วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ควันหลงตื่นตูมมาตรการแบงก์ชาติสกัดบาทแข็งทุบหุ้นร่วงบ่ายวันศุกร์ ที่แท้ผู้เชี่ยวชาญชี้ไม่ใช่ยาแรงแค่ป้องปรามและคุมเฉพาะจุด ไม่ถึงขั้นลุกลามไปควบคุมเงินทุนไหลเข้า

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ
ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ร่วงลงแบบPanic sellวิตกมาตรการธปท.สกัดค่าเงินบาทแข็งเป็นยาแรง แต่นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญชี้ตื่นตูมกันไปเอง ชี้ไม่ใช่ยาแรง แต่เป็นการป้องปราม และคุมเฉพาะจุดไม่ให้มีผลกระทบลุกลามตามที่ผวากัน
โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์

บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด

นอกจากวิตกมาตรการธปท.สกัดค่าเงินบาทแข็งที่ออกมาในวันศุกร์แล้ว ก็เพราะทางเทคนิคทำtriple topเลยกดดันSETลงครับ เป้าตก1729 หากยืนเหนือเขตนี้ได้ในสัปดาห์หน้า ก็มีโอกาสฟื้นกลับไปทดสอบด่าน1747อีกรอบ และมีลุ้นขึ้นไปป้ายหน้าเขต 1770จุดครับ

โดยเมื่อวันศุกร์หุ้นไทยลงสวนทางภูมิภาค เพราะนักลงทุนวิตกต่อการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการเฝ้าระวังเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น เพราะเกรงว่าเงินบาทแข็งค่าเร็วจะกระทบเศรษฐกิจภาพรวม ซึ่งตลาดฯ วิตกว่าเป็นยาแรงจะไปกระทบให้เงินไหลออก อย่างไรก็ตามปรากฎว่าในเย็นวันศุกร์ ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ457ล้านบาท ไม่ได้เงินไหลออกตามวิตกกันแต่อย่างใด

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ
คุณถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ที่หุ้นไทยวันศุกร์ภาคบ่ายร่วงลง เพราะนักลงทุนเกิดการ Panic ภายหลังจากที่ธปท.ปรับเกณฑ์ยอดคงค้างบัญชีเงินฝากสกุลบาทของผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (non-resident : NR) ทั้ง Non-resident Baht Account for Securities (NRBS) และบัญชี Non-resident Baht Account (NRBA) ให้เข้มขึ้น 

          
โดยปรับเกณฑ์ยอดคงค้าง ณ สิ้นวันของบัญชี NRBS และ NRBA ให้ลดลง จากเดิมกำหนดไว้ที่ 300 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาทต่อราย NR ต่อประเภทบัญชี โดยกำหนดให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.62 เป็นต้นไป
          
ทั้งนี้ คุณถนอมศักดิ์มองว่ามาตรการที่ออกมานี้"ไม่ได้เป็นยาแรง" เป็นแค่การป้องกันการเก็งกำไร และเพื่อไม่ให้เงินบาทแข็งค่าผิดปกติ เพราะที่ผ่านมาเงินบาทได้แข็งค่าสุดเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาค แต่ที่จริงไทยมีเสถียรภาพดีกว่าคนอื่นด้วย ทำให้มีเงินไหลเข้ามา ซึ่งนักลงทุนต่างก็ไม่คิดว่าจะมีการออกมาตรการอะไร แต่พอธปท.มีมาตรการออกมา นักลงทุนก็เลยกลัวและขายหุ้นออกมาก่อน นอกจากนี้คนไทยขายหุ้นด้วยก็เพราะกลัวต่างชาติขาย และหลังจากที่ประกาศมาตรการออกมา เงินบาทก็อ่อนค่าลงทันที
        
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า มาตรการล่าสุดของธปท.นั้นนับเป็น "มาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท" น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมรับมือกับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่อาจจะมีโอกาสไหลเข้ามาลงทุนในตลาดการเงินไทยมากขึ้นในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณที่สะท้อนโอกาสของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในการประชุม FOMC ในช่วงสิ้นเดือนก.ค. 2562 นี้เป็นอย่างเร็ว
          
นอกจากนี้ การปรับลดเกณฑ์ยอดคงค้างบัญชี NRBA และ NRBS ลงมาที่ 200 ล้านบาทต่อราย NR ดังกล่าว ยังเป็นการสะท้อนเจตนารมณ์ของ ธปท.ที่ต้องการเลือกใช้มาตรการที่มุ่งเป้าหมายเฉพาะจุด เพื่อวัตถุประสงค์ในการสกัดเงินระยะสั้นอีกครั้ง เนื่องจากการลดยอดคงค้าง ณ สิ้นวันในบัญชีเงินฝากในรูปเงินบาทของ NR เสมือนเป็นการลดช่องทางการพักเงินของนักลงทุนต่างชาติ และเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับการลดปริมาณการออกพันธบัตรระยะสั้นของ ธปท.ก่อนหน้านี้ ซึ่งน่าจะช่วยสกัดเงินที่เข้ามาเพื่อเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบไปยังภาพรวมการเคลื่อนย้ายเงินทุนในส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการค้า-การลงทุนของประเทศมากนัก
          
ขณะที่การยกระดับความเข้มงวดในการรายงานชื่อผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงในการถือครองตราสารหนี้ น่าจะช่วยทำให้ธปท. สามารถติดตามพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเฉพาะรายในตลาดตราสารหนี้ไทยได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น
...
ข่าวประชาสัมพันธ์

ช่วงนี้มีหุ้นเด่นรอบใหม่ที่ผมแนะนำมี2ชุดคือ
ชุดแรกหุ้น8เซียนพิมพ์นิยม(ในนี้เกินครึ่งขึ้นมาราว100% อีกครึ่งเพิ่งจะตั้งลำขึ้น ในระยะ1เดิอนมานี้

และที่นำเสนอชุดใหม่คือ4หุ้นจตุรเทพเล่นเก็งกำไรรอบครึ่งปีหลัง ราคาเพิ่งจะอยูาในช่วงสะสมหุ้น หลายตัวยังมีส่วนลดจากมูลค่าทางพื้นฐานมากกว่า50% ยังแนะนำสะสม เพื่อทำกำไรในวันที่9เดือน9 หรือช้าสุดสิ้นปีนี้(อัพเดตรายละเอียดจุดซื้อขาย และเป้าหมายดูในกรุ๊ปไลน์รวยหุ้น2019ครับ)
...
ไม่พลาดโอกาสสำคัญ เข้ากรุ้ปไลน์ รวยหุ้น 2019 By 2562 ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ รับ4หุ้นเด่น ชุดใหม่ทำกำไร 9 เดือน 9 และอัพเดทหุ้น 8 เซียนพิมพ์นิยม เน้นถือยาวกำไรเยอะ สอบถามเพิ่มเติม คลิ้ก
https://line.me/R/ti/p/%40tontancorp

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น