อบรมเข้มเรียนกราฟขั้นเทพ สอนคนให้เป็นเซียน 10เมษายน (หลักสูตรเอกลักษณ์มีที่นี่หลักสูตรเดียว)
-ฝึกปฏิบัติการเรื่องTime Zoneสอนที่นี่ที่เดียว เมื่อใดควรซื้อ เมื่อใดควรถือ การคำนวณหาจุดพีคและจุดbottomในเรื่องเวลา เหมาะกับท่านที่สนใจจริงจังว่าซื้อหุ้นแล้วควรถือนานเท่าใด กี่วัน กี่สัปดาห์ กี่เดือน กี่ปี มีสอนเฉพาะที่นี่ที่เดียว ผ่านการพิสูจน์มานานกว่า 10ปีว่าแม่นยำ
-เหมาะกับนักลงทุนและนักเก็งกำไรที่ต้องการหาจังหวะ/เวลาเข้าซื้อขายถูกต้องแม่นยำ ทำกำไรได้มากกว่าใครๆที่ไม่ได้เรียนหลักสูตรนี้
การคำนวณมิติด้านเวลานี้ไม่ใช่มั่วเอานะครับ แต่มีตรรกะ(logic)รองรับอย่างที่ผมได้อธิบายไปแล้ว หากท่านใดสนใจจริงจังเรื่องนี้ให้มาเรียน ผมนานๆจะเปิดสอนให้ที งวดหน้าวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายนครับ หากจริงจังเรื่องนี้ และอยากก้าวเกินใครให้มาเรียน
-สอบถามรายละเอียด หรือสำรองที่นั่ง บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร 02-9275800 หรือโทรมือถือ 087-717-8979 (คุณชัชฎา) 087-717-4979 (คุณสุเมธ), 087-717-4939 (คุณเมทิกา) รับได้เพียง30 ท่าน
โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์
ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com
***สมัครสมาชิกเพื่อติดตามบทความนี้แบบupdateก่อนใคร ในช่วงก่อนเปิดทำการภาคเช้า อ่านชาร์ตประกอบ และฟันธงหุ้นเด่น ก่อนเปิดตลาดทุกเช้า ที่ http://www.tontancorp.com/ หรือรับหุ้นเด่น และSET50 พร้อมจุดซื้อจุดขาย ข่าวด่วนข่าวร้อนก่อนใครผ่านทางSMS แม่นยำ กำไร สอบถามสมัครสมาชิก โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979 **
เมื่อวันพุธดัชนีSET ขึ้นมาที่ 1080จุด เป็นวันที่สองติดต่อกัน ใกล้เป้าหมายแรกที่คาดการณ์ไว้แถว1085 โดยที่ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่อง 2,000ล้านบาทเศษ เครื่องมือทางเทคนิคเตือนว่าเข้าเขตOver heatเมื่อ%Kของmodified stochasticsขึ้นมาเขต95%แล้ว
ตอนนี้มีโจทก์ปัญหาที่ต้องอ่านให้ขาดที่ต้องอัพเดต ดังนี้ครับ
-หลังผ่านด่านpeakเก่า1056แตกแล้ว จะขึ้นไปพีครอบนี้ที่เท่าไหร่?
-หรือจะมีการพักตัวเพื่อลดภาวะOver heatที่จุดไหนบ้าง
-ตอนนี้เราอยู่ในแนวโน้มขึ้น ปัญหาว่าอยู่ตรงไหนของขาขึ้น?
-หากขึ้นรอบนี้ไปเท่าไหร่ และจะจบเมื่อไหร่?
I.ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แล้วอยู่ตรงไหนของขาขึ้น?
