1.บริษัทของเรามีอัตราเติบโตดีมาก เราจึงจะลงทุนขยายกิจการ(แต่เราจะก่อหนี้เพิ่ม และไม่มีเงินปันผลจ่ายผู้ถือหุ้นนะ)
2.บริษัทของเรามีอัตราเติบโตดีมาก เราจึงต้องลงทุนขยายธุรกิจ(โดยเราไม่อยากขอสินเชื่อ เลยจะขอเงินเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น)
3.บริษัทของเราเห็นโอกาสอยู่มากมาย เลยจะแตกไลน์ธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยงและแสวงหาโอกาสที่ไม่น่าพลาด(เราเลยจะโยกกำไรไปสู่บริษัทใหม่นี้ แต่หนี้สินจะพอกพูนอยู่ในกิจการที่พวกคุณถือหุ้นอยู่)
4.บริษัทของเรามีอัตราการจ่ายปันผลที่ดีมากและสม่ำเสมอ(เพราะกิจการเราโตเต็มที่แล้ว เลยไม่รู้จะดิ้นรนไปทำไม คุณก็อย่ามาหวังเรื่องgrowthจากเ้ราหละ)
5.ธุรกิจของเราเป็นเจ้าตลาด และยากที่ใครจะมาเทียบรัศมีได้ นี่คือบลูชิพที่คุณต้องการ(เพราะเจ้าของกิจการของเรามีเส้นสายอิทธิพล แต่หากปุ๊บปั๊บเขาตายขึ้นมา ก็ตัวใครตัวมันนะ)
6.เราเป็นกิจการขนาดเล็กก็จริง แต่อย่าลืมว่าเรามีอนาคตเติบโตแบบก้าวกระโดด ผู้ถือหุ้นจะได้ผลตอบแทนที่เกินคุ้มค่ากว่าลงทุนในหุ้นที่matureแล้ว(แต่ตอนนี้เราไม่มีทุนพอขยายธุรกิจหรอกนะ หุ้นของเราก็ขาดสภาพคล่อง มาๆกันหน่อย ผมจะได้ขายให้พวกคุณ)
7.เรามีโครงสร้างที่แข็งแกร่งทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ ทุน แผนธุรกิจ ความสามารถในการแข่งขัน และความคงทนต่อสภาพการณ์แวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง(แต่เราอยู่ในธุรกิจที่กำลังจะกลายเป็นอดีต โลกสมัยใหม่ใครจะไปรู้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไวขนาดนั้น เราปรับตัวไม่ทัน สต๊อกสินค้าเรากองอยู่ในคลังบานเลย)
8.เรากระจายความเสี่ยงไปในธุรกิจที่หลากหลายมาก ดังนั้นนี่เป็นเรื่องที่ผู้ถือหุ้นควรสบายใจว่าเราจัดการธุรกิจได้ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว(แต่เราไม่ได้ชำนาญซักด้านหรอกนะ และเราตามหลังคู่แข่งที่เขามาก่อนตั้งไม่รู้เท่าไหร่)
9.เราไม่ได้สนใจหรอกว่าราคาหุ้นมันเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างไร เราสนใจแต่ธุรกิจเท่านั้น(ก็ธุรกิจของเรามันไม่โตแล้ว หนี้ที่เราก่อก็ไม่เกิดผลผลิต กำไรก็ไม่คุ้มดอกเบี้ย การแข่งขันก็ดุเดือดเหลือเกิน เราพยายามอุดราคาหุ้นไว้แล้ว แต่โดนโบรกเกอร์จับฟอร์ซเซล)
10.พวกคุณเป็นผู้ถือหุ้นที่ทรงคุณค่าของเราจริงๆ ขอบคุณที่พวกคุณมั่นใจในการบริหารจัดการของเรา(แต่เราได้ไปจากพวกคุณเยอะแล้ว เรากำลังหาทางล้มบนฟูกนิ่มๆอยู่ อิอิ)
.............
2.บริษัทของเรามีอัตราเติบโตดีมาก เราจึงต้องลงทุนขยายธุรกิจ(โดยเราไม่อยากขอสินเชื่อ เลยจะขอเงินเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น)
3.บริษัทของเราเห็นโอกาสอยู่มากมาย เลยจะแตกไลน์ธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยงและแสวงหาโอกาสที่ไม่น่าพลาด(เราเลยจะโยกกำไรไปสู่บริษัทใหม่นี้ แต่หนี้สินจะพอกพูนอยู่ในกิจการที่พวกคุณถือหุ้นอยู่)
4.บริษัทของเรามีอัตราการจ่ายปันผลที่ดีมากและสม่ำเสมอ(เพราะกิจการเราโตเต็มที่แล้ว เลยไม่รู้จะดิ้นรนไปทำไม คุณก็อย่ามาหวังเรื่องgrowthจากเ้ราหละ)
5.ธุรกิจของเราเป็นเจ้าตลาด และยากที่ใครจะมาเทียบรัศมีได้ นี่คือบลูชิพที่คุณต้องการ(เพราะเจ้าของกิจการของเรามีเส้นสายอิทธิพล แต่หากปุ๊บปั๊บเขาตายขึ้นมา ก็ตัวใครตัวมันนะ)
6.เราเป็นกิจการขนาดเล็กก็จริง แต่อย่าลืมว่าเรามีอนาคตเติบโตแบบก้าวกระโดด ผู้ถือหุ้นจะได้ผลตอบแทนที่เกินคุ้มค่ากว่าลงทุนในหุ้นที่matureแล้ว(แต่ตอนนี้เราไม่มีทุนพอขยายธุรกิจหรอกนะ หุ้นของเราก็ขาดสภาพคล่อง มาๆกันหน่อย ผมจะได้ขายให้พวกคุณ)
7.เรามีโครงสร้างที่แข็งแกร่งทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ ทุน แผนธุรกิจ ความสามารถในการแข่งขัน และความคงทนต่อสภาพการณ์แวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง(แต่เราอยู่ในธุรกิจที่กำลังจะกลายเป็นอดีต โลกสมัยใหม่ใครจะไปรู้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไวขนาดนั้น เราปรับตัวไม่ทัน สต๊อกสินค้าเรากองอยู่ในคลังบานเลย)
8.เรากระจายความเสี่ยงไปในธุรกิจที่หลากหลายมาก ดังนั้นนี่เป็นเรื่องที่ผู้ถือหุ้นควรสบายใจว่าเราจัดการธุรกิจได้ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว(แต่เราไม่ได้ชำนาญซักด้านหรอกนะ และเราตามหลังคู่แข่งที่เขามาก่อนตั้งไม่รู้เท่าไหร่)
9.เราไม่ได้สนใจหรอกว่าราคาหุ้นมันเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างไร เราสนใจแต่ธุรกิจเท่านั้น(ก็ธุรกิจของเรามันไม่โตแล้ว หนี้ที่เราก่อก็ไม่เกิดผลผลิต กำไรก็ไม่คุ้มดอกเบี้ย การแข่งขันก็ดุเดือดเหลือเกิน เราพยายามอุดราคาหุ้นไว้แล้ว แต่โดนโบรกเกอร์จับฟอร์ซเซล)
10.พวกคุณเป็นผู้ถือหุ้นที่ทรงคุณค่าของเราจริงๆ ขอบคุณที่พวกคุณมั่นใจในการบริหารจัดการของเรา(แต่เราได้ไปจากพวกคุณเยอะแล้ว เรากำลังหาทางล้มบนฟูกนิ่มๆอยู่ อิอิ)
.............
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น