เคยเป็นกันใช่ไหม?...นักลงทุนมักจะสับสน หรือทำไม่ถูกในการจัดพอร์ต เช่น เอาหุ้นดีๆที่ควรลงทุนยาวกำไรเป็นกอบเป็นกำมาเล่นสั้นๆได้ก็ไม่คุ้ม เพราะขายหมูกระจาย
แต่พอหุ้นบางตัวอย่างBANPU สู้อุตส่าห์ถือซะยาว10ปี ปรากฏว่าซวยหนัก จาก10ปีก่อน ราคา65 มาตอนนี้ 15บาท ...อะไรกันเนี่ย? ไหนใครว่าถือยาวแล้วรวย ทำไมเรามันซวยวะเนี้ย?
อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะครับ นักลงทุนต้องแยกแยะหุ้นที่จะจัดเข้าพอร์ตออกเป็น6ประเภทหลักๆครับ เพราะแต่ละประเภทนั้นก็มีสไตล์ที่แตกต่างกันไป วัตถุประสงค์การลงทุนต่างกันเยอะ ทำถูกก็รวย ทำผิดนี่ซวยเลย ดังนี้ครับ
*ประเภทแรก-หุ้นบลูชิพชั้นดี ได้แก่พวกหุ้นยอดนิยมในตลาดอย่างปูนใหญ่ แบงก์ใหญ่ สื่อสารตัวใหญ่ ค้าปลีกค้าส่งโรงแรมใหญ่ หุ้นประเภทนี้ให้ซื้อแล้วถือยาวในพอร์ต จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย12%ต่อไป ถือไปไม่เกิน7-8ปีกำไรทบต้นครับ อย่าไปเล่นแบบชักเข้าชักออก ได้ไม่คุ้มเสีย
*ประเภทที่สอง หุ้นรอบวัฏจักร(Cyclical Stock) เทรดตามรอบเศรษฐกิจโลก หรือรอบของสินค้าโภคภัณฑ์ ที่จะมีสลับช่วงของไซเคิลขาขึ้น กับไซเคิลขาลง ได้แก่หุ้นพวกน้ำมัน โรงกลั่นอย่างPTT PTTEP TOP ESSO IRPC หรือโรงกลั่นอย่างESSO SPRC TOP หุ้นถ่านหินแบบBANPU LANNA หุ้นเคมีอย่างIVL PTTGC VNT หุ้นสินค้าเกษตรอย่างSTA KSL KBS หุ้นขนส่งทางเรืออย่างTTA PSL หุ้นเกี่ยวข้องกับค่าเงินบาทอ่อน-แข็งอย่างชิ้นส่วนฯDELTA HANA KCE SVI หุ้นเหล็ก หุ้นสังกะสี ทองแดง เป็นต้น หุ้นพวกนี้ให้เทรดอิงกับขาขึ้นของธุรกิจ จะขึ้นไปกี่เดือนกี่ปีก็อิงไป กำไรเยอะ แต่หากเปลี่ยนเป็นขาลง ห้ามถือ ห้ามซื้อ ห้ามถัว ขืนถือยาวมันจะกินทุนเรา แบบถ่านหินขาลงมา5-6ปี หุ้นBANPUก็ลงมายาวด้วย ยิ่งถือยาวเลยยิ่งซวย
*หุ้นประเภทที่3 คือหุ้นปันผลดี พวกนี้อาจจะวิ่งปีละหน หรือาสองหนตามรอบการปันผล หรือเวลาเศรษฐกิจแย่ ตลาดหุ้นขาลง นักลงทุนมองเป็นแหล่งหลบภัย(Safe Haven)เงินจะไหลมาเข้าพวกนี้ ลองมองหาหุ้นแนวๆที่จ่ายปันผลย้อนหลังตลอด5ปี7ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงง7ถึง10% อย่างเช่นINTUCH ASP KGI TVO AIT เป็นต้น