ชาร์ตที่1:เป็นภาพของSETรอบใหญ่ที่ใช้ทฤษฎีคลื่นElliot waveมาวินิจฉัย ก็จะพบว่าตอนนี้SETกำลังอยู่ในคลื่นที่ 3 หรืออยู่ตรงกลางทางของขาขึ้นรอบนี้
(จากทฤษฎีคลี่นที่มีกฎว่า ในขาขึ้นประกอบไปด้วย5คลื่นสำคัญ
*คลื่นที่1ผมนับจากจบจบคลื่นCบริเวณ380จุดในปลายปี2551 แล้วขึ้นมาจบแถว758จุดในเดือนตุลาคม 2552
*คลื่นที่2เป็นการตกปรับฐานลงมาเขต660จุดในช่วงเดือนตุลาคม2552-มีนาคม2553
*คลื่นที่ 3จากเดือนเมษายนถึงปัจจุบัน ยังไม่จบคลื่น คาดว่าอาจจบในราววันที่ 7 หรือ 21 เมษายน อาจเป็นเขต1130จุด(กรณีดีเกินคาดมากๆคือ1175จุด) -สรุปคือตอนนี้เราอยู่ตรงนี้*
*คลื่นที่ 4 ที่จะเกิดในอนาคตหลังจบคลื่นที่ 3 คือการตกปรับฐานขนาดใหญ่ จะลงเท่าไหร่ ขึ้นกับว่ายอดพีคของคลื่นที่ 3นี้จะอยู่เท่าไหร่ ระหว่าง1085,1095หรือ1130 หรือ1175?
*คลื่นที่ 5 ซึ่งจะเป็นการขึ้นอีกรอบใหญ่ ซึ่งผมประในไว้ก่อนหน้านั้นว่าน่าจะขึ้นไปพีคในเดือนกันยายน อาจเป็นเขต1260จุด หรือมกราคมปีหน้าเขต1400จุด+/-
ชาร์ตที่2:เป็นภาพที่ตัดให้มาดูเฉพาะคลื่นที่ 3 ซึ่งเราอยู่ในปัจจุบันนี้-โดยอิงทฤษฎีElliot wave ก็จะพบว่าเรากำลังอยู่ในคลื่นสุดท้ายคือ คลื่นที่ 5 ของคลื่นที่ 3ขนาดใหญ่ โดยพิจารณาดังนี้
*คลื่นที่1ย่อยของคลื่น3ใหญ่-ขึ้นจากเขต660จุดในเดือนมกราคม 2553มาจบแถว820จุดในเดือนเมษายน2553
*คลื่นที่2ย่อยของคลื่น3ใหญ่-ปรับลงจาก820จุดในเดือนเมษายน2553ลงมาเขต715จุดในเดือนพฤษภาคม2553
*คลื่นที่3ย่อยของคลื่น3ใหญ่-ขึ้นจากเขต715จุดหลังเหตุการณ์19พฤษภาคม2553มาพีคที่1056จุดในวันที่6มกราคม 2554
*คลื่นที่4ย่อยของคลื่น3ใหญ่-ตกจากวันที่6มกราคม2554 ลงมาต่ำสุดที่937ในวันที่11กุมภาพันธ์ 2554
*คลื่นที่5ย่อยของคลื่น3ใหญ่-เริ่มขึ้นจากหลังทำจุดต่ำสุดที่ 937 จุด เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ ขึ้นมาถึงปัจจุบัน และคาดว่าน่าจะมีจุดสูงใหม่(new high)เกินด่าน1056 โดยประเมินไว้ว่าน่าจะเป็นเขต1100 หรือ 1132จุด (กรณีดีที่สุดคือ1175จุด) และคาดว่าอาจขึ้นมาพีคขานี้ราววันที่ 7 หรืออาจเป็น 21 เมษายน 2554ที่จะถึงนี้ (แต่ผมประเมินอัพเดตว่าน่าจะเป็น21เมษามากกว่า7เมษา) จากนั้นเกิดการตกขนาดใหญ่ในคลื่น4ใหญ่ต่อไป
