วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ :มั่งคั่งมีความสุขกับหุ้นกระทิงในคลื่น5 ได้อย่างไรง่ายนิดเดียว แต่หากไม่รู้ก็เสี่ยงติดดอยเสียหายหมดตัว เพื่อเงินในกระเป๋าของคุณ-อ่านเลยครับ!


แค่"คลิ้ก"คุณก็สั่งซื้อคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส4/55ได้แล้ว โดยไม่ต้องยกหูโทรศัพท์ก็ยังรวยได้ที่www.facebook.com/tontancorp
ข่าวด่วน-สำหรับท่านที่พลาดงานอบรมกราฟพิชิตTFEXในรอบที่ผ่านมา ตอนนี้มีที่นั่งว่าง 5 ที่นั่ง งานวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายนนี้ โทรจองเลยครับโอกาสสุดท้าย087-7174979 หรือ087-717-4939

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 
www.tontancorp.com

หลังจากตลาดหุ้นไทยผ่านด่าน1,247จุด ที่่เคยเป็นพีคเก่าทำไว้ในเดือนพฤษภาคมแล้ว ก็คงจะเริ่มเข้า่สู่คลื่นที่ 5 หละครับ เป้าหมายขึ้นมีตั้งแต่1300 ถัดไป 1350 ดีสุดอาจเป็น1400จุดครับ

เทรดหุ้นให้รวยและมีความสุขในคลื่นที่ 5

ข้อสังเกตยอดคลื่น5(จิตวิทยาชี้นำตลาด)

1.ขึ้นแรงเร็วไว วอลุมบาน—อาจได้เห็นตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน
2.ตอนแรกๆคนจะกลัว แต่ยิ่งกลัวก็ยิ่งวิ่งไม่กล้าตามยิ่งขึ้น—อาจเป็นช่วงนี้ที่คนไม่กล้าตาม ขึ้นมารายย่อยก็
ขาย
3.มีข่าวลือเรื่องเป้าหมายราคา และมีการไล่ราคาแบบบ้าเลือด ยิ่งกลัวยิ่งวิ่งขึ้น เลิกกลัวไปเคาะตามเมื่อไหร่ ใช่เลย"ดอย"--น่าเป็นช่วงต่อไำป
4.หากขายผิดช่วงผิดวันแทบอยากร้องไห้ ราคาหนีกันไปเป็นโยชน์
5.เมื่อไหร่ที่รายย่อยกลับมาเป็นฝ่ายซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องซัก3วัน และราคาเปิดกระโดดขึ้นมาแรงๆ วันนั้นมักเป็น"ดอย" (รูปแบบคือisolate island)


โดยทั่วไปคนมักมองเห็นแต่แง่negativeของมัน ในแง่positiveมีดังนี้

-ขึ้นแรงเร็วชัน ถูกทางก็รวยไว ไม่ต้องเสียเวลารอ
-ราคาพักฐานนิดหน่อยแล้วขึ้น หากขายหมูแล้วซื้อคืนก็ยังกำไร(หากยังไม่
ดอยสุดๆ)
-ราคาจะวิ่งขึ้นall time highทำให้คุณกลัวในระยะต้นๆระยะกลางๆ แต่เมื่อไหร่ที่คุณเลิกกลัวและปักใจว่ามีแต่ข่าวดีเต็มตลาด หุ้นคงลงไม่เป็นแล้ว จะไปกลัวทำไมมีแต่ข่าวดีๆและวอลุมพีคตลาดแตก เปิดโดดมามากๆและวอลุมมากกว่าปกติ ในสถานการณ์นั้นคุณควร"กลัวให้เป็น"

รูปภาพ
****************

  เรียนกราฟเทคนิคง่ายนิดเดียว บทที่8:อีเลียตเวพ ไม่ใช่อีเดียตเวพ เรื่องง่ายๆอย่าไปทำให้มันยุ่ง รู้่แล้วรวย ไม่รู้ซวยหนักมาก

      
      
         โดยณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์เมื่อ 3 มีนาคม 2012 เวลา 16:13 น.
      
