โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 081-8311611 087-7174979 http://www.facebook.com/tontancorp
ปรับปรุงจุดชี้ขาดมาเป็นเขต1260+/-หากหลุดก็ควรขายstop
loss แต่หากยันไหวแบละมีสัญญาณกลับตัวก็ควรถือต่อ
หรือซื้อคืนที่ขายออกไปแล้ว
ชาร์ตที่6ดัชนีSETตลาดหุ้นไทย-ช่วงเดียวกันกับตลาดหุ้นโลกคือช่วงเดือนมิถุนายนขึ้นมาจากฐาน1099จุด
มาสูงสุดที่1315จุดในเดือนตุลาคม(ซึ่งหากตกพอๆกับดาวโจนส์เวลานี้ต้องลงมาแถวๆ1170จุด
แต่หากขึ้นพอๆกับTIPเวลานี้เราควรไปเขต1400จุดไปแล้ว
แต่เราตกมาพอๆกับฮ่องกง คือลง แต่ยังไม่ถึงด่านแรกเขต1ใน3
ดังนั้นช่วงนี้ผมคิดว่าอาจต้องดูดัชนีฮั่งเส็งของตลาดหุ้นฮ่องกงประกอบเป็นหลักนะครับ
เพราะดูแล้ว ไทยเราลงมารอบนี้ดูคล้ายกับฮ่องกงมากกว่าดาวโจนส์ และไม่เหมือนTIP)
ผมได้ปรับปรุงจุดstop lossจากเดิม1270มาเป็นgap supportล่าง1260จุด+/-เมื่อวานนี้
และคิดว่าเป็นตัวเลขที่สมเหตุสมผลกว่าในรูปแบบgap supportครับ
คาดการณ์แนวโน้มเป็นดังนี้ครับ
ก.แบบBASE CASE scenerio หรือกรณีฐานที่น่าจะเป็นมากกว่ากรณีอื่นๆ คือแกว่งตัวแบบSidewayระหว่าง1260-1315จุด-คือลงมาปิดGapที่เคยเปิดไว้1262จุด แล้วฟื้นปิดgapบน1270จุด
จากนั้นฟื้นตัวขึ้นไปผ่านแนวต้านDowntrendเขต1285+/-(1284-1287จุด)แล้วขึ้นไปกรอบต้าน1315+/-
แล้วแกว่งซึมไซด์เวย์ในกรอบ1260-1315 จนกว่าจะเลือกทางชัดเจน
-กรณีนี้เป็นไปได้มาก
เพราะเมื่อวานลงมาปิดGAP1262แล้วยืนได้และฟื้นตัวขึ้น
ชาร์ตแท่งเทียนรายวันมีรูปแบบhammerซึ่งเป็นภาพทางบวก
น่าได้เห็นการฟื้นไปทดสอบด่าน1285+/-ในช่วงวันนี้หรือใกล้ๆนี้
หากทำท่าผ่านก็อาจแกว่งไป1315ได้ต่อไป
ข.Best case scenario กรณีดีคือเป็นไปตามคาดเดิม
ลงปรับฐานจบยเขต1260แล้วขึ้นไปผ่าน1315ขึ้นไป1350-1400ในสิ้นปีนี้-กรณีนี้คือยืนเหนือ1260แล้วแกว่งขึ้น เที่ยวต่อไปผ่านด่าน1315แล้วrallyขึ้นไป1350-1400ช่วงก่อนสิ้นปีต่อต้นไปใหม่2556แบบที่ผมเคยคาดการณ์ไว้เดิม
-กรณีนี้ก็ยังมีความเป็นไปได้
หากพิจารณาว่าขาขึ้นรอบนี้ยังไม่complete
คือยังไม่จบคลื่นที่ 5
แสดงว่าช่วงนี้เป็นการตกปรับฐานแบบซิกแซ็กไซย์เวย์ในกรอบ1260-1315จุดเท่านั้น
ค.Worse case scenerio กรณีหลุด1260แล้วเปลี่ยนทางเป็นขาลง-กรณีนี้คือที่ผมแสดงความกังวลในระยะนี้ว่า
ตลาดจะเปลื่ยนแนวโน้มจากที่เคยsidewayในกรอบ1260-1315
โดยหลุดเขต1260แล้วจะเกิดการเปลี่ยนทางเป็นขาลง ซึ่งจะลงน้อยที่สุดเขต1230-1240