ชาร์ตที่3:เมื่อโฟกัสเข้ามาดูเฉพาะการขึ้นสู่คลื่นที่5ของตลาดรอบล่าสุดนี้อาจพิจารณาได้2อย่างคือ
-กรณีแรกนี้ แปลว่ากำลังวิ่งขึ้นสู่คลื่นที่5ย่อยของคลื่นที่5ของคลื่น3ใหญ่แล้ว กรณีนี้จะประเมินจุดพีคไว้แถว1085,1095-1105ไม่เกิน1130
ชาร์ตที่4:เป็นการโฟกัสเฉพาะคลื่นที่5ของคลื่น3ใหญ่เช่นกัน แต่ประเมินว่าตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของคลื่น3ของคลื่น5
โดยกรณีที่2นี้คือSETจะขึ้นมาพีคย่อยๆแถว1085-1105ก่อนแล้วตกปรับฐานลดความร้อนแรง จากนั้นจะวิ่งขึ้นอีกขาไปที่1130-1135เป็นอย่างน้อย หรือไปจบที่1175กรณีดีที่สุด
สรุป-ไม่ว่าจะอย่างไร ตอนนี้เรากำลังอยู่ในคลื่นที่5ซึ่งเป็นคลื่นสุดท้าย หรือขาสุดท้ายในการขึ้นรอบนี้ ที่เป็นคลื่น 3ใหญ่คร้บ โดยธรรมชาติของคลื่นที่ 5 นั้นมีลักษณะจำเพาะดังนี้
*หุ้นจะขึ้นแรง และขึ้นเร็ว ขึ้นไว หากผ่านยอดพีคเก่าของคลื่นที่ 3 หรือพูดง่ายๆหากช่วงนี้ผ่านด่านพีคเก่า1056ได้ จะเหวี่ยงrallyขึ้นไวมาก จึงยังต้องคาดว่าหากผ่านด่าน1056ก็อาจวิ่งขึ้นรวดเดียวไปจบในวันที่ 7 เมษายน หรืออย่างช้า21เมษายน
-กรณีจบในวันที่7เมษา เป้าหมายอาจเป็น1085หรือ1095จุด
-กรณีไปจบในวันที่21เมษา อาจไปแถว1130+/- หรือดีเกินคาดมากๆคือ1175จุด
*หุ้นที่ขึ้นในขานี้จะเป็นหุ้นที่มีค่าbetaหรืออัตราแรงเหวี่ยงที่สูงกว่าSETโดยเฉลี่ย เช่น พวก DEREVATIVE WARRANTหรือพวกWARRANT หรือหุ้นที่มีhigh betaสูงกว่าตลาด(พวกที่วิ่งดีกว่าSET) จะเป็นพระเอก
*จิตวิทยาของผู้ลงทุนจะเต็มไปด้วยพวกมองโลกแง่ดี(optimism) และหลายครั้งเข้าข่ายโลภมาก(greed)กล้าทุ่มทุนเข้าลุยซื้อหุ้นชนิดลืมตัวกลัวตาย เนื่องจากราคาหุ้นจะวิ่งแรงเร็วเปลี่ยนใจให้คนในตลาดไม่กลัวไฟ ไม่สนใจปัจจัยพื้นฐานใดๆ ราคาหุ้นมักจะสูงกว่าพื้นฐาน แต่คนก็ไม่ใส่ใจ และมักจะไปติดหุ้นในที่สูง(หลายวันทำการที่ผ่านมา รายย่อยเน้นขายมากกว่าซื้อ แสดงว่ายังไม่มาถึงขั้นโลภ)
II.ประเด็นที่ต้องพิจารณา ด่านแรกๆ1096-1102อาจพักยกเพราะover heat
ชาร์ตที่5:เป็นชาร์ตรายวันของSET ซึ่งก็มีทั้งประเด็นทางลบ และทางบวกที่ต้องพิจารณา
2.1ประเด็นทางบวก
-เป็นเรื่องของWAVEตามที่กล่าวมายืดยาวในข้อ1ครับ คือตอนนี้เราอยู่ในคลื่นที่ 5ย่อยของคลื่น3ใหญ่ ดังนั้นก็ต้องคาดว่า เมื่อตีด่าน1056ที่เป็นพีคเก่าแตกแล้วก็จะวิ่งขึ้นขาสุดท้ายของรอบนี้ โดยเป้าหมายขึ้นด่านแรกๆคือ1085 ถัดไป1096-1103 ถัดไป1130-1135 กรณีดีเกินคาดคือ1175จุด
-โครงสร้างราคา(price pattern)เป็นรูปแบบหัวและบ่าหงาย(head&shoulders bottom)ที่ผ่านมาได้ขึ้นผ่านด่านแนวต้านneck lineบริเวณ1056ซึ่งหากผ่านก็จะวิ่งขึ้นแรง มีเป้าหมายตั้งแต่1100หรือ1130หรือกระทั่ง1175จุด(ซึ่งไม่น่าตัดความเป็นไปได้ว่าอาจขึ้นไปถึง1175จุดออก เนื่องจากในโครงสร้างhead&shouldersนี้หากผ่านได้ ก็จะมีเป้าใหญ่ขึ้นไปถึง1175ได้)
-โครงสร้างราคาที่เป็นbasic technicalเป็นบวกคือ ในทางโครงสร้าง SETทำจุดสูงใหม่(new high)ขึ้นมา โดยล่าสุดขึ้นมาเขต1068จุด เทียบกับไฮเดิม1025จุด และพีคเก่า1056 และทำฐานสูงขึ้น เดิมทำไว้937จุดเมื่อ11กุมภาพันธ์ รอบต่อมามีฐานจุดlowบริเวณ977จุด ต่อมาทำฐานยกสูงขึ้นมาเป็นเขต 998 และล่าสุดทำฐานมาเขต1030
ก็ย่อมคาดหมายว่าเมื่อขึ้นnew highเกิน1056 ก็น่าจะขึ้นไปเป้าหมาย1ใน4คือ1085เป็นอย่างน้อย และมีโอกาสขึ้นไปเขต1ใน3คือบริเวณ1096-1103 หรือ2ใน3บริเวณ1130-1136 หรือกระทั่งขึ้นไปเต็ม100%หรือเท่าตัว บริเวณ1175ได้
ถือเป็นพื้นฐานทางเทคนิค(basic technical)ว่า นี่เป็นโครงสร้างของขาขึ้น(uptrend) ดังนั้นก็ควรทำนายว่ามีโอกาสขึ้นไปทำนิวไฮต่อเนื่อง
-MACDซึ่งเป็นสัญญาณรอบใหญ่ เกิดgolden crossหรือการตัดผ่านเส้นศูนย์ขึ้นมาเมื่อ 20 วันก่อนนี้ ปกติสัญญาณตัวนี้บ่งบอกว่าหากเกิดgolden crossก็จะขึ้นไปยาวอย่างน้อยเป็นเดือน บางทีก็3เดือน 6 เดือน กระทั่งเป็นปี แสดงว่าแนวโน้มระยะกลางถึงยาวดีมาก
-ไม่เกิดBearish divergenceกล่าวคือวานนี้SETขึ้นมาเขต1056จุด ปรากฎว่าRSIขึ้นมานิวไฮแถว74% เทียบกับตอนพีคเก่า1056 ตอนนั้นRSIอยู่แถว65% ก็สะท้อนว่าความแข็งแกร่งหรือเสถียรภาพของขาขึ้นรอบนี้เสถียรพอสมควร ไม่ใช่การขึ้น”หลอกๆ” แต่ขึ้นจริงๆ
-นักลงทุนต่างชาติเล่นทางซื้อสุทธิต่อเนื่อง เฉพาะ4วันทำการที่ผ่านมาก็ซื้อสุทธิมากเกือบ25,000ล้านบาท
ชาร์ตที่6:เป็นชาร์ตการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งตอนนี้มีสัญญาณซื้อ เป็นไปได้ว่าอาจยังซื้ออีกในระดับ2-4หมื่นล้านบาทจากปัจจุบัน น่าเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ
โดยทั่วไปการเข้าซื้อสุทธิต่อเนื่อง หรือขายสุทธิอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาตินั้นมีความสัมพันธ์ในดับ90%ที่จะกำหนดทิศทางตลาด(คือหากเล่นทางซื้อหุ้นก็มักขึ้น หากเน้นทางขายสุทธิต่อเนื่องก็มักจะตก จะตรงข้ามกับกองทุนในประเทศที่มีความสัมพันธ์ลักษณะนี้ไม่เกิน10%เท่านั้น)
2.2ประเด็นในทางลบ
-PARABOLICซึ่งเป็นสัญญาณราว1เดือนเกิดสัญญาณซื้อมาแล้ว34วันทำการ แสดงว่ายังมีroomให้ขึ้นก็ไม่เกินอีก5-10 วันทำการ นับจากนี้ (ดังนั้นก็อาจเป็นไปได้มากกว่าว่าSETอาจพีค หรืออย่างน้อยพักฐานรอบนี้ในราววันที่ 7 เมษายน หรือในสัปดาห์นี้ ยกเว้นดีเกินคาดผ่าน1080-1085ได้ก็จะไปต่อถึง21เมษายน)
ชาร์ตที่7-MODIFIED STOCHASTICS ล่าสุด %K ขึ้นไปแถว 95% โดยสถิติ หาก%Kขึ้นมาราวๆ95% ก็แสดงว่าเข้าโซนover heatแล้ว
ยกเว้นมีการขายปรับฐานสลับการขึ้น เป็นการลดoverheatไปในตัว เช่นหากชนด่าน1085 และ %K=95% ก็น่าจะเจอแรงขายสลับลดความร้อนแรง ไม่ใช่วิ่งขึ้นรวดเดียว (การขายลดover heatดังกล่าวนี้ก็อาจทำให้ขึ้นผ่านด่าน1085เพื่อไปเป้าหมาย1100-1130 หรือกระทั่ง1175ได้ต่อไป)
*กรณีSETไปไม่ผ่านด่าน1085หากตกปรับฐานลงมา อาจลงมาแค่1070+/-ก็ได้ หรือฐานใหญ่1056+/-ก็ได้ กรณีถอยลงไม่ต่ำกว่า1056คือการปรับฐาน จะน่าซื้อหรือถือหุ้นต่อ แต่หากปิดลึกกว่านี้อาจเป็นพีคแล้วลงต่อ
แต่การขึ้นในสภาพแวดล้อมover heatดังกล่าวนี้ก็คาดว่าจะมีแรงขายเพื่อปรับลดความร้อนแรงสลับเป็นระยะ ไม่ใช่วิ่งรวดเดียวไปเป้าหมายเลยแต่อย่างใด
*กลยุทธ์สำคัญ
1.ผู้ลงทุนระยะยาว จับตามองว่าเมื่อSETผ่านด่าน1056 และทำฐานเหนือ1056ได้มั่นคง ควรถือไปจนถึงเดือนกันยายน มีโอกาสขึ้นไป1260หรือ1500จุด รอขายทำกำไรรอบใหญ่ ในเดือน9
2.ผู้เล่นรอบใหญ่ จับตามองว่าเมื่อSETผ่านด่าน1056 และทำฐานเหนือเขตนี้ได้ ควรถือไปจนถึงวันที่ 7 หรือ 21 เมษายน ไปรอขายเขตตั้งแต่1085 เป็นอย่างน้อย หรือหากผ่านด่าน1085ได้ก็ไปลุ้นดานถัดไปแถว1100หรือ1130 หรือกระทั่ง1175จุด (เป็นวันไหนแน่จะอัพเดตให้ท่านสมาชิกทราบอย่างใกล้ชิด แต่เป็นไปได้มากกว่าว่าจะไปพีค21เมษายน)
3.ผู้เล่นเก็งกำไรรอบสั้น เมื่อSETผ่านด่าน1056 ควรถือไปจนถึงวันที่ 7 หรือ 21 เมษายน ไปรอขายเขตตั้งแต่1085 หรือ1130 หรือกระทั่ง1175จุด (เป็นวันไหนแน่จะอัพเดตให้ท่านสมาชิกทราบอย่างใกล้ชิด)