*หุ้นประเภทที่4 คือหุ้นเติบโตหรือหุ้น Growth พวกนี้เวลาขึ้นก็ขึ้นไปหลายเท่าตัว แต่มันมาเป็นแฟชั่น มากันเป็นหมู่คณะ บางทีมากัน2-3ปี หรือ5-6ปี บางทีมาไม่กี่เดือน อย่างปีก่อนกลุ่มพลังงานทางเลือกมายกแผง 2ปีก่อนเป็นคิวของพวกหุ้นเสริมสวยเครื่องสำอางค์ 3ปีก่อนหุ้นโรงพยาบาล 4-5ปีก่อนหุ้นห้างสรรพสินค้า แต่เล่นไปเล่นมาหมดรอบ ไม่มีgrowthแล้วจะลงยาวยังกับกิจการจะเจ๊ง จึงต้องเข้าให้ถูกรอบรวย ผิดรอบก็ซวยหนักได้
*หุ้นประเภทที่5 คือพวกปกป้องความเสี่ยงหรือ Defensive หุ้นแนวนี้มักจะเป็นพวกกิจการด้านสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ทำสัญญาสัมปทานยาวกับรัฐบาล ทำกิจการผูกขาด หรือกึ่งผูกขาด จึงทนทานต่อสภาพวะผันผวน เหมากับยามที่เกิดวิกกฤตในตลาด ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ การเมือง พิบัติภัยธรรมชาติ และยามตลาดย่ำแย่ และหุ้นพวกนี้แหละหากใครชอบเก็บเป็นมรดกให้ลูกหลานยาวๆ10-20-30ปี เน้นจัดพวกนี้ หรือเวลาเศรษฐกิจแย่เกิดวิกฤตใหญ่ ตลาดหุ้นขาลง นักลงทุนมองเป็นแหล่งหลบภัย(Safe Haven)เงินจะไหลมาเข้าพวกนี้ หุ้นประเภทนี้จึงมักจะขึ้นดียามตลาดย่ำแย่
*หุ้นประเภทที่6 คือหุ้นฟื้นตัว หรือ Turnaround Stock จากร่วงกลายเป็นรุ่ง จากเคยขาดทุนเละ มาเปลี่ยนพื้นฐานไปทางบวก หรือเปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนผู้ถือหุ้น ก็จะทะยานขึ้นไปหลายเท่าตัว ที่ผมเคยพาเทรดบางตัวขึ้นไป60เท่าก็เคยครับ จับถูกตัวรวยหลายสิบเด้ง อย่าไปเล็งแค่ว่าจะขึ้นกี่เปอร์ฯ
เมื่อเราเข้าใจความต่างแบบหลากสไตล์อย่างนี้ก็เลือกจัดพอร์ตให้สอดคล้องกับประเภทหุ้น อย่าไปสับสนอลหม่านมั่วๆกันต่อไป อ่านจบแล้วยังเอาหุ้นบลูชิพมาเล่นสั้น เอาหุ้น Cyclical มาถือยาว เอาหุ้น Defensive มาทำช็อร์ตอะเก๊นส์พอร์ต...มันจะะกลายเป็นช็อร์ตจนเจ๊งพอร์ตสิขอรับท่าน
...