ลงลึกๆ1205 ลงลึกมากๆ1170-1180 หรือเลวร้ายกว่านั้นคือลงยาวไป1100หรือกว่านั้น
-กรณีนี้ควรเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นและควรคิดแผนจัดการความเสี่ยง(risk
management)หรือBear market strategyไว้
ด้วยการคิดแผนขายcut loss
หรือขายล็อกกำไรเพื่อปกป้องพอร์ตการลงทุน
*สรุปกลยุทธ์การลงทุน
และข้อแนะนำเพื่อการตัดสินใจของท่านสมาชิก
1.หากเป็นไปตามข้อก.ให้ถือหุ้น
หรือซื้อหุ้นคืนเพื่อไปรอขายตอนขึ้นไป1315+/-
2.หากเป็นไปตามข้อข.ให้ถือหุ้น
แล้วไปรอซื้อเพิ่มตคอนผ่านด่าน1315+/-เพื่อไปรอขายสิ้นปีหริอปีใหม่2556บริเวณ1350-1400+/-
หรือกระทั่ง1450+/-
3.หากเป็นไปตามข้อค.ให้นำหุ้นที่กำไร
หรือใกล้ทุน หรือขาดทุนไม่มากเกินกว่าระดับ10%หรืออยู่ในเกณฑ์ที่ท่านยอมรับได้ ขายออกเพื่อหยุดขาดทุน หรือล็อกกำไร
หรือปกป้องพอร์ตการลงทุนจากความเสี่ยงขาลง เพราะเสี่ยงตกไปตั้งแต่1240-1170จุด
4.ไตรมาส4ที่แนะนำไว้และจุดcut loss หากSETทำท่าลงไปลึกกว่าเขต1260ควรคิดเรื่องcut lossดีกว่าจะติดหุ้นครับ
จุดตัดสินใจสำหรับการcut lossรายตัว หากราคาลงมาลึกกว่าระดับราคานี้นะครับ
จุดตัดสินใจสำหรับการcut lossรายตัว หากราคาลงมาลึกกว่าระดับราคานี้นะครับ
*AAVหากลงไปปิดลึกกว่า4.20
*TOPหากลงไปปิดลึกกว่า60
*ESSOหากลงไปปิดลึกกว่า9.80
*STAหากลงไปปิดลึกกว่า่14
*KSLหากลงไปปิดลึกกว่า12.50
*THREหากลงไปปิดลึกกว่า3.78
*TOPหากลงไปปิดลึกกว่า60
*ESSOหากลงไปปิดลึกกว่า9.80
*STAหากลงไปปิดลึกกว่า่14
*KSLหากลงไปปิดลึกกว่า12.50
*THREหากลงไปปิดลึกกว่า3.78
จุดcut lossหรือขายล็อกกำไรสำหรับหุ้นเด่นชุดเดิม
*BTSหากลงปิดลึกกว่า6บาท
*PTTGCหากลงปิดลึกกว่า57.75
*IRPCหากลงปิดลึกกว่า3.86
*KCEหากลงปิดลึกกว่า8.75หรือ9
*ROJNAหากลงปิดลึกกว่า9-8.75
*TISCOหากลงปิดลึกกว่า47
ในทางกลับกันหากSETทำท่าไม่ลึกเกิน1260 และหรือราคาหุ้่นเหล่านี้ยืนเหนือระดับราคาที่กำหนด ก็อาจจะเป็นโอกาสซื้อ หรือซื้อคืน(สำหรับคนที่ขายออกไปแล้ว) เพราะตลาดจะกลับไปได้ลุ้นทางกลางๆ แบบข้อก.หรือทางบวกแบบข้อ ข. ทั้งนี้พื้นฐานของหุ้นเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางลบอย่างมีนัยสำคัญ แต่ลงมาตามสภาพของตลาด
*ท่านสมาชิกที่บอกรับข้อมูลและคำแนะนำจากผมให้เปิดเมล์อ่านรา่ยลบะเอียดที่้ส่งไปในช่วงก่อนเปิดตลาดเช้านี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น