กรณีSETผ่านด่าน1056และอยากเก็งกำไรในขาสุดท้าย คลื่นที่ 5 ของคลื่น 3 ย่อยแนะนำให้เล่นเก็งกำไรหุ้นที่มีhigh beta เช่นพวก DIRIVATIVE WARRANTหรือWARRANT แต่เป็นการเก็งกำไรสั้นมากๆ คือพอผ่าน1056แน่ๆก็follow buyแล้วไปรอขายตอนSETขึ้นไป1100+/- หรือ1130หรือเต็มที่1175ในราว7หรือ21 เมษายน
III.ทำไมจึงประเมินว่ารอบนี้อาจพีคในวันที่7หรือ21เมษายน2554? และน่ามีโอกาสพีควันไหนมากกว่ากัน?
ชาร์ตที่5:ผมคิดจากTime zone หรือการวิเคราะห์ทางเทคนิคในด้านมิติเวลาครับ บนสมมุติฐานดังนี้
-หากเราประเมินในมิติด้านราคาด้วยFibonacci retracementได้แม่นยำ เราก็นำตัวเลขอนุกรมไฟโบนาชชี่ หรือตัวเลขมหัศจรรย์มาคำนวณหามิติด้านเวลาเช่นกัน
-รอบล่าสุดนี้ผมคำนวณจากวันพีคของปลายคลื่นที่1ใหญ่ของปี2552เชื่อมกับพีครอบล่าสุด1056จุดเมื่อ6มกราคม เมื่อคำนวณแล้วจะมีวันสำคัญในช่วงข้างหน้านี้คือ 7 เมษายน ถัดไป 21เมษายน ถัดไป24พฤษภาคม ถัดไป 24 มิถุนายน 8กรกฎาคม และ 7 ตุลาคม
ซึ่งผมคิดว่าบริเวณ1ใน3ของตัวเลขอนุกรมFibonacci ที่จะตกอยู่ในช่วงวันที่7หรือ21เมษายนน่าจะมีนัยสำคัญทางสถิติมากกว่า
-ประกอบกับการคาดการณ์ว่านี่เป็นการวิ่งขึ้นคลื่นสุดท้ายของคลื่น3ใหญ่ ที่มีเอกลักษณ์แรง เร็ว ไว ก็จึงให้นัยสำคัญทางสถิติไว้ที่เขต1ใน3มากที่สุด เขต1ใน3ที่ว่านี้อยู่ในราว7 หรือไม่ก็21เมษายน
-ประเด็นว่ามีโอกาสพีควันไหนที่สุด ก็คือพอๆกันครับ ขึ้นกับว่าบรรยากาศตลาดเป็นอย่างไร เช่นหากวันที่ 7 เมษายนขึ้นมาแถว1085แล้วมีการขายเพื่อลดover heatลงมา มีขายสลับพักความร้อนแรงเป็นระยะๆและขึ้นทำนิวไฮได้เรื่อยๆก็อาจไปจบ21เมษายน เขต1130-1175 แต่หากวิ่งรวดเดียวแบบร้อนแรงมากๆก็จะจบได้ตั้งแต่1085-1095 ในวันที่7เมษายนนี้
แต่หากพิจารณาจากทฤษฎีคลื่นแบบละเอียดตามที่กล่าวไปในข้อ1 มีโอกาสมากกว่าว่าจะเป็นบริเวณ38.2%fibonacci retracementที่คาดว่าจะเป็นวันพีค สรุปง่ายๆคือมมีโอกาสมากกว่าว่าอาจเป็น21เมษายนมากกว่า 7 เมษายน และโอกาสพีคมากอาจเป็นตั้งแต่1100-1130จุด
เพราะฉะนั้นก็เกาะติดใกล้ชิดหน่อย และจะแจ้งต่อไปว่าน่าจะพีควันไหนแน่ ตอนนี้ยังก้ำกึ่งครับ
ถามว่าแม่นหรือไม่ ?ในหนก่อนที่ผมฟันธงว่าSETจะพีคในราววันที่10-15ตุลาคม 2552นั้นแม่นมากครับ ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2552หุ้นตกไปร่วม100จุด ท่านสมาชิกของเราจะจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ดี
การคำนวณมิติด้านเวลานี้ไม่ใช่มั่วเอานะครับ แต่มีตรรกะ(logic)รองรับอย่างที่ผมได้อธิบายไปแล้ว หากท่านใดสนใจจริงจังเรื่องนี้ให้มาเรียน ผมนานๆจะเปิดสอนให้ที งวดหน้าวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายนครับ หากจริงจังเรื่องนี้ และอยากก้าวเกินใครให้มาเรียน
IV.SET50 ให้อิงSETเป็นหลักครับ ด่านแรก766-770อาจพักฐาน
กรอบแนวโน้มเคลื่อนไหววันนี้-ให้อิงดัชนีSETเป็นหลักดังนี้
-หากSETชนเขต1056 ผ่านขึ้นไป1085-1100 ตัวSET50จะขึ้นไป756หรือ766-770
-หากSETผ่าน1056ได้วิ่งขึ้นไป1105,1130,1175 ตัวSET50จะขึ้นไป770,790-795หรือ825จุด
กลยุทธ์
1.คนเล่นรอบสั้น เมื่อผ่านด่าน730-735 และหากเห็น modified stochasticsเริ่มเข้าเขตover boughtเมื่อ%Kขึ้นไปเขต95% เขต756,766-770 ก็น่าขายทำกำไรซักยก และรอช้อนซื้อคืนเขตแนวรับ750-755 หรือหากยืนเหนือเขต735
2.คนเล่นรอบใหญ่ หากยอมรับความผันผวนได้กือไปรอขายราวๆ 7เมษายน หรือช้าหน่อยหลังสงกรานต์ 21เมษายนลุ้นว่าผ่านด่านแรก 756-770 หรือถัดไป 790-795จุด (ทั้งนี้ต้องเห็นผ่าน756-770มั่นคงในระยะสัปดาห์จึงจะน่าถือหุ้นหากไม่ผ่านก็อาจขายทำรอบ)
***************
อบรมเข้มเรียนกราฟขั้นเทพ สอนคนให้เป็นเซียน 10เมษายน (หลักสูตรเอกลักษณ์มีที่นี่หลักสูตรเดียว)
-ฝึกปฏิบัติการเรื่องTime Zoneสอนที่นี่ที่เดียว เมื่อใดควรซื้อ เมื่อใดควรถือ การคำนวณหาจุดพีคและจุดbottomในเรื่องเวลา เหมาะกับท่านที่สนใจจริงจังว่าซื้อหุ้นแล้วควรถือนานเท่าใด กี่วัน กี่สัปดาห์ กี่เดือน กี่ปี มีสอนเฉพาะที่นี่ที่เดียว ผ่านการพิสูจน์มานานกว่า 10ปีว่าแม่นยำ
-เหมาะกับนักลงทุนและนักเก็งกำไรที่ต้องการหาจังหวะ/เวลาเข้าซื้อขายถูกต้องแม่นยำ ทำกำไรได้มากกว่าใครๆที่ไม่ได้เรียนหลักสูตรนี้
-สอบถามรายละเอียด บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร 02-9275800 หรือโทรมือถือ 087-717-8979 (คุณชัชฎา) 087-717-4979 (คุณสุเมธ), 087-717-4939 (คุณเมทิกา)
***********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น