         
         
      
         วลาผมเปิดสอนกราฟ เรื่องอีเลียตเวพทีไร คนมาเรียนชอบบ่นว่า โห เรื่องนี้โคตรยากเลยครับจารย์ ผมมักตอบว่า ก็คุณไปทำให้มันยากเอง(นี่หว่า) ก็เอาให้มันง่ายเข้าว่าสิ คือเรื่องนี้จำไว้ง่ายๆว่าเป็นแค่การ"ต่อยอดเรื่องทฤษฎีแนวโน้ม"ของพระ อาจารย์ดาวแค่นั้นแหละครับ...ง่ายหรือยังทีนี้
      
         
         
      
         
      
         ท่านพระ อาจารย์อีเลียต (Ralph Nelson Elliot) ความจริงแกก็แค่อธิบายต่อยอดวิชาของอาจารย์ดาวเท่านั้นแหละครับ คืออาจารย์ดาวท่านบอกว่า หุ้นมีการเคลื่อนไหวเป็นแนวโน้ม มีขาขึ้น มีขาลง มีทรงๆ ท่านอาจารย์อีเลียตก็มาอธิบายต่อหน่อยนึงว่า แต่ผมขอเสริมหน่อยว่าในขาขึ้น ขาลง ขาซึมๆนี่มันแตกย่อยออกไปได้8ขาครับ หรือ 8 คลื่น แค่นี้เองจริงๆนะครับ คนที่อยากให้มันยากก็มาพูดมาสอนให้ยากจนกลายเป็นอีเดียตเวพไปซะงั้น ครูบาอาจารย์ท่านเสียหมด!
      
         
      
         ผม พาท่านไปดูตลาดหุ้นไทยในภาพใหญ่นะ ครับ สมัยมันแจ้งเกิดในปี1975 ที่100จุด ไปพีคสุด1789ในปี1994จนมาถึงยุคฟองสบู่แตก1997 ร่วงลงมาเหลือ200จุด เมื่อนำทฤษฎีคลื่นของอาจารย์อีเลียตมาอธิบายก็จะได้ความว่ามันเคลื่อนไหว ทั้งหมด 8 ขา หรือ 8 คลื่นใหญ่ๆ แบ่งเป็นช่วงของขาขึ้น 5 คลื่น ผมใช้เลขโรมันกำกับไว้ ดังนี้ -คลื่นลูกที่I ที่ขึ้นจาก100มาที่250จุด โดยทั่วไปคลื่นลูกนี้จะขึ้นสั้นที่สุด เพราะอารมณ์จิตวิทยาของฝูงชนขาดความเชื่อมั่นต่อตลาด จิตวิทยาเปราะบางเล่นไปกลัวไป สภาพการเมือง เศรษฐกิจ จิตวิทยาสังคมเปราะบาง ช่วงเวลานั้นคือประเทศรอบบ้านเรากลายเป็นคอมมิวนิสต์หมด คนกลัวว่าเมืองไทยจะโดมิโน่เสร็จคอมฯก็เล่นไปกลัวไป -คลื่นลูกที่II เป็นการตกลงมาปรับฐาน แต่ต้องมีจุดต่ำยกสูงขึ้นกว่าจุดฐานของลูกที่I