ณัฐวุฒิ
Live 29ม.ค.63 - หุ้น ทองคำ น้ำมัน ค่าเงินบาทอยู่ตรงไหนในภาวะวิกฤตไวรัส
เราต้องทำหรือไม่ทำอะไร?
ตามตำรา Creative Destruction
Model ผมคิดว่า
ตลาดหุ้นโลก รวมทั้งหุ้นไทยน่าจะผ่านพ้นช่วงแรกคือPanic Sellไปแล้ว
ตอนนี้เป็นการย่างเข้าสู่ช่วงที่ 2 คือสร้างฐานใหม่ รอดูพัฒนาการของวิกฤต
คำแนะนำคือ ในช่วงนี้คงไม่ใช่เวลาขายหุ้นล้างพอร์ต
แต่ก็ไวเกินไปที่จะซื้อหุ้น ให้เข้าช่วงที่3 คือมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ วิกฤตคลี่คลายก่อนก็ดี
เว้นแต่ว่าจะทยอยเก็บเมื่อสร้างฐานแน่นแล้ว..แล้วน้ำมัน ทองคำ ค่าเงินบาทเป็นไงบ้าง มีคำตอบในคลิปนี้ครับ
ตอบคำถามหุ้น ESSO IRPC BBL KBANK KCE CRC GPSC CENTEL
..
..
Creative Destruction
Model และการนำไปประยุกต์ใช้กับวิกฤตการณ์ต่างๆที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้น
แม้แต่วิกฤตที่คุณกลัวชนิดจับขั้วหัวใจ มันได้ผลมาก ต้องอ่าน
ในช่วงกว่า20ปีที่ผ่านมานี้ ผมนำเสนอเรื่องใหม่ๆต่อตลาดหุ้นไทยอยู่ 3 เรื่องด้วยกันครับ
เรื่องแรก-FundFlow การวิเคราะห์เงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย
เรื่องที่สอง-TimeZone มิติด้านเวลาว่าตลาดหุ้นจะขึ้นหรือจะตกวันไหน เมื่อไหร่
เรื่องที่3-Creative Destruction Model หรือโมเดลทำลายเชิงสร้างสรรค์กับการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการลงทุนในตลาดหุ้น
โมเดลทำลายเชิงสร้างสรรค์กับการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการลงทุนในตลาดหุ้น(เป็นโมเดลที่ผมคิดสังเคราะห์ และนำเสนอต่อนักลงทุนมาในช่วงเวลา20ปีมานี้)
ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการณ์สงคราม, ก่อการร้าย, วิกฤตการเมือง, จลาจล, ปฏิวัติ, รัฐประหาร, พิบัติภัย อย่าง น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, สึนามิ, โรคระบาด แบบ ซาร์, วัวบ้า, ไข้หวัดนก,ผู้นำคนสำคัญถึงแก่อสัญกรรม ฯลฯ โดยมี MODEL ดังชาร์ตด้านบนนี้
โมเดลพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในตลาดหุ้น คุณสามารถเปลี่ยนวิกฤตได้ เพียงแต่รู้เรื่องนี้ ถ้าคุณหรือเพื่อนของคุณหวาดผวาข่าวร้ายใดๆก็ตาม แชร์ไปให้เพื่อนคุณรู้ ้เพื่อรับมือกับทุกวิกฤตการณ์ในตลาดหุ้น(แม้แต่วิกฤตที่คุณกลัวจับขั้วหัวใจก็ตาม)
โดย " Creative Destruction Model " นี้ พอจะอธิบายได้ดังนี้
ช่วงที่ 1 เมื่อวิกฤตการณ์ก่อตัวหรือเกิดพิบัติภัยขึ้นจะส่งผลลบทางจิตวิทยาของมวลชนในตลาด พากันขายหนีตายออกมาด้วยความแตกตื่น ( Panic Sell ) ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรง กระทั่งส่งผลให้ราคาหุ้นลงไปมากกว่ามูลค่าที่แท้จริงมาก ๆ ( Under Value )…
ในช่วงนี้ หากจะขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนแต่เนิ่นๆก็พึงจะทำ แต่ถ้าหากร่วงลงมาลึกๆและชันก็ไม่ควรขายทิ้งแล้วนะครับ หรือในทางตรงกันข้าม การสวนควันปืนเข้าซื้อเลยก็ยังไม่ควรทำเช่นกัน
ช่วงที่ 2 หลังจากมวลชนคนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นได้พากันเทขายออกมาจนหนำใจแล้ว นรกก็จะค่อย ๆ เย็นลง เข้าสู่ช่วงซึมกระทือ ทั้งปริมาณและมูลค่าซื้อขาย ราคาหุ้นไม่ลงต่อแบบไหลรูดลงแล้ว เพราะคนที่ขายก็พากันขายจนเป็นที่พอใจแล้ว ไม่มีแรงขายล็อตใหญ่ ๆ อีกแล้ว แต่ในฝั่งตรงข้ามคนที่จะซื้อก็ยังไม่กล้าซื้อหุ้น เนื่องจากว่าวิกฤตการณ์ที่ถาโถมใส่ยังไม่จบสิ้น หรือยังไม่เคลียร์
ช่วงนี้ราคาหุ้นจึงมักทรง ๆ มูลค่าซื้อขายซบเซา ส่วนมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ก็มักต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงแบบมีส่วนลด ( DISCOUNT) มาก ๆ
ช่วงจังหวะที่ 2 นี่เองที่ผมแนะนำว่าเริ่มเก็บหุ้นได้แล้วครับ ฝุ่นหายตลบแล้ว ความเงียบมาเยือน ความซึมเซาทรง ๆ ปกคลุมเริ่มช้อนได้ ไม่มีใครแย่ง ไม่มีใครกล้าแหย็มไล่ราคาขึ้น
แต่ถ้ายังไม่กล้าช้อนซื้อในช่วงนี้ก็ WAIT & SEE คอยจังหวะในช่วงต่อไป...