แนวคิดและข้อเสนอข้างต้นนี้เป็นแค่ตำราวิชาการ หรือว่าทำได้จริง ?ผมตอบเองก็กระไร เลยเอาคำตอบจากลูกค้าสมาชิกท่านหนึ่งมาตอบครับ
แนวคิดและข้อเสนอข้างต้นนี้เป็นแค่ตำราวิชาการ หรือว่าทำได้จริง ?ผมตอบเองก็กระไร เลยเอาคำตอบจากลูกค้าสมาชิกท่านหนึ่งมาตอบครับ
นั่นคือมีนักลงทุนที่เป็นลูกค้าสมาชิกท่านหนึ่งได้แจ้งผมมาทางกรุ๊ปไลน์ว่า เพิ่งขายหุ้นIVLที่เคยซื้อเอาไว้ตามหนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทยปี 2559 หรือ3ปีที่แล้ว ได้กำไร 144.57% ส่วนBEMยังถือไว้มีกำไรทางบัญชี134% เช่นเดียวกับEGCO กำไรทางบัญชี63%
ท่านแจ้งมาว่าซื้อแล้วถือลงทุนมา3ปีตามคำแนะนำการลงทุนของผม ได้ผลตอบแทนดีเยี่ยม แต่ตัวที่ขาดทุนก็มีครับเป็นหุ้นGrowthตัวAPCO ซึ่งต้องแนะนำให้แก้ไขกันต่อไปก็น่าจะเป็นกรณีตัวอย่างที่ดีครับว่า การหาจังหวะเวลาที่ดีได้เข้าซื้อในช่วงราคาที่เกือบต่ำสุด มาขายได้ในราคาที่กำลังจะเปลี่ยนเทร็นด์เป็นขาลง หลังจากขึ้นไปพีคสามารถทำได้จริง แบบกรณีหุ้น IVL และเป็นกรณีศึกษาว่า เมื่อได้เข้าลงทุนหุ้นพื้นฐานดี กำไรเติบโตดีตามรอบวัฏจักร (Cyclical Stock) แบบ IVL แล้วปล่อยให้ราคาหุ้นขึ้นไปในช่วงแนวโน้มขาขึ้น และปล่อยให้กำไรเดินหน้า (Let profit run) นั้น ให้ผลตอบแทนที่เกินคุ้มค่าเพียงใด
รวมถึงการจำแนกหุ้นออกเป็น6ประเภทเช่น บลูชิพ Defensive (แบบ BEM EGCO) หรือ Cyclical (แบบIVL) นั้น ช่วยให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไรบ้างอย่าง BEM ที่กำไรทางบัญชี 134% หรือ EGCO ที่กำไรทางบัญชี 63% ผมก็แนะนำว่าให้ถือต่อไปครับ เป็นหุ้น Defensive ที่ดีทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะถ้ามันจะเกิดวิกฤตอย่างที่กลัวๆกัน หุ้นพวกนี้ยิ่งขึ้นดี ขอให้มาเหอะเผาจริง กลัวแค่เผาหลอกเท่านั้นแหละ
...
รวมถึงการจำแนกหุ้นออกเป็น6ประเภทเช่น บลูชิพ Defensive (แบบ BEM EGCO) หรือ Cyclical (แบบIVL) นั้น ช่วยให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไรบ้างอย่าง BEM ที่กำไรทางบัญชี 134% หรือ EGCO ที่กำไรทางบัญชี 63% ผมก็แนะนำว่าให้ถือต่อไปครับ เป็นหุ้น Defensive ที่ดีทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะถ้ามันจะเกิดวิกฤตอย่างที่กลัวๆกัน หุ้นพวกนี้ยิ่งขึ้นดี ขอให้มาเหอะเผาจริง กลัวแค่เผาหลอกเท่านั้นแหละ
...
สำหรับคู่มือตลาดหุ้นไทยรายปีนั้น ผมจัดทำมาต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่ปีพ.ศ.2540 มาจนปีปัจจุบันนี้ สำหรับปีนี้คือ"คู่มือตลาดหุ้นไทยปี 2562 โอกาสทองต้องรวย" เขียนโดยณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ฟันธงชัดๆว่า ต้องจัดพอร์ตการลงทุนรับโอกาสทองครั้งสำคัญในรอบ10ปีนี้อย่างไร พร้อม 5+1 หุ้นเด่นเล่นให้รวย จากหุ้นเด่น 6ประเภท
สั่งจอง หรือสอบถามเพิ่มเติม สั่งซื้อหนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทยปี2562 โอกาสทองต้องรวย หรือสมัครเมมเบอร์ รับหนังสือฟรี ที่
ID LINE : tontancorp1
คลิ้ก👉👉👉
https://line.me/R/ti/p/%40tontancorp
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น