วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คัมภีร์หุ้นไทย(28-31ตุลาคม2554):จากฟันธงรอบล่าสุดหุ้นจะตกจบเขต850+/- มาถึงวิกฤตน้ำท่วม”เอาอยู่”ด้วยCreative DestDestructionและคำตอบสำคัญจะขึ้นเท่าไหร่ เมื่อไหร่ และเอาไงดี?

ท่านต้องการข้อมูลที่เร็วทันการตัดสินใจ และเจาะลึกหุ้นเด่นรายตัวไหม?...


เนื่องจากบทความที่ผมนำมาลงให้อ่านในblogนี้

จะลงช้าไป 1 วัน หรือลงให้อ่านหลังสมาชิกของเรา และไม่มีคำแนะนำการลงทุนหุ้นเด่นรายตัว

ขอแนะนำพบประสบการณ์ที่เหนือกว่า ด้วยการสมัครสมาชิกเพื่อติดตามบทความนี้ แบบupdateก่อนใคร ในช่วงก่อนเปิดทำการภาคเช้า อ่านชาร์ตประกอบ และที่สำคัญฟันธงหุ้นเด่นรายตัว ราคาซื้อ-เป้าหมายขายทำกำไร ก่อนเปิดตลาดทุกเช้า ที่ http://www.tontancorp.com/

หรือรับหุ้นเด่น และSET50 พร้อมจุดซื้อจุดขาย ข่าวด่วนข่าวร้อนก่อนใครผ่านทางSMS แม่นยำ กำไร

สอบถามสมัครสมาชิก โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979

พิเศษสุดเ้มื่อสมัครสมาชิกแล้ว แลกรับสิทธิเข้าฝึกอบรมการเป็นนักลงทุนมืออาชีพกับโปรแกรมต่างๆดังต่อไปนี้(เจอกันหลังพ้นวิกฤตน้ำท่วม)

-หลักสูตรมือใหม่เล่นหุ้นให้รวย สอนแมงเม่าให้เป็นเซียน
-หลักสูตรจัดการบริหารพอร์ตแบบมืออาชีพ ไม่เป็นมวยวัด
-หลักสูตรกราฟเทคนิคสำหรับมือใหม่และผู้เริ่มต้น
-หลักสูตรกราฟเทคนิคขั้่นเทพ สอนคนให้เป็นเซียน
-หลักสูตรเก็งกำไรTFEXและสินค้าโภคภัณฑ์ อัตราแลกเปลี่ยนด้วยกราฟระดับนาที


โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์
ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

***หมายเหตุ:บทความนี้จะลงช้าไป 1 วัน หรือลงให้อ่านหลังสมาชิกของเรา และไม่มีคำแนะนำการลงทุนหุ้นเด่นรายตัว สมัครสมาชิกเพื่อติดตามบทความนี้แบบupdateก่อนใคร ในช่วงก่อนเปิดทำการภาคเช้า อ่านชาร์ตประกอบ และฟันธงหุ้นเด่นรายตัว ก่อนเปิดตลาดทุกเช้า ที่ http://www.tontancorp.com/ หรือรับหุ้นเด่น และSET50 พร้อมจุดซื้อจุดขาย ข่าวด่วนข่าวร้อนก่อนใครผ่านทางSMS แม่นยำ กำไร สอบถามสมัครสมาชิก โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979

ข้อสรุปสำคัญ-วันนี้ผมขอฉายภาพใหญ่เป็นการทบทวนบทวิเคราะห์สำคัญๆที่ผมทำไว้ในรอบล่าสุดนี้หน่อย และถือโอกาสอัพเดต ทั้งนี้ไม่ได้ต้องการจะคุยโม้ว่าผมแม่นหรือ”ว่าแล้วไม่เชื่อ”อะไรนะครับ แต่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อท่านสมาชิกจะได้อัพเดตสถานการณ์และบริหารจัดการพอร์ตลงทึนได้ถูกต้องแม่นยำ เพื่อลดความเสี่ยง เลี่ยงขาดทุน ทวีคูณกำไรดังปณิธานของผม


I.ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นล่าสุด วิกฤตยุโรป,หุ้นดาวโจนส์นำขึ้นรอบใหม่,เงินเข้า,น้ำมันพุ่ง ด้วยชาร์ตที่Updateล่าสุด

ความจริงปัจจัยต่างๆเหล่านี้ผมเขียนมาให้อ่านตอนที่ตลาดหุ้นเราร่วงลงไปเขต 850 จุดนะครับว่า มันเต็มที่แล้วและกำลังจะถึงจุดกลับตัว(Turning point)มาเป็นทางบวก เลยขอทวนให้ดูอีกหน่อย