ช่วงที่ 3 เมื่อวิกฤตการณ์สิ้นสุดลง หรือทำท่าว่าจะสิ้นสุดลง หรือกะเก็งกันว่าผลจะจบแบบไหน ? ( สมัยสงครามอ่าวเปอร์เซียทั้งหนแรก และหน 2 พออเมริกาเปิดฉากยิงใส่ฝ่ายซัดดาม ฮุสเซน เปรี้ยงแรก ตลาดหุ้นก็ขึ้นเลยครับและขึ้นยาวซะด้วย ) ราคาหุ้นก็จะทะยานขึ้น และผมได้บันทึกสถิติไว้ว่า ในช่วงที่ 3 นี้ราคาหุ้นจะขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ ( New High ) กว่ายอดไฮ หรือยอดสูงเดิม แบบที่เรียกว่า นวตกรรมใหม่เกิดขึ้นหลังจากทำลายของเดิมลงไปแล้วนั่นเอง
ช่วงจังหวะที่ 3 นี้เอง ที่ผมให้เคล็ดลับแนะนำแนวทางในการลงทุนไว้ว่า ให้เพิ่มพอร์ตการลงทุน หรือซื้อเพิ่มจนเต็มพอร์ต ( หรือถ้าในช่วงที่ 2 จังหวะซึมๆ ซึมกระทือ วอลุ่มบางเฉียบอย่างมีนัยสำคัญ ก็ควรเริ่มเก็บได้แล้ว แต่หากยังไม่กล้าเก็บไม่กล้าช้อนซื้อในช่วงปลายๆช่วงที่ 2 ก็ต้องมาเร่งเอาช่วงที่ 3 นี้หละครับ ) จากนั้นให้ถือครองกอดหุ้นไว้ แล้วนำไปรอขายในช่วงที่ราคาหุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ ( NEW HIGH )
...
ในช่วงกว่า20ปีที่ผ่านมานี้ ผมนำเสนอเรื่องใหม่ๆต่อตลาดหุ้นไทยอยู่ 3 เรื่องด้วยกันครับ
เรื่องแรก-FundFlow การวิเคราะห์เงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย
เรื่องที่สอง-TimeZone มิติด้านเวลาว่าตลาดหุ้นจะขึ้นหรือจะตกวันไหน เมื่อไหร่
เรื่องที่3-Creative Destruction Model หรือโมเดลทำลายเชิงสร้างสรรค์กับการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการลงทุนในตลาดหุ้น
โมเดลทำลายเชิงสร้างสรรค์กับการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการลงทุนในตลาดหุ้น(เป็นโมเดลที่ผมคิดสังเคราะห์ และนำเสนอต่อนักลงทุนมาในช่วงเวลา20ปีมานี้)
ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการณ์สงคราม, ก่อการร้าย, วิกฤตการเมือง, จลาจล, ปฏิวัติ, รัฐประหาร, พิบัติภัย อย่าง น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, สึนามิ, โรคระบาด แบบ ซาร์, วัวบ้า, ไข้หวัดนก,ผู้นำคนสำคัญถึงแก่อสัญกรรม ฯลฯ โดยมี MODEL ดังชาร์ตด้านบนนี้
โมเดลพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในตลาดหุ้น คุณสามารถเปลี่ยนวิกฤตได้ เพียงแต่รู้เรื่องนี้ ถ้าคุณหรือเพื่อนของคุณหวาดผวาข่าวร้ายใดๆก็ตาม แชร์ไปให้เพื่อนคุณรู้ ้เพื่อรับมือกับทุกวิกฤตการณ์ในตลาดหุ้น(แม้แต่วิกฤตที่คุณกลัวจับขั้วหัวใจก็ตาม)
โดย " Creative Destruction Model " นี้ พอจะอธิบายได้ดังนี้
ช่วงที่ 1 เมื่อวิกฤตการณ์ก่อตัวหรือเกิดพิบัติภัยขึ้นจะส่งผลลบทางจิตวิทยาของมวลชนในตลาด พากันขายหนีตายออกมาด้วยความแตกตื่น ( Panic Sell ) ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรง กระทั่งส่งผลให้ราคาหุ้นลงไปมากกว่ามูลค่าที่แท้จริงมาก ๆ ( Under Value )…
ในช่วงนี้ หากจะขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนแต่เนิ่นๆก็พึงจะทำ แต่ถ้าหากร่วงลงมาลึกๆและชันก็ไม่ควรขายทิ้งแล้วนะครับ หรือในทางตรงกันข้าม การสวนควันปืนเข้าซื้อเลยก็ยังไม่ควรทำเช่นกัน
ช่วงที่ 2 หลังจากมวลชนคนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นได้พากันเทขายออกมาจนหนำใจแล้ว นรกก็จะค่อย ๆ เย็นลง เข้าสู่ช่วงซึมกระทือ ทั้งปริมาณและมูลค่าซื้อขาย ราคาหุ้นไม่ลงต่อแบบไหลรูดลงแล้ว เพราะคนที่ขายก็พากันขายจนเป็นที่พอใจแล้ว ไม่มีแรงขายล็อตใหญ่ ๆ อีกแล้ว แต่ในฝั่งตรงข้ามคนที่จะซื้อก็ยังไม่กล้าซื้อหุ้น เนื่องจากว่าวิกฤตการณ์ที่ถาโถมใส่ยังไม่จบสิ้น หรือยังไม่เคลียร์
ช่วงนี้ราคาหุ้นจึงมักทรง ๆ มูลค่าซื้อขายซบเซา ส่วนมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ก็มักต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงแบบมีส่วนลด ( DISCOUNT) มาก ๆ
ช่วงจังหวะที่ 2 นี่เองที่ผมแนะนำว่าเริ่มเก็บหุ้นได้แล้วครับ ฝุ่นหายตลบแล้ว ความเงียบมาเยือน ความซึมเซาทรง ๆ ปกคลุมเริ่มช้อนได้ ไม่มีใครแย่ง ไม่มีใครกล้าแหย็มไล่ราคาขึ้น
แต่ถ้ายังไม่กล้าช้อนซื้อในช่วงนี้ก็ WAIT & SEE คอยจังหวะในช่วงต่อไป...
ช่วงที่ 3 เมื่อวิกฤตการณ์สิ้นสุดลง หรือทำท่าว่าจะสิ้นสุดลง หรือกะเก็งกันว่าผลจะจบแบบไหน ? ( สมัยสงครามอ่าวเปอร์เซียทั้งหนแรก และหน 2 พออเมริกาเปิดฉากยิงใส่ฝ่ายซัดดาม ฮุสเซน เปรี้ยงแรก ตลาดหุ้นก็ขึ้นเลยครับและขึ้นยาวซะด้วย ) ราคาหุ้นก็จะทะยานขึ้น และผมได้บันทึกสถิติไว้ว่า ในช่วงที่ 3 นี้ราคาหุ้นจะขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ ( New High ) กว่ายอดไฮ หรือยอดสูงเดิม แบบที่เรียกว่า นวตกรรมใหม่เกิดขึ้นหลังจากทำลายของเดิมลงไปแล้วนั่นเอง
ช่วงจังหวะที่ 3 นี้เอง ที่ผมให้เคล็ดลับแนะนำแนวทางในการลงทุนไว้ว่า ให้เพิ่มพอร์ตการลงทุน หรือซื้อเพิ่มจนเต็มพอร์ต ( หรือถ้าในช่วงที่ 2 จังหวะซึมๆ ซึมกระทือ วอลุ่มบางเฉียบอย่างมีนัยสำคัญ ก็ควรเริ่มเก็บได้แล้ว แต่หากยังไม่กล้าเก็บไม่กล้าช้อนซื้อในช่วงปลายๆช่วงที่ 2 ก็ต้องมาเร่งเอาช่วงที่ 3 นี้หละครับ ) จากนั้นให้ถือครองกอดหุ้นไว้ แล้วนำไปรอขายในช่วงที่ราคาหุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ ( NEW HIGH )
...
ประชาสัมพันธ์-อภินันทนาการชุดใหญ่ รับไปเลยวันนี้
ปชส. สมัครสมาชิกรับข้อมูลหุ้นเด่น
และให้คำปรึกษาการลงทุนกับผมและบริ๋ษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุนต้นธารคอร์ปอเรชั่นวันนี้
รับอภินัยทนาการชุดใหญ่
1.หนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทยปี2563 พร้อม8หุ้นเด่นสุดในปีแห่งความหวัง
2.หนังสือคู่มือหุ้นแกร่งแหล่งหลบภัย พร้อม5หุ้นแกร่งแหล่งหลบภัย
3.หนังสืออ่านใจหุ้นทำกำไรใน1นาที พร้อมหุ้นเด่น8เซียนยอดนิยม
1.หนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทยปี2563 พร้อม8หุ้นเด่นสุดในปีแห่งความหวัง
2.หนังสือคู่มือหุ้นแกร่งแหล่งหลบภัย พร้อม5หุ้นแกร่งแหล่งหลบภัย
3.หนังสืออ่านใจหุ้นทำกำไรใน1นาที พร้อมหุ้นเด่น8เซียนยอดนิยม
แจ้งความสนใจ และขอรายละเอียดผ่าน Line@ : https://line.me/R/ti/p/%40pmb1956y