โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 087-7174979 081-8311611 http://www.facebook.com/tontancorp
หากท่านหลงทางอยู่ โปรดดูแผนที่ เราอยู่ตรงนี้( บางตอนจากหนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส2/2556)
แนวโน้มการปรับฐานก่อนทะยานขึ้นในไตรมาส2/56 พร้อมจุดซื้อ VSจุดขาย และการบริหารจัดการความเสี่ยง
ชาร์ตที่2:มุมมองทางเทคนิคในภาพระยะกลาง –เมื่อใช้ทฤษฎีคลื่นElliott waveมาประยุกต์วิเคราะห์จะอธิบายได้ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส2/2556อยู่ในรอยต่อระหว่างคลื่น4ย่อย(4ในภาพ)ต่อช่วงกับคลื่น5ย่อย(5ในภาพ)ของคลื่น5ใหญ่(Vในภาพ) อธิบายได้ดังนี้
*คลื่นที่1ใหญ่ของแนวโน้มนี้(Iในภาพ)ขึ้นมาจากเขต380จุดในปี 2551 มามีจุดพีคเขต 750 จุดในปี 2552
*คลื่นที่2ใหญ่(II) ลงมาปรับฐานเขต650จุดในปี2552
*คลื่นที่3ใหญ่(IIIในภาพ)ขึ้นมาพีคเขต1150จุดในปี2554
*คลื่นที่ 4ใหญ่(IVในภาพ)ตกปรับฐานลงมาเขต845จุดในปี2554
*คลื่นที่ 5 ใหญ่(Vในภาพ)เนื่องจากคลื่นIIIใหญ่สั้น เลยมาเกิดคลื่นVใหญ่ยืดตัว จะแบ่งเป็น 5 คลื่นย่อย ดังนี้
-คลื่นที่ 1 ย่อยของคลื่นVใหญ่ขึ้นมาพีคที่เขต1250จุดในเดือนพฤษภาคม 2555(1ในภาพ)
-คลื่นที่ 2 ย่อยของคลื่นVใหญ่ตกพักฐานลงมาเขต1100จุดในเดือนมิถุนายน2555(2ในภาพ)
-คลื่นที่ 3ย่อยของคลื่นVใหญ่ ขึ้นมาพีคเขต 1601 จุดในเดือนมีนาคม 2556
-คลื่นที่ 4 ย่อยของคลื่น5ใหญ่ มีเป้าหมายตกพักฐานเขต1420หรือ1450-1465 หรือ1480จุด(คือหากลงลึกสุดก็แถว1400จุดต้นๆ หรือกลางๆก็อาจเกิดไปแล้วเขต1465-1480)
โดยสถิติแล้วการตกปรับฐานคลื่นที่ 4 จะเป็นแบบZig-Zag sideway up หรือทำฐานยกสูงขึ้น และทำจุดไฮยกสูงขึ้นครับ
-คลื่นที่ 5ย่อยของคลื่นที่ 5 ใหญ่ จากนั้นคาดว่าจะปรับตัวขึ้นไปในคลื่น 5ย่อยของคลื่น5ใหญ่ ซึ่งมีเป้าหมายการขึ้นไปตั้งแต่เขต1630 หรือ1660 หรือหรือ1695-1735 กรณีดีที่สุดอาจขึ้นไปเขต1790จุด ซึ่งเป็นจุดที่เคยสูงที่สุดที่เคยทำไว้เมื่อเกือบ20ปีก่อน(เว้นแต่คลื่น5ย่อยจะยืดตัว จึงจะทำสถิติall time highขึ้นไปเขต1911 หรือ2100จุดในปีนี้)
ข้อสรุปของแนวโน้มหุ้นไทยในไตรมาส2/2556-จะเกิดการตกปรับฐานในช่วงต้นไตรมาสนี้ อาจมีเป้าหมายตกปรับฐานแย่สุดก็เขต1420 หรือ1450-1465หรือ1480 จากนั้นจะขึ้นไปในคลื่นที่5ย่อยของคลื่นVใหญ่ อาจกินบริเวณขาขึ้นน้อยที่สุดคือ1630 -1660 กลางๆเขต1700-1735 ดีที่สุดอาจเป็น1790 กรณีดีเกินคาด1911จุด เรื่องนี้จึงควรจะเกิดขึ้นในไตรมาส2นี้นะครับ(คือช่วงเดือนเมษายน ไปถึงมิถุนายน เป็นอย่างช้า)