1.1วิกฤตหนี้ยุโรปและตลาดหุ้นโลก และการกลับตัวของแนวโน้มหุ้นโลกล่าสุด

-ตอนที่ตลาดหุ้นยุโรปทรุดหนัก ฉุดหุ้นทั่วโลกลงตาม หุ้นไทยลงไปลึกสุด843จุด ราคาหุ้นในพอร์ตของแต่ละท่านร่วงโลกาวินาศ(หากไม่ยอมตัดขาดทุนตามที่เคยแนะนำรอบก่อนว่าหากSETหลุด1010จุดลงไป จะลงไปราวๆ850จุด+/- คงจะจำกันได้)ผมได้นำบทวิเคราะห์โมเดลการทำลายเชิงสร้างสรรค์( Creative destruction market)มาอธิบาย และชี้ว่าหุ้นไทยไม่ได้ลงหนักเท่ากับยุโรป หรือฮ่องกง แต่เราลงมาพอๆกับดาวโจนส์ หรือตลาดหุ้นTIP-Thailand, Indonesia, Philippines(ตอนนั้นบางท่านยังถามผมว่าเขียนปลอบใจหรือเปล่า ตอนนี้คงมีคำตอบว่าไม่ใช่ ผมเขียนแลเวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าจริงๆครับ)

ชาร์ตที่1:ดัชนีDAXตลาดหุ้นเยอรมัน ซึ่งผมเคยชี้ว่าตกลงไปเขตแนวรับด่านสุดท้ายหรือเขต2ใน3หากวัดจากพีค7600และฐาน3588จุด)=4926จุด ผลคือลงมาจริงๆ=4973จุด แล้วก็เริ่มฟื้นขึ้นล่าสุดเมื่อคืนนี้มาปิดที่6337จุด

ตอนนั้นผมประเมินว่าลงแค่เขต2ใน3=4926จะจบ เพราะเกิดสัญญาณBullish divergenceในเครื่องมือRSI


ชาร์ตที่2:และเมื่อนำโมเดลการทำลายเชิงสร้างสรรค์( Creative destruction market)มาอธิบายวิกฤตการณ์หนี้ยุโรป ผมคิดว่าจบช่วงที่1คือpanic sellด้วยความกังวลในทางร้ายๆไปแล้ว กำลังเข้าสู่ช่วง2คือซึมตัวออกด้านข้างเพื่อรอข่าวชัดเจนเรื่องEUจะโอบอุ้ม และพอชัดเจนแล้วก็จะเข้าสู่ช่วงที่3คือขึ้น และตามสถิตืก็ต้องมีนิวไฮ ก็ต้องลุ้นกันต่อไปว่าเป็นไปตามโมเดลนี้ไหมนะครับ

ชาร์ตที่3:ดาวโจนส์ ซึ่งผมได้ให้ข้อสังเกตว่าไม่ตกหนักลงไปถึงด่านสุดท้ายเหมือนหุ้นยุโรป เพราะเป็นเพียงการตกตามยุโรป โดยลงมาเขต1ใน3=14060จุด ผลคือลงมาจริงๆ10404จุดแล้วเกิดBullish divergenceแล้วเข้าช่วงที่2ตามโมเดลการทำลายเชิงสร้างสรรค์( Creative destruction market) และตอนนี้เข้าช่วงที่3แล้ว ตามสถิติก็ต้องไปทำนิวไฮเกินเขต13000ที่เคยทำไว้(แต่ไม่ใช่วันสองวันนะครับต้องเป็นเดือนหรืออีกหลายเดือน)

ชาร์ตที่4หุ้นไทย:ในเวลานั้นคนตระหนกกันมาก พูดกันว่าจะลงไป500-600จุดแล้วก็ขวัญเสียกันมาก ผมเลยเทียบให้ดูว่าไม่ใช่หรอกครับ หากหุ้นไทยเราจะตกไปเขตสุดท้าย2ใน3เหมือนหุ้นยุโรปหรือฮ่องกง ตอนนั้นSETก็ต้องร่วงลงไปที่636หรือ675จุดไปแล้ว