โดยทั่วไปสภาพจิตวิทยาฝูงชนในตลาดหุ้นคือไม่แน่ใจในทิศทางของข้อมูลข่าวสาร บ้านเมืองเศรษฐกิจครับ ก็ซึมกระทือเป็นแนวโน้มซึมไซด์เวย์ -คลื่นลูกที่IIIเป็นแนวโน้มขาขึ้่นที่วิ่งขึ้นยาวที่สุดในบรรดาคลื่นต่างๆ หากขึ้นไปพ้นจุดสูงของยอดคลื่นที่Iท่านนับว่าเป็นคลื่น3จะขึ้นไปไกลที่สุด โดยทั่วไปอาจยาวกว่าคลื่นที่1ราวเท่าครึ่ง หรือ สอง สาม สี่ ห้าเท่าไม่ขัดศรัทธาว่ากันตามสะดวก โดยทั่วไปสภาพจิตวิทยาฝูงชนจะมีความเชื่อมั่น ตอนนั้นหมดยุครัฐบาลป๋าเปรม ประเทศไทยพ้นภัยคอมฯ รัฐบาลน้าชาติมาดนักซิ่งเข้ามา เน้นพัฒนาเศรษฐกิจ เปิดรับเงินทุนไหลเข้า หุ้นก็ขึ้นพรวดพราดไปที่1200จุดครับ แต่คนในตลาดมักใช้เหตุผลในการตัดสินใจซื้อขาย ดูพื้นฐานดี มีปันผล ค่าROEดี PEต่ำ อนาคตมีแล้วก็เล่นกัน พอราคาหุ้นขึ้่นไปจนเต็มมูลค่า หรือเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริงก็ขายกัน -ลูกคลื่นที่4 เป็นการตกปรับฐานอีกยกหนึ่ง แต่มักเป็นแบบสลับฟันปลา sideway upนะครับลูกนี้ เพราะจิตวิทยาฝูงชนรู้่ดีว่า การตกลงมานี้เป็นการเปลี่ยนต้นทุนกัน คนกำไรขายออกมา คนตกรถหรือขายหมู ก็หาจังหวะซื้อ ราคาหุ้นถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทำให้sideway upแบบzig-zagสลับฟันปลาขึ้น ฐานหรือจุดต่ำของ4ไม่ควรย้อนลงไปลึกกว่ายอดคลื่น1นะครับ ข้อควรจำ -ลูกที่5เป็นขาขึ้นระลอกสุดท้าย เรียกว่าลูกบ้าเที่ยวสุดท้าย เมื่อราคาขึ้นไปทะลุผ่านด่านยอดของคลื่น3คือลูกบ้ามาเยือน จิตวิทยาฝูงชนจะเต็มไปด้วยความโลภเข้าครอบงำ ไม่สนใจทั้งสิ้นพื้นฐงพื้นฐาน พีองพีอีไม่เกี่ยว ไล่ราคากันบ้าเลือด โดยทั่วไปพวกหุ้นเก็งกำไรอย่างวอร์แรนต์ หรือดิลิเวทีฟวอร์แรนต์แนวๆนี้่จะยึดครองตลาด วิ่งทีวันละ100% บ้าเลือดขนาด5-600%นี่มีกันเกลื่อน โดยทั่วไปมักขึ้นแบบชันครับ
      
         
      
         เมื่อ ขึ้นไปชันปรี๊ด ใช้เวลาอย่างไว บ้าเลือด แมงเม่าบินว่อนตลาด มูลค่าการซื้อขายทะลักล้นกว่าปกติ แล้วสวรรค์ก็ล่มลงพรวดครับ การลงมาเที่ยวแรกเราเรียกว่าคลื่น a ที่ผมใส่ตัวAกำกับไว้ครับ -ในคลื่นaนี้คนในตลาดยังปักใจว่าตลาดหุ้นยังไม่หมดขาขึ้น แค่ตกมาให้เก็บของ มักทำให้ราคาเด้้งขึ้นไปพอสมควร -การเด้งขึ้นไปนั้นเรียกว่าคลื่นb ครับ จุดพิจารณาสำคัญก็คือว่าไม่ทำจุดสูงใหม่ หรือnew highไปกว่ายอดของคลื่นที่5 จากนั้นมักเคลื่อนไหวแบบsidewayออกด้านข้างนานพอควร ช่วงนี้ขาใหญ่อย่างฝรั่งมักได้โอกาสรินขายไปเรื่อยๆ แมงเม่าก็ช้อนไปเพลิน พอขาใหญ่ หรือเจ้ามือมันปล่อยของหมดเมื่อไหร่ คราวนี้มันเอาตาย กระทืบตู้ม -เมื่อราคาลงมาหลุดลึกกว่าฐานคลื่นaนั่นแหละครับท่านเรียกว่าคลื่นCผมเรียก ว่า นรก is coming มันจะเทพรวดไหลลงราวกับลงลิฟต์ ดูไม่ออก หนีไม่ทัน มีตาย หรือสาหัสครับ โดยทั่วไปจุดสิ้นสุดของคลื่นCมักไม่ย้อนไปลึกกว่าฐานของคลื่นที่2สรุป ง่ายๆอีกทีEliott Waveคืออะไร? คำตอบง่ายๆคือเป็นการอธิบายเรื่องแนวโน้มให้ละเอียดขึ้นก็เท่านั้นเองแหล เะครับประโยชน์ของมันก็คือว่า่ หากท่านมองแนวโน้มได้ ทายtrendเป็น ท่านจะได้คำตอบว่าตอนนี้มันอยู่ตรงไหนของแนวโน้ม-หากเป็นขาที่1ท่านก็จะได้ รู้ว่า อ้อ มันก็คงไปไม่เท่าไหร่หรอกนะ เราเป็นtraderเล่นสั้นก็ขาย หากเราเป็นlongterm investorก็ถือลืมแล้วกัน-หากเราทราบว่าอ้อนี่ลูกที่2เพราะเห็นมันลงมาแล้ว ซึมยาว แต่ฐานไม่ลึกกว่าฐานของ1เราก็จะได้กล้าๆเก็บหุ้น หรือติดไว้ก็ใจคอยังไหว-หากเรารู้ว่าคลื่นที่3มาแล้ว ท่านก็จะได้กล้าๆถือทนให้กำไรงอกงามไปเรื่อยๆไม่ชิงขายหมูไปซื้อหมาจนอารมณ์ เสียอยู่เรื่อยๆ-หากเรารู้ว่ามันลงมาคลื่น4จะได้กล้าๆเข้าช้อนซื้อหุ้นไว้รอ ขายคคลื่น5-หากเห็นพุ่งปรี๊ดชันๆมาอย่างไว ท่านก็อาจกล้าจะแบ่งพอร์ตมาเล่นหุ้นเก็งกำไรพวกวอร์แรนต์ หรือDWกับเขาซัก10-20%แล้วเตือนตนไว้ตลอดว่ามันขึ้นไปไม่ทำนิวไฮเมื่อไหร่ ราคาเริ่มถอยมีนิวโลว์ กูโยนทิ้งหมด ล้างปอดล้างไส้ -หากท่านเห็นกตกโครมลงมาแล้วยึกๆยักๆนั่นแสดงว่ามันฟอร์ม คลื่นA-Bก็หาจังหวะเข้าออกให้เป็นเล่นได้ กำไรดีหากไม่หลงทาง-หากยึกยักมานานพอควรแล้วราคาหลุดฐานของaพรวดลงมา นรก is coming มีตายแน่ๆหากไม่ยอมทิ้ง หรือไม่ยอม"ขายทำขาดทุน"(stop loss) เห็นไหมครับว่า Elliott Waveง่ายนิดเดียว ไม่จริงหรอกที่ใครว่ามันยากมันหิน เ้พราะไปทำให้มันยากเองตอนหน้าผมจะยกตัวอย่างให้ดูอีกทีแบบคล้ายๆเดิมแต่ เป็นCycleใหม่ มาถึงCycleปัจจุบัน
      
รูปภาพ 

  เรียนกราฟเทคนิคง่ายนิดเดียว บทที่8.1:อีเลียตเวพ ไม่ใช่อีเดียตเวพ วัฏสงสารของตลาด วงจรอุบาทว์หากคุณดูไม่รู้ อ่านคลื่นไม่เป็น

      
      
         โดยณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์เมื่อ 3 มีนาคม 2012 เวลา 17:14 น.
      
         
         
      
         บทนี้คือเป็นบทย่อย ของบทที่ 8 เป็นการยกตัวอย่างต่อยอดของเก่า แบบ ฉายซ้ำ หน้าตาคล้ายๆของเดิม แต่คนละยุคเท่านั้นเองครับ อันนี้เป็นหน้าตาของCycleที่สองของตลาดหุ้นไทย กล่าวคือหลังร่วงลงมาคลื่นCในปี2541แถว200จุด ก็ขึ้นคลื่นที่1ในยุครัฐบาลชวน2แล้วลงพักตัวในคลื่น2 พอรัฐบาลทักษิณเข้ามา โชคดีเจอคลื่น3วิ่งยาว แล้วพัก 4 มาจบคลื่น5หลังปฏิวัติ9กันยา ยุครัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์แถว925 แล้วลงaเด้งไปbสมัยรัฐบาลสมัคร จากนั้นพอมีม็อบพันธมิตร ผสมกับแฮมเบอร์เกอร์ ไครซีสก็รูดนรกลงคลื่นc ไปดูกัน
      
         
      
         อัน แรกอาจารย์ดาวเรียกว่าขาขึ้นนะ ครับ จุดต่ำทำฐานสูงขึ้น เวลาขึ้นมีนิวไฮ หรือจุดสูงใหม่ อาจารย์อีเลียตแกก็มาเติมว่า ขาขึ้นนี่มี 5 คลื่น เมื่อนำทฤษฎีคลื่นของอาจารย์อีเลียตมาอธิบายCycleนี้่ก็จะได้ความว่า หลังลงจบคลื่นCหลังฟองสบู่แตกปี2540-2541 ก็นับ1กันใหม่ ผมใช้เลขโรมันกำกับไว้ ดังนี้ -คลื่นลูกที่I ที่ขึ้นจาก200มาที่500จุด โดยทั่วไปคลื่นลูกนี้จะขึ้นสั้นที่สุด เพราะอารมณ์จิตวิทยาของฝูงชนขาดความเชื่อมั่นต่อตลาด จิตวิทยาเปราะบางเล่นไปกลัวไป สภาพการเมือง เศรษฐกิจ จิตวิทยาสังคมเปราะบาง ช่วงเวลานั้นคือหลังฟองสบู่แตก ปิดแบงก์ ปิดไฟแนนซ์ระนาว ประเทศเราต้องเข้าIMF คนกลัวว่าเมืองไทยเจ๊งแล้ว กลัวจะล้มละลายก็เล่นไปกลัวไป -คลื่นลูกที่II เป็นการตกลงมาปรับฐาน แต่ต้องมีจุดต่ำยกสูงขึ้นกว่าจุดฐานของลูกที่I โดยทั่วไปสภาพจิตวิทยาฝูงชนในตลาดหุ้นคือไม่แน่ใจในทิศทางของข้อมูลข่าวสาร บ้านเมืองเศรษฐกิจครับ กลัวว่าจะมีปิดแบงก์ ปิดไฟแนนซ์อีก กลัวารพัด แต่ก็ไม่มีข่าวซวยซ้ำมา ก็ซึมกระทือเป็นแนวโน้มซึมไซด์เวย์ -คลื่นลูกที่IIIเป็นแนวโน้มขาขึ้่นที่วิ่งขึ้นยาวที่สุดในบรรดาคลื่นต่างๆ หากขึ้นไปพ้นจุดสูงของยอดคลื่นที่Iท่านนับว่าเป็นคลื่น3จะขึ้นไปไกลที่สุด โดยทั่วไปอาจยาวกว่าคลื่นที่1ราวเท่าครึ่ง หรือ สอง สาม สี่ ห้าเท่าไม่ขัดศรัทธาว่ากันตามสะดวก โดยทั่วไปสภาพจิตวิทยาฝูงชนจะมีความเชื่อมั่น ตอนนั้นหมดยุครัฐบาลชวน2 รัฐบาลทักษิณเข้ามา ก็เอาPTTมาจดทะเบียนหาตังค์ไปใช้หนี้ แล้วก็ใช้หนีIMFได้ไวเกินคาด เน้นพัฒนาเศรษฐกิจ เปิดรับเงินทุนไหลเข้า หุ้นก็ขึ้นพรวดพราดไปที่800จุดครับ แต่คนในตลาดมักใช้เหตุผลในการตัดสินใจซื้อขาย ดูพื้นฐานดี มีปันผล ค่าROEดี PEต่ำ อนาคตมีแล้วก็เล่นกัน พอราคาหุ้นขึ้่นไปจนเต็มมูลค่า หรือเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริงก็ขายกัน หุ้นอย่างPTTขึ้นจากแถว30มาจะ200ได้ แล้วก็ขายทำกำไรกัน -ลูกคลื่นที่4 เป็นการตกปรับฐานอีกยกหนึ่ง แต่มักเป็นแบบสลับฟันปลา sideway upนะครับลูกนี้ เพราะจิตวิทยาฝูงชนรู้่ดีว่า การตกลงมานี้เป็นการเปลี่ยนต้นทุนกัน คนกำไรขายออกมา คนตกรถหรือขายหมู ก็หาจังหวะซื้อ ราคาหุ้นถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทำให้sideway upแบบzig-zagสลับฟันปลาขึ้น ฐานหรือจุดต่ำของ4ไม่ควรย้อนลงไปลึกกว่ายอดคลื่น1นะครับ ข้อควรจำ -ลูกที่5เป็นขาขึ้นระลอกสุดท้าย เรียกว่าลูกบ้าเที่ยวสุดท้าย เมื่อราคาขึ้นไปทะลุผ่านด่านยอดของคลื่น3คือลูกบ้ามาเยือน จิตวิทยาฝูงชนจะเต็มไปด้วยความโลภเข้าครอบงำ ไม่สนใจทั้งสิ้นพื้นฐงพื้นฐาน พีองพีอีไม่เกี่ยว ไล่ราคากันบ้าเลือด โดยทั่วไปพวกหุ้นเก็งกำไรอย่างวอร์แรนต์ หรือดิลิเวทีฟวอร์แรนต์แนวๆนี้่จะยึดครองตลาด วิ่งทีวันละ100% บ้าเลือดขนาด5-600%นี่มีกันเกลื่อน โดยทั่วไปมักขึ้นแบบชันครับ
      
         
      
         คราว นี้ก็เข้าขาลงแบบที่อาจารย์ดาว ว่าไว้ แต่อาจา่ีรย์อีเลียตมาต่อยอดหน่อยว่า ขาลงมี3ลูกใหญ่ A B C เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังวิ่งไปคลื่น5เมื่อขึ้นไปชันปรี๊ด ใช้เวลาอย่างไว บ้าเลือด แมงเม่าบินว่อนตลาด มูลค่าการซื้อขายทะลักล้นกว่าปกติ แล้วสวรรค์ก็ล่มลงพรวดครับ การลงมาเที่ยวแรกเราเรียกว่าคลื่น a ที่ผมใส่ตัวAกำกับไว้ครับ -ในคลื่นaนี้คนในตลาดยังปักใจว่าตลาดหุ้นยังไม่หมดขาขึ้น แค่ตกมาให้เก็บของ มักทำให้ราคาเด้้งขึ้นไปพอสมควร -การเด้งขึ้นไปนั้นเรียกว่าคลื่นb ครับ จุดพิจารณาสำคัญก็คือว่าไม่ทำจุดสูงใหม่ หรือnew highไปกว่ายอดของคลื่นที่5 จากนั้นมักเคลื่อนไหวแบบsidewayออกด้านข้างนานพอควร ช่วงนี้ขาใหญ่อย่างฝรั่งมักได้โอกาสรินขายไปเรื่อยๆ แมงเม่าก็ช้อนไปเพลิน พอขาใหญ่ หรือเจ้ามือมันปล่อยของหมดเมื่อไหร่ คราวนี้มันเอาตาย กระทืบตู้ม -เมื่อราคาลงมาหลุดลึกกว่าฐานคลื่นaนั่นแหละครับท่านเรียกว่าคลื่นCผมเรียก ว่า นรก is coming มันจะเทพรวดไหลลงราวกับลงลิฟต์ ดูไม่ออก หนีไม่ทัน มีตาย หรือสาหัสครับ โดยทั่วไปจุดสิ้นสุดของคลื่นCมักไม่ย้อนไปลึกกว่าฐานของคลื่นที่2ครับ
      
         
      
         พอ จบคลื่นCก็นับ1ใหม่ อย่างหุ้นไทยตอนนี้ผมนับเป็นCycleที่3 กล่าวคือ -ลงไปCเที่ยวล่าสุดปี2008ตอนฟองสบู่เมกาแตกครับ -จากนั้นขึ้นมาคลื่น1แถว750จุดปี2009 -แล้วลงซึมคลื่น2ในปี2009นั่นแหละ -แล้ววิ่งขึ้่นคลื่น3มียอดที่1148ในวันที่1สิงหาคม2011 แต่คลื่น3ของเที่ยวนี้กระจอกไปหน่อยคือขึ้นมาแค่เท่าเดียวของคลื่น1ครับ -แล้วลงมาคลื่น4ปลายปีที่แล้วตอนยุโรปฝีแตก -เวลานี้จึงควรวินิจฉัยว่าเริ่มเข้าคลื่นที่5เพราะผ่านยอดของคลื่น3บริเวณ 1148มาแล้วครับโจทย์ มีอยู่ว่า หากขาที่กำลังมานี้เป็นคลื่นที่ 5 จะมีคุณลักษณะสำคัญแบบไหน อารมณ์จิตวิทยาของฝูงชนในตลาดจะเป็นเช่นไร หุ้นประเภทไหนจะเป็นจ่าฝูงของตลาด และทำอย่างไรท่านจึงจะรวย และควรทำอย่างไรท่านจึงจะซวย โดนกินหมดตัวจงตอบคำถามให้ถูกต้อง คำตอบอยู่ที่ตัวคุณเองง

 เรียนกราฟเทคนิคง่ายนิดเดียว บทที่8.2:ไขข้อข้องใจอีเลียตเวพ ทำยังไงไม่ให้มั่วกลายเป็นอีเดียตเวพ

      
      
         โดยณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์เมื่อ 3 มีนาคม 2012 เวลา 18:04 น.
      
         
         
      
         คนที่เคยนับคลื่นElliot Wave โดยเฉพาะหน้าใหม่ มักมีคำถามต่อทฤษฎีนี้หลายๆข้อต่อไปนี้ ผมเลยขอถามเอง เออเองแทนใจท่านก็แล้วกัน
      
         
      
         ข้อ1อาจารย์ ครับ คลื่นมันเยอะไปหมด ผมคลื่นไส้ครับ? คำตอบไม่ได้เยอะหรอกมีแค่8คลื่น ขาขึ้นมี5คือ 1 2 3 4 5 โดยเป็นวิ่้งขึ้น1 3 5 และปรับตัวปรับฐาน 2 กับ 4 ส่วนขาลงมี3คลื่น A B C เหตุที่คุณว่าเยอะไปหมดเ้พราะมีพวกไปทำให้มันยุ่งใส่คลื่นD E F G HไปยันZให้มันมั่วเข้าไว้ ให้ดูแค่นี้พอ "เอาอยู่"ว่างั้น
      
         
      
         ข้อ2อาจารย์ คะ หนูนับคลื่นผิด ต้องทำไง? คำตอบ ก็นับใหม่ให้มันถูกครับ อย่างในภาพนี้คลื่นที่Iใหญ่มันก็จะมี5คลื่นย่อยแทรกอยู่เห็นไหมครับ 1 2 3 4 5 และเป็นไปตามคุณสมบัติที่เรียนมาคือ 1 สั้น 2 ซึม 3 ยาว 4ลงซิกแซ้ก 5 วิ่งชันแล้วตก แต่เมื่อตกมาไม่มีทำa b cลงนรก แสดงว่าเป็น 2 ใหญ่ เดี๋ยวมีขึ้น3ใหญ่
      
         
      
         ำไงอ ย่างภาพของคลื่น3ใหญ่ก็มี5คลื่น ย่อยแทรกอยู่ประกอบกันเป็นคลื่น3ใหญ่ ดังนั้นหากมองว่าเวลานี้กำลังขึ้นคลื่น5ใหญ่ก็นับไปให้มี5คลื่นย่้อยแทรกใน นี้ ก็จะรู้ว่าเราอยู่ตรงไหน
      
         
      
         อาจารย์ ครับ ทำไมเวลาถามพวกนับเวพ ไม่เคยเห็นมันตอบตรงกันเลยครับ ตกลงใครมันมั่วครับ? คำตอบคือไม่มีใครมั่วครับ ถูกทุกคน มันขึ้นกับว่าเขามี"มิติด้านเวลา"ในการนับคลื่นอย่างไร อย่างในภาพนี้เป็นSUPER MAJOR TREND(นี่กะจะหนีภาษาฝรั่งเต็มที่ ยังหนีไม่พ้น)คือมองเทร็นด์ตัวพ่อ ตอนนี้ก็แค่ก่อตัวจะขึ้นคลื่นที่3เองนะครับ
      
         
      
         แต่ หากเป็นMAJOR TRENDก็อยู่ในวัฏจักรที่3อย่างที่สอนไปในบทก่อนๆครับ หากย่อยลงไปในtrendเล็กๆอย่างminor trendหรือsub-minort trend หรือชาร์ตรายนาที หรือreal timeมันก็จะเป็นคลื่นที่ไม่เหมือนกันเลยครับ แต่หลักใหญ่ให้จับCycleให้ถูกครับ ดูTRENDให้เป็นก็เอาอยู่ครับ
      
         
      
         อาจารย์ คะ อีเดียตเวพนี่ดูหุ้นรายตัวได้ไหมคะ? ตอบ ดูได้หมดแหละครับ จะรายตัว หรือSET50 TFEX ทองคำ น้ำมัน ค่าเงิน สารพัด ดูอย่างหุ้นรายตัวที่ยกตัวอย่างมานี่ไงครับ ความฝันของนักทฤษฎีคลื่นอีเลียตคือได้ซื้อคลื่นC แล้วไปขายยอดคลื่นที่5ของคลื่นที่5ถือว่าสำเร็จวิชาสุดยอด นอนตายตาหลับครับ
      
         คำ ถามสุดท้าย เป็นคำถามยอดฮิตเลยครับ  อาจารย์คะ ไหนว่าง่ายนิดเดียว หนูอ่านๆมาคลื่นไส้ค่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลยคำตอบ ยังงี้นะจ๊ะเ้ธอว์ คิดง่ายๆว่าเรื่องนี้เป็นแค่การต่อยอดเรื่องแนวโน้่ม ที่มีขาขึ้น ขาลง ขาทรงๆ ก็มาเติมหน่อยว่าขาขึ้นมี5ขา ขาลงมี3ขา่ เราก็มาดูว่าตอนนี้อยู่ขาขึ้นหรือขาลง แล้วหน้าตาของมันนะ อยู่ตรงไหนของขาขึ้น ขาลงแน่ หากดูคร่าวๆได้ ก็ช่วยให้เราวางหมากวางกลยุทธถูกต้องไงสรุปอีกที  Eliott Waveคืออะไร? คำตอบง่ายๆคือเป็นการอธิบายเรื่องแนวโน้มให้ละเอียดขึ้นก็เท่านั้นเองแหล เะครับประโยชน์ของมันก็คือว่า่ หากท่านมองแนวโน้มได้ ทายtrendเป็น ท่านจะได้คำตอบว่าตอนนี้มันอยู่ตรงไหนของแนวโน้ม-หากเป็นขาที่1ท่านก็จะได้ รู้ว่า อ้อ มันก็คงไปไม่เท่าไหร่หรอกนะ เราเป็นtraderเล่นสั้นก็ขาย หากเราเป็นlongterm investorก็ถือลืมแล้วกัน
      
         -หากเราทราบว่าอ้อนี่ ลูก ที่2เพราะเห็นมันลงมาแล้วซึมยาว แต่ฐานไม่ลึกกว่าฐานของ1เราก็จะได้กล้าๆเก็บหุ้น หรือติดไว้ก็ใจคอยังไหว-หากเรารู้ว่าคลื่นที่3มาแล้ว ท่านก็จะได้กล้าๆถือทนให้กำไรงอกงามไปเรื่อยๆไม่ชิงขายหมูไปซื้อหมาจนอารมณ์ เสียอยู่เรื่อยๆ-หากเรารู้ว่ามันลงมาคลื่น4จะได้กล้าๆเข้าช้อนซื้อหุ้นไว้รอ ขายคคลื่น5-หากเห็นพุ่งปรี๊ดชันๆมาอย่างไว ท่านก็อาจกล้าจะแบ่งพอร์ตมาเล่นหุ้นเก็งกำไรพวกวอร์แรนต์ หรือDWกับเขาซัก10-20%แล้วเตือนตนไว้ตลอดว่ามันขึ้นไปไม่ทำนิวไฮเมื่อไหร่ ราคาเริ่มถอยมีนิวโลว์ กูโยนทิ้งหมด ล้างปอดล้างไส้ -หากท่านเห็นตกโครมลงมาแล้วยึกๆยักๆนั่นแสดงว่ามันฟอร์ม คลื่นA-Bก็หาจังหวะเข้าออกให้เป็นเล่นได้ กำไรดีหากไม่หลงทาง-หากยึกยักมานานพอควรแล้วราคาหลุดฐานของaพรวดลงมา นรก is coming มีตายแน่ๆหากไม่ยอมทิ้ง หรือไม่ยอม"ขายทำขาดทุน"(stop loss) เห็นไหมครับว่า Elliott Waveง่ายนิดเดียว ไม่จริงหรอกที่ใครว่ามันยากมันหิน คำถามแถม ท้าย แต่อาจารย์ครับ/คะ กรูก็ยังมึุนๆอยู่ดี ไหนเมิงว่าง่ายนิดเดียว ที่เหลือยากหมด....กรำ!!เจอแบบนี้ก็ไม่รู้จะยังไง ผมก็ไปไม่เป็นหละครับ หาเวลามาเข้าคอร์สเรียนแล้วกัน จะได้แจ่มแจ้งแดงแจ๋
      



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น