กลยุทธ์สำคัญ
1.สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ทนต่อภาวะผันผวนของตลาดได้ดี ก็แนะนำถือหุ้นที่มีในพอร์ตไปเลยครับ หากทำใจได้ว่าลงมาอย่างมากก็แถว1400ต้นๆ หรือกลางๆก็1450-1465
2.หากหาจังหวะซื้อให้ทำได้2แบบ
*แบบแรก อ่อนตัวลงมาเขต1420หรือ1450-1465 หรือ1480ก็เป็นเขตที่เข้าซื้อหุ้น
*แบบที่สอง อันนี้ชัวร์กว่าครับ คือรอขึ้นไปแล้วผ่านพีคเก่าของคลื่น3ย่อย คือให้ผ่านเขต1601ขึ้นไป แล้วค่อยซื้อตามน้ำในทิศทางขาขึ้น(follow buy) กรณีนี้ไม่ต้องเสียเวลารอเสียเวลาลุ้น
จากนั้นรอไปขายที่เป้าหมาย โดยถือทดสอบด่านต่างๆ ด่านแรก1630 ถัดไป1660 หากไม่ผ่านด่านนี้ก็ขาย แต่หากผ่านได้ไปลุ้นขายเขต1695-1735จุด และหากทำท่าผ่านด่านนี้ได้ก็อาจมีการrallyรอบใหญ่ไปรอขาย1850หรือ1911-1935จุด
ผมให้น้ำหนักมากว่าจะขึ้นไปเขต1735จุด+/- บนพื้นฐานค่าP/Eระดับ14.70-15เท่า บนสมมุติฐานบริษัทมีกำไรขยายตัว ณ สิ้นปีนี้ราว21%ครับ
3.การจัดการความเสี่ยง-กรณีที่ผมคาดการณ์ผิด-หากSETลงไปลึกกว่าเขต1400ในช่วงไตรมาสนี้ ก็แปลว่าผมผิดนะครับ ตลาดเสี่ยงเปลี่ยนทางเป็นขาลงขนาดใหญ่ที่อาจลงไปเขต1290 หรือกระทั่ง1100จุดได้ ควรจะนำหุ้นที่กำไรหรือใกล้ทุนออกมาขาย
แนวโน้มการปรับฐานก่อนทะยานขึ้นในไตรมาส2/56 พร้อมจุดซื้อ VSจุดขาย และการบริหารจัดการความเสี่ยง
ชาร์ตที่2:มุมมองทางเทคนิคในภาพระยะกลาง –เมื่อใช้ทฤษฎีคลื่นElliott waveมาประยุกต์วิเคราะห์จะอธิบายได้ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส2/2556อยู่ในรอยต่อระหว่างคลื่น4ย่อย(4ในภาพ)ต่อช่วงกับคลื่น5ย่อย(5ในภาพ)ของคลื่น5ใหญ่(Vในภาพ) อธิบายได้ดังนี้
*คลื่นที่1ใหญ่ของแนวโน้มนี้(Iในภาพ)ขึ้นมาจากเขต380จุดในปี 2551 มามีจุดพีคเขต 750 จุดในปี 2552
*คลื่นที่2ใหญ่(II) ลงมาปรับฐานเขต650จุดในปี2552
*คลื่นที่3ใหญ่(IIIในภาพ)ขึ้นมาพีคเขต1150จุดในปี2554
*คลื่นที่ 4ใหญ่(IVในภาพ)ตกปรับฐานลงมาเขต845จุดในปี2554
*คลื่นที่ 5 ใหญ่(Vในภาพ)เนื่องจากคลื่นIIIใหญ่สั้น เลยมาเกิดคลื่นVใหญ่ยืดตัว จะแบ่งเป็น 5 คลื่นย่อย ดังนี้
-คลื่นที่ 1 ย่อยของคลื่นVใหญ่ขึ้นมาพีคที่เขต1250จุดในเดือนพฤษภาคม 2555(1ในภาพ)
-คลื่นที่ 2 ย่อยของคลื่นVใหญ่ตกพักฐานลงมาเขต1100จุดในเดือนมิถุนายน2555(2ในภาพ)
-คลื่นที่ 3ย่อยของคลื่นVใหญ่ ขึ้นมาพีคเขต 1601 จุดในเดือนมีนาคม 2556
-คลื่นที่ 4 ย่อยของคลื่น5ใหญ่ มีเป้าหมายตกพักฐานเขต1420หรือ1450-1465 หรือ1480จุด(คือหากลงลึกสุดก็แถว1400จุดต้นๆ หรือกลางๆก็อาจเกิดไปแล้วเขต1465-1480)
โดยสถิติแล้วการตกปรับฐานคลื่นที่ 4 จะเป็นแบบZig-Zag sideway up หรือทำฐานยกสูงขึ้น และทำจุดไฮยกสูงขึ้นครับ
-คลื่นที่ 5ย่อยของคลื่นที่ 5 ใหญ่ จากนั้นคาดว่าจะปรับตัวขึ้นไปในคลื่น 5ย่อยของคลื่น5ใหญ่ ซึ่งมีเป้าหมายการขึ้นไปตั้งแต่เขต1630 หรือ1660 หรือหรือ1695-1735 กรณีดีที่สุดอาจขึ้นไปเขต1790จุด ซึ่งเป็นจุดที่เคยสูงที่สุดที่เคยทำไว้เมื่อเกือบ20ปีก่อน(เว้นแต่คลื่น5ย่อยจะยืดตัว จึงจะทำสถิติall time highขึ้นไปเขต1911 หรือ2100จุดในปีนี้)
ข้อสรุปของแนวโน้มหุ้นไทยในไตรมาส2/2556-จะเกิดการตกปรับฐานในช่วงต้นไตรมาสนี้ อาจมีเป้าหมายตกปรับฐานแย่สุดก็เขต1420 หรือ1450-1465หรือ1480 จากนั้นจะขึ้นไปในคลื่นที่5ย่อยของคลื่นVใหญ่ อาจกินบริเวณขาขึ้นน้อยที่สุดคือ1630 -1660 กลางๆเขต1700-1735 ดีที่สุดอาจเป็น1790 กรณีดีเกินคาด1911จุด เรื่องนี้จึงควรจะเกิดขึ้นในไตรมาส2นี้นะครับ(คือช่วงเดือนเมษายน ไปถึงมิถุนายน เป็นอย่างช้า)
กลยุทธ์สำคัญ
1.สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ทนต่อภาวะผันผวนของตลาดได้ดี ก็แนะนำถือหุ้นที่มีในพอร์ตไปเลยครับ หากทำใจได้ว่าลงมาอย่างมากก็แถว1400ต้นๆ หรือกลางๆก็1450-1465
2.หากหาจังหวะซื้อให้ทำได้2แบบ
*แบบแรก อ่อนตัวลงมาเขต1420หรือ1450-1465 หรือ1480ก็เป็นเขตที่เข้าซื้อหุ้น
*แบบที่สอง อันนี้ชัวร์กว่าครับ คือรอขึ้นไปแล้วผ่านพีคเก่าของคลื่น3ย่อย คือให้ผ่านเขต1601ขึ้นไป แล้วค่อยซื้อตามน้ำในทิศทางขาขึ้น(follow buy) กรณีนี้ไม่ต้องเสียเวลารอเสียเวลาลุ้น
จากนั้นรอไปขายที่เป้าหมาย โดยถือทดสอบด่านต่างๆ ด่านแรก1630 ถัดไป1660 หากไม่ผ่านด่านนี้ก็ขาย แต่หากผ่านได้ไปลุ้นขายเขต1695-1735จุด และหากทำท่าผ่านด่านนี้ได้ก็อาจมีการrallyรอบใหญ่ไปรอขาย1850หรือ1911-1935จุด
ผมให้น้ำหนักมากว่าจะขึ้นไปเขต1735จุด+/- บนพื้นฐานค่าP/Eระดับ14.70-15เท่า บนสมมุติฐานบริษัทมีกำไรขยายตัว ณ สิ้นปีนี้ราว21%ครับ
3.การจัดการความเสี่ยง-กรณีที่ผมคาดการณ์ผิด-หากSETลงไปลึกกว่าเขต1400ในช่วงไตรมาสนี้ ก็แปลว่าผมผิดนะครับ ตลาดเสี่ยงเปลี่ยนทางเป็นขาลงขนาดใหญ่ที่อาจลงไปเขต1290 หรือกระทั่ง1100จุดได้ ควรจะนำหุ้นที่กำไรหรือใกล้ทุนออกมาขาย
5หุ้นเด่นเล่นให้รวยไตรมาส2/2566อยู่ในหนังสือเล่มนี้ โทรด่วนก่อนจะตกรถ 087-7174979
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น