แต่เพราะว่าของไทยเราจะตกแบบดาวโจนส์คือลงมาด่านแรกเขต1ใน3=850จุด+/-แล้วจะฟื้นมากกว่า ผลคือของจริงร่วงลงมาลึกสุดที่843แล้วฟื้น แต่ของเราแย่ตรงที่มาเจอวิกฤตน้ำท่วมซ้ำเข้าไปอีก(ซึ่งผมก็ได้นำโมเดลทำลายเชิงสร้างสรรคฺมาอธิบายเช่นกัน) อย่างไรก็ดีหากในสัปดาห์นี้ดัชนีSETเราขึ้นผ่านแนวต้านDowntrendเขต970จุดได้ ก็จะยืนยันคอนเฟิร์มครับว่าที่เป็นขาลงตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้นถือว่าbottom outไปแล้ว ต่อไปก็จะเป็นแนวโน้มขึ้น คือเข้าช่วงที่3เหมือนตลาดหุ้นอื่นๆในโลกเขา

1.2ปัจจัยหนุนหุ้นไทยคือเงินไหลเข้าและน้ำมันแพง หนุนหุ้นใหญ่ในกลุ่มน้ำมัน เคมี

ชาร์ตที่5ค่าเงินบาท:ปัจจัยสำคัญที่ผมเคยคาดและเขียนไว้ว่าจะหนุนหุ้นไทยฟื้นอันแรกคือฝรั่งจะหยุดขายหุ้นและจะกลับมาซื้อหุ้นใหม่ โดยให้ดูที่ค่าเงินบาทเป็นหลัก

ค่าเงินบาทกับตลาดหุ้นมีความสัมพันธ์กันดังนี้

*หากค่าเงินบาทแข็ง แปลว่าเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาซื้อหุ้น ดังนั้นหุ้นขึ่น
*หากค่าเงินบาทอ่อน แปลว่าเงินทุนต่างประเทศไหลออกจากการขายหุ่น ดังนั่นหุ้นตก


ที่ผ่านมาตอนค่าบาทอ่อนลงไปทำรูปแบบDouble top31.26บาท/ดอลลาร์ และใกล้แนวต้านใหญ่ผมจึงให้สังเกตไว้ว่าต่อไปอาจเห็นค่าเงินบาทอ่อนลงมาเขต30.63บาท เราจะได้เห็นฝรั่งกลับมาซื้อหุ้น(ตอนนั้นก็มีบางท่านถามว่ามันไม่มีเหตุอะไรให้ฝรั่งกลับมาซื้อหุ้น ตอนนี้ท่านคงเจอเหตุแล้วคือความกังวลเรื่องหนี้ยุโรปคลายตัว แต่เงินทุนฝรั่งก็ไหลออกมาซื้อหุ้นเอเชียดีกว่า) ล่าสุดค่าเงินบาทแข็งมาเขต30.50

เท่าที่ดูจากชาร์ตผมว่าอาจแข็งต่อไปเขต30.20+/-ได้ แปลว่าฝรั่งยังจะซื้อหุ้นไทยต่อไปครับ


ชาร์ตที่6เป็นยอดซื้อขายสุทธิของฝรั่งในตลาดหุ้นไทย:ที่ผ่านมาผมชี้ว่าขายลงมาทำรูปแบบdouble bottomแล้วจะกลับมาซื้อ ตอนนี้ซื้อสุทธิจนผ่านด่านแรกแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าจะซื้อต่ออีกมากพอสมควร อาจราวๆ15,000ล้านบาทโดยประมาณ

ชาร์ตที่7ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าWTIในตลาดโลก:ที่ผ่านมาตอนที่SETตกแรงลงไปเขต843 หุ้นน้ำมันเครือPTTและเคมีตกหนักมากทั้งPTT PTTEP TOP PTTGC ESSO IRPC ก็เนื่องจากว่าหุ้นเหล่านี้เป็นหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ จะผันผวนตามการขึ่นลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก(ผมจึงย้ำกับนักลงทุนที่ชอบถามผมว่า”ซื้อPTTและหุ่นในเครือถือยาวๆไปเลยได้ไหม?ว่า”ไม่ได้” เพราะมีนขึ่นลงผันผวนกับราคาน้ำมัน หากจะเล่นหุ้นพวกนี้ต้องหาจังหวะซื้อให้เป็น หาจังหวัขายให้ถูก เพราะหากซื้อผิดทาง ขายผิดเวลานี่ถึงเจ๊งเลยนะครับ)

ที่ผ่านมาผมฟันธงว่าน้ำมันดิบโลกจะลงไปเขต75-77$แล้วจะลงจบเพราะเป็นแนวรับด่านสุดท้ายเขต2ใ3 ดังนั่นเวลานั้นผมจึงแนะนำว่าหากใครติดหุ่นพวกนี้ไว้อย่าขาย และน่าซื้อเฉลี่ย หรือช้อนซื้อเก็งกำไร

เหตุก็เพราะว่าน้ำมันโลกจะตกจบแถวนั่นแล้วจะฟื้น ด่านแรก83$หากผ่านจะไปด่านสอง
เขต96$ส่วนระยะต่อไปเขต110-115$

ดังนั้นท่านจะพบว่าหุ้นพวกนี้ก็ฟื้นขึ่นตามราคาน้ำมันดังที่ผมเคยฟันธงไว้ ปัญหาเวลานี้คือใกล้ต่านด่าน96.5$ก็อาจเป็นได้ที่จะพักฐานหน่อย หุ้นพวกนี้ก็อาจพักยกการขึ่นไปด้วย เว้นแต่ตีทะลุด่านนี้วิ่งอ้าวขึ่นไป110-115$อันนั่นก็จะ”ยาวเลยพี่”(แต่ผมคิดว่าน่าต้องพักตัวเขตนี้ก่อนมากกว่านะครับ)

II.วิตกวิกฤตน้ำท่วมกรุงกับผลกระทบต่อตลาดหุ้น 3 ระยะ และกลุ่มที่มีผลกระทบได้เสีย?


อันนี้ผมขอนำบทความที่เขียนไว้ให้อ่านนะครับ

*บทวิเคราะห์โมเดลการทำลายเชิงสร้างสรรค์( Creative destruction market) ต่อตลาดหุ้นในวิกฤตน้ำท่วม

-ผ่านระยะที่1 ความเครียดความกังวลและความวิตกเรื่องน้ำจะท่วมกรุงเทพฯเข้าระยะที่2? ท่ามกลางความไม่ชัดเจนว่าจะท่วมหรือไม่ท่วม ท่วมน้อยหรือมาก ท่วมนานหรือสั้นในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้คนกรุงเทพฯเกิดPanicไปทั่ว สังเกตจากการแห่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภถคกักตุน จนขาดตลาด การนำรถยนต์หนีน้ำขึ้นไปจอดบนทางยกระดับ ทางด่วน หรือสะพานต่างๆ เรื่องนี้ก็สะท้อนมาที่ตลาดหุ้นเช่นกัน

-แต่ล่าสุดรัฐบาลได้ยอมรับแล้วว่าคงท่วมกรุงเทพฯแน่ บางโซนอาจท่วม1-1.5เมตร ขณะที่จะป้องกันสถานที่สำคัญ และย่านใจกลางธุรกิจให้พ้นจากน้ำท่วม รวมทั้งเปิดทำการตลาดหุ้นละธนาคารตามปกติ ขณะที่ได้หยุดราชการ27-31ต.ค.ที่คาดว่าจะเป็นช่วงน้ำเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ

ชาร์ตที่9:Creative destruction marketที่ผมนำมาให้ดูบ่อยๆว่าเวลาเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นออกเป็น 3 ช่วง

*ช่วงแรกPanic sellหรือตกตื่นขาย เพราะเครียด กังวล คาดการณ์ในทางร้ายว่าจะส่งผลเสียหายมาก แต่ยังไม่เคลียร์…ผมคิดว่าตลาดหุ้นกับน้ำท่วมได้ผ่านช่วงนี้มาในช่วงสัปดาห์ก่อนนี้แล้ว

*ช่วงที่2หลังหายpanicแล้วก็จะซึมรอเหตุการณ์ที่ชัดเจนว่าจะเป็นแบบใดแน่ ระหว่างนั้นคนก็จะเริ่มแยกแยะว่าใครได้ใครเสียจากวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยซื้อขายกัน ทำให้ตลาดซึม วอลุมบางหดตัว คนจะเบื่อๆตลาด คนที่สิ้นหวังก็อยากขาย …ผมคิดว่าตลาดหุ้นไทยอยู่ในระยะนี้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้มาจนเวลานี้

*ช่วงที่3เกิดเหตุการณ์ชัดเจนแล้ว เช่น ท่วมแน่ๆแล้ว หรือไม่ท่วมแน่ๆ ไม่ว่าอย่างไรตลาดหุ้นก็จะขึ้น เพราะได้ซึมซับเอาปัจจัยลบไว้ในช่วงที่1ไปหมดแล้ว…ผมคิดว่าตลาดหุ้นไทยอาจเริ่มเข้าสู่ช่วงระยะนี้เมื่อรัฐบาลประกาศเตือนภัยชัดเจนและสั่งหยุดราชการ27-31ต.ค. คนพอมองเห็นชัดเจนแล้วว่าการณ์จะไปทางไหน

กลยุทธ์วิกฤตน้ำท่วม-ก็ทำเหมือนทุกวิกฤตนั่นแหละครับคือ

*ในช่วงที่1ที่คนเขาวิตกกังวลเทขายด้วยความตกตื่น ท่านไม่ควรไปสวนทาง หรือไปเถียงเขา ปล่อยให้ขายซะให้พอ (ผมคิดว่าช่วงนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในสัปดาห์ก่อนตอนตกจากเขต973ลงมาที่902จุด)

*ในช่วงที่2 ซึ่งตลาดจะซึมๆรอข่าวที่ชัดเจน วอลุมจะหดหาย บรรยากาศซื้อขายน่าเบื่อ ซึมกระทือ หรือแกว่งตัวในกรอบจำกัด รอข่าวชัดเจน(ตอนนี้ที่รอกันคือตอนช่วง27-31ต.ค.น่าจะเจอท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯซะที) นี่เป็นจังหวะดีโอกาสทองที่ท่านจะได้ซื้อของถูก และอย่าไปหมดใจเบื่อขายในช่วงนี้เป็นพอ

*ในช่วงที่3เมื่อเกิดความชัดเจนหายคลุมเครือ ขนาดน้ำท่วมกรุงเทพฯจมเป็นเมืองบาดาล หุ้นมันก็จะขึ้นเพราะหายกังวลแล้ว เพราะเรื่องร้ายๆเกิดแล้วตามที่กลัวกัน ราคาก็ตกไปในช่วงแรกแล้ว หุ้นจะขึ้น หากท่านเอาชัวร์ก็รอข่าวชัดๆแล้วซื้อซะ หรือ หากซื้อไว้ในช่วง2ก็รอขาย ปกติจะทำนิวไฮ(รอบล่าสุดมียอดไฮ973 หากชัดเจนก็จะขึ้นนิวไฮในรอบหน้า อาจเป็นเขต1000+/-)

หากจะถามว่าไม่กลัวหรือว่าจะท่วมยาว ส่งผลเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล คำตอบคือคนกลัวกันและขายออกมาในช่วงที่1ไปแล้วครับ ตลาดได้ซึมซับเอาข่าวร้ายๆนั้นไปมากเพียงพอแล้ว

III.กลุ่มไหนได้หรือเสีย

เสีย-พวกนิคมอุตสาหกรรม อย่างROJNA NNCL

อาจรวมไปถึงผลเสียทางจิตวิทยาต่อกลุ่มแบงก์ที่ต้องปรับโครงสนร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลเสียหาย(สังเกตจากช่วงที่ผ่านมาแบงก์ลงหนัก แต่ผมคิดว่าหากเจอไฟต์บังคับก็คงหนีไม่พ้นแบงก์รัฐบาลอย่างKTB หรือพวก ธอส. ธกส.ครับ)

นอกจากนั้นก็เป็นพวกกลุ่มบ้านจัดสรรที่คงหาคนซื้อไม่ได้ หรือขึ้นโครงการมาก็แย่ ต้องไปพิจารณาเป็นรายตัวไป แต่รวมๆพวกบ้านจัดสรรคงอ่วมจากน้ำท่วมแน่(ลองอ่านตามลิ้งค์นี้ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1319533579&grpid=09&catid=&subcatid= เจ้าของโครงการที่จะโดนผลกระทบก็เช่น SIRI QH SPALI PS MK PF LH)

รวมถึงกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนที่ต้องเจอพิษน้ำท่วม

ดี-พวกได้อานิสงส์ในตลาดดูจะมากกว่า ทั้งกลุ่มอุปโภคบริโภคที่คนแห่ตุนอย่างห้างBIGC MAKRO ROBINS CPALLพวกอาหารอย่างCPF TF พวกวัสดุก่อสร้างและสินค้าเกี่ยวกับบ้านอย่างTASCO SCC SCCC TPIPL HMPRO GLOBAL DCC หรือพวกสื่อสารที่คนต้องดูหรือใช้มากกว่าปกติอย่างBEC MCOT ADVANC DTAC TRUE

III.เป้าตกปรับฐาน และการทรงตัวในระยะที่2ของทฤษฎีสร้างสรรค์เชิงทำลาย และการขึ้นช่วงที่3แล้วทำนิวไฮเกิน1148? เมื่อไหร่?


ชาร์ตที่10:รอบที่ผ่านมาตลาดหุ้นเราได้รับผลกระทบวิกฤตหนี้ในยุโรปเลยร่วงลงมาเขต843หรือเขต1ใน3ของโครงสร้างใหญ่(วัดจากพีค1148เมