินเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงเหลือโต 3.1% แต่ในปีหน้าไอเอ็มเอฟประเมินเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเศรษฐกิจไทยก็น่าจะดีขึ้นในช่วงหลังจากปีนี้เช่นกันตามการส่งออกที่คาดว่าจะดีขึ้นด้วย
          ทั้งนี้ กนง.ก็ยังมีความระมัดระวังและติดตามระดับหนี้ครัวเรือนที่เร่งตัวขึ้นมาสูง แต่ยังเห็นว่าไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยเพื่อลดภาระหนี้ของประชาชน เพราะสินเชื่อยังขยายตัวได้ แม้ขณะนี้จะไม่ได้เร่งตัวมากเหมือนในช่วงที่ผ่านมา โดย กนง.มองว่ามาตรการกระตุ้นการบริโภคและการใช้จ่ายจากภาครัฐส่วนหนึ่งมีผลทำให้ภาระหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น เห็นได้จากสินเชื่อเช่าซื้อรถพุ่งสูงถึง 30-40% ในช่วงที่ผ่านมา ย่อมมีผลทำให้ความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชนลดลง เพราะต้องเจียดรายได้มาชำระหนี้ ซึ่งถือเป็นปกติ ดังนั้น เมื่อภาระหนี้ของประชาชนคลี่คลายลงก็เชื่อว่าการใช้จ่ายในประเทศจะกลับมาสู่ระดับปกติในระยะต่อไป และยืนยันว่ายังไม่เห็นสัญญาณการผิดนัดชำระหนี้จนผิดปกติ
          นอกจากนี้ กนง.ยังได้นำผลของการชะลอการลงทุนภายใต้โครงการบริหารจัดการน้ำภาครัฐมาประกอบการพิจารณา เพื่อปรับลดประมาณการเศรษฐกิจที่จะเปิดเผยในวันที่ 19 ก.ค.นี้
          "จริง ๆ แล้ว กนง.มองเห็นการชะลอตัวเศรษฐกิจตั้งแต่การประชุมครั้งก่อน จึงได้ลดดอกเบี้ยลงไปแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งการคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% ก็เป็นระดับที่ผ่อนคลายอยู่แล้ว หนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ค่อนข้างดี และเชื่อว่าเป็นระดับที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง และมองแนวโน้มข้างหน้ายังเป็นระดับที่เหมาะสม" นายไพบูลย์ กล่าว
          ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะต่อไป ขึ้นกับข้อมูลและสถานการณ์ที่ต้องพิจารณาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หากเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์ในประเทศเปลี่ยนแปลง การลงทุนต่าง ๆ ชะลอลงกว่าคาด ก็ต้องพิจารณานโยบายอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสม รวมทั้งต้องสอดคล้องกับเสถียรภาพทางการเงินและอัตราเงินเฟ้อด้วยเช่นกัน
          สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะมีออกมาอีกนั้น กนง.ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจรอบด้านในระยะข้างหน้าจะมองเพียงอุปสงค์อย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดูการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งหัวใจสำคัญก็ต้องดู supplied side โครงสร้างการผลิตที่อาจทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไม่มากพอ ต้องดูรวมไปถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ผลิตภาพการผลิต และคุณภาพแรงงาน ซึ่งทั้งหมดต้องมองในระยะยาว
          "การกระตุ้นด้วยดีมานด์ต้องมีเหตุมีผลในบางช่วงบางจังหวะ โดยเฉพาะในยามที่เกิดความไม่เชื่อมั่นก็ถือว่ามีเหตุผลในการกระตุ้น แต่จะได้ผลในระยะสั้น ขณะเดียวก็จะเป็นการเพิ่มภาระหนี้สินให้ภาคเอกชนและรัฐบาลที่จะต้องจัดการในระยะต่อไป"นายไพบูลย์ กล่าว  
          อย่างไรก็ตาม สินเชื่อที่ขยายตัวในระดับสูงในช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้เห็นว่าเริ่มทรงตัว โดยสถาบันการเงินเริ่มมีความระมัดระวังในการให้สินเชื่อ และเพิ่มความเข้มงวดต่อมาตรฐานการพิจารณาสินเชื่อมากขึ้น แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ก็ยังคงติดตามหนี้สินภาคครัวเรือน ซึ่งประเมินว่าในระยะข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ ส่วนราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากผลกระทบสถานการณ์การเมืองในอิยิปต์นั้น มองว่าเป็นภาวะชั่วคราว แต่ในระยะยาวเชื่อว่าจะไม่สูงมากนัก เพราะเศรษฐกิตจโลกไม่ได้เติบโตมาก จึงเชื่อว่าไม่น่าจะสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อให้สูงขึ้นมากในระยะต่อไป แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องติดตาม
          นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า การส่งผ่านนโยบายการเงินต้องใช้เวลา และยังต้องขึ้นกับกลไกตลาด เบื้องต้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นก็ปรับลดลงไปแล้ว ส่วนดอกเบี้ยของสถาบันการเงินก็ต้องเป็นไปตามกลไกของธุรกิจ กนง.ไม่ได้ออกคำสั่งให้ต้องปฏิบัติตาม แต่หากสถาบันการเงินเห็นว่ามีความต้องการสินเชื่อมาก และมีข้อกังวลจากสภาพคล่องที่อาจตึงตัวเนื่องจากการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมทั้งการแข่งขันจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ระดมเงินฝากมาก ก็ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจปรับดอกเบี้ยในตลาด อย่าหวังพึ่งนโยบายการเงินมากเกินไป


--อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

ความเห็น:1.ตลาดรวม ดัชนีSETหุ้นไทยตกมาถึงแนวรับด่านสุดท้ายเขต1385-1390 หากหลุดก็เสี่ยงลงต่อไปเขต1338ที่เป็นlowเก่า แต่หากยืนได้แล้วฟื้นไปเหนือเขต1405หรือ1410ก็จะจบการลงเที่ยวนี้พร้อมขึ้นรอบใหม่ กลับไป1420-1430,1475 หรือ1492-1500

2.ดัชนีSET50 หากยืนเหนือ930+/-(933-828)จะฟื้นไป940-945ถัดไป950-953และหากผ่านก็จะฟื้นกลับไป960-975

3.หุ้นที่จะได้ประโยชน์หากจีนออกมาตรการคือกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี น้ำมัน สินค้าการเกษตรที่ตกต่ำซบเซามาเกือบ 3 ปี เช่น BANPU IVL STA AJ PTL IRPC PTTGC ESSO PTT PTTEP TOP เป็นต้น



วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รายการรู้ก่อนรวยกว่า แชมป์เรทติ้งสถานีข่าว24ชั่วโมงTNN24


บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ลงนามในสัญญากับ TRUE VISION เพื่อผลิตรายการ"รู้ก่อนรวยกว่า"อันเป็นกา­รสืบทอดรายการ"เพื่อนนักลงทุน"ที่อยู่คู่กับสถานีมายาวนานมากกว่า 15 ปี โดยเริ่มออนแอร์ตั้งแต่ 1 มกราคม2556เป็นต้นมา

แฟนรายการของเรายังจะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญ­วงการหุ้นที่คุ้นเคยและยอมรับเชื่อมั่นในฝืมือครบท­?กคน ทั้งคุณณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์,คุณฉุย ทวีรัชต์ มัททวีวงศ์,คุณสุเชษฐ์ สุขแท้,คุณช.โชติวงศ์ เพ็ชญไพศิษฎ์

เสริมทัพให้เข้มข้นด้วยคุณสมพงค์ เบญจเทพานันท์ คุณกิจพล ไพรไพศาลศิลป์

เพิ่มเติมให้ครอบคลุมด้วยกลยุทธ์­การค้าการลงทุนในตลาดค้าทองคำ ทั้งทองแท่ง,ทองคำฟิวเจอร์,ตลาดตราสารอนุพ­ันธ์กับตัวจริงวงการทอง นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัญศิริ แห่งMTSแม่ทองสุก และคุณณัฐพงศ์ หิริญศิริ แห่งMTS FUTURES

เติมสีสันด้วยพิธีกรมืออาชีพด้านเศรษฐกิจ คุณเจี๊ยบ-อรลดา เผ่าวิบูล และทีมงานพิธีกรมืออาชีพจาก TRUE VISION TNN24 สถานีข่าว 24 ชั่วโมง

พรั่งพร้อมด้วยข้อมูลประักอบการตัดสินใจลง­ทุนทั้งหุ้น ทองคำ ตราสารอนุพันธุ์ และกราฟฟิกสวยงาม

พบคุณภาพใหม่ทางTNN24 (TRUE VISION07หรือHD121) หรือสดๆผ่านเน็ตhttp://www.tnnthailand.com/player.php ตั้งแต่ 1 มกราคม 2556 นี้เป็นต้นไป ในเวลา13.05-13.30น.ทุกวันจันทร์ ถึงวันศุกร์

ข่าวดีสำหรับท่านผู้ชมรายการ ตอนนี้รายการรู้ก่อนรวยกว่ามีเรทติ้งที่ดีที่สุดของสถานีTNN24 ร่วมภาคภูมิใจไปกับเรา และก้าวไปด้วยกัน

ChartแสดงRatingของสถานีโทรทัศน์True vison TNN24 ออกจะเซอร์ไพรส์ทีเดียว ช่วงเวลา13.00-13.30ของรายการรู้ก่อนรวยกว่าขึ้นมาเป็นแชมป์ของสถานี (ที่มา:การสำรวจเรทติ้งของจานดาวเทียมPSI)

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คัมภีร์หุ้นไทย(8-12กรกฎาคม56):ต้นร้ายปลายดี และโอกาสของการกลับมาของหุ้นพลังงาน น้ำมัน ปิโตรเคมี สินค้าเกษตร

เทปรายการรู้ก่อนรวยกว่า 8 กรกฎาคม56-หุ้นตกตามฮ่องกงที่ผิดหวังจีนไม่ออกมาตรการอุ้มอสังหา และค่าบาทอ่อน แต่มีข่าวหนุนเยนอ่อนเงินอาจไหลกลับ แบงก์จ่อประกาศงบQ2ออกมาสวย น้ำมันแพง JPMเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นโภคภัณฑ์เป็นหนแรกในรอบ3ปี แนะซื้อIRPCเป้า3.74-4.10บาท
http://www.youtube.com/watch?v=y-wfDbkNQmQ&feature=youtu.be

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 081-8311611 087-7174979 http://www.facebook.com/tontancorp

ต้นร้ายปลายดี..?

· Sentimentบวกและลบผสมผสานกัน แต่หันมาอิงทางลบมากกว่าก่อนเปิดตลาดเช้านี้
· เมื่อวันศุกร์ดาวโจนส์ปิด+148จุด อิงข่าวECBคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย1330ล้านบาท
· แต่ช่วงก่อนเปิดตลาดหันมารับsentimentลบ ฮ่องกงเปิดร่วงแรง-600จุด ผิดหวังทางการไม่ออกมาตรการหนุนอสังหาริมทรัพย์ตามที่หวังกันไว้
· หุ้นญี่ปุ่นยืนบวกได้เล็กน้อย แต่โซนTIPคือฟิลิปปินส์ อินโดนฯเปิดลบราว1.5ถึง2%คาดหุ้นไทยตกตามในช่วงเปิด
· ค่าเงินบาทอ่อนลงนิวโลว์เป็นปัจจัยลบ แต่ค่าเงินเยนอ่อนลงเป็นปัจจัยบวก เรื่องทุนญี่ปุ่นจะไหลเข้าหุ้นไทยในระยะต่อไป
· ราคาน้ำมันNYMEXแพงขึ้นมาเกิน103$หลังเกิดการปะทะกันของฝ่ายสนับสนุนการทำรัฐประหาร กับฝ่ายที่จงรักภักดีอดีตประธานาธิบดีมอร์ซี จะเป็นผลบวกต่อหุ้นน้ำมัน
· กลุ่มธนาคารจะประกาศงบการเงินไตรมาส2ในสัปดาห์นี้ คาดหลายรายทำกำไรดีขึ้นเป็นปัจจัยหนุน

• คาดSETอาจย่ำฐานด้วยการเปิดลงมารับข่าวลบก่อน แนวรับ1420+/- หากยืนได้พร้อมฟื้นขึ้นไปด่าแรก1430-1440 ถัดไปในระยะสัปดาห์เขต1475หรือ1492ในสัปดาห์นี้ เว้นแต่หลุด1420จะลงไป1405หรือ1385-1390
*แต่เนื่องจากประเมินว่าสัปดาห์ก่อนน่าจะย่ำฐานแน่นแล้วเหนือเขต1420+
/-ก็ไม่ควรพังฐานตรงนี้ลงไป ประกอบกับเขต1420+/-ย่าจะเป็นฐานของคลื่น2ย่อย มีโอกาสยืนได้แล้วฟื้นขึ้นไปเขต1470-1475ในระยะสัปดาห์ จากนั้นน่าเหวี่ยงขึ้นไปคลื่น3ย่อยที่มีเป้าหมายขึ้นไปตั้งแต่1492 หรือกระทั่งเหนือ1500(1500-1550หรือ1600ในคลื่น3ย่อยนี้)


*แนะนำ จับตามองหากSETยืนเหนือ1420และSET50ยืนเหนือ950ก็จะลงเพียงเท่านี้แล้วฟื้นกลับไปในสัปดาห์นี้ ควรถือหุ้นหรือเป็นโอกาสซื้อ
*เด่นคือหุ้นพลังงาน ปิโตรเคมี น้ำมัน สินค้าเกษตร อย่าง........ และหุ้นแบงก์ที่คาดว่ากำไรจะออกมาดีอย่าง.......





Note: 10 เหตุผลที่JPM โบรกเกอร์ที่ทรงอิทธิพลของโลกหวนกลับมาให้น้ำหนักระดับOverweightหุ้นโภคภัณฑ์เป็นหนแรก นับจากปี2010
There's no way to sugarcoat it, commodities have been brutalized over the past few years given the slowdown around the world and specifically China, the lack of inflation and elevated supply. That however could change according to analysts at JPMorgan.

For the first time since September 2010, the firm is making an Overweight call on commodities.

JPMorgan analysts led by Colin Fenton say seasonal forces are reversing, supply channels are thinly stocked and sentiment is universally bearish.

"In a number of commodities, prices have fallen far enough for long enough to force involuntary cuts in production and to spur fresh demand," the analysts said. "Risk is now skewed toward demand growth surprise and production disappointment. WTI crude timespreads have broken out to the strongest levels in 6 years."

After turning underweight commodities in November 2011, over the past year the firm has grown more positive on the asset class, as energy has improved, expected menaces in bulks and metals have arrived, and sentiment across commodities has
belatedly soured. Now, the firm is recommending a net long, overweight exposure for institutional investors for the first time in more than two years, based on ten fundamental factors they quantify.

JPMorgan's ten reasons for going overweight commodity indices now:

1) Seasonal factors drove the 2Q correction in spot crude oil, and seasonal factors will reverse it.

2) Fresh demand for storable commodities, in response to the steep price corrections.

3) Price-driven, involuntary production cuts in crude oil, copper, and gold.

4) Inflation in production cost economics.

5) Spare capacity is tight and non-economic supply risks are rising.

6) Lagged benefits to commodity demand from rate cuts and other stimulative measures.

7) Stealth shift in US export policy already at work is further linking WTI with international prices.

6) Lagged benefits to commodity demand from rate cuts and other stimulative measures.

7) Stealth shift in US export policy already at work is further linking WTI with international prices.

Chinese shift in policy: ‘go green’ does not mean what it means in Seattle. It means go to oil&gas.

9) Stronger USD against what? The DXY does not include the CNY.

10) Global growth and inflation rates will likely soon bottom. Rising values in these rates, even from low bases, provide a favorable economic environment for commodity index total returns.

Commodities ETFs to consider on the JPMorgan call:

PowerShares DB Commodity Index Tracking Fund (NYSE: DBC)
iShares GSCI Commodity-Indexed Trust (NYSE: GSG)
United States Commodity Index Fund (NYSE: USCI)
United States Oil Fund, LP (NYSE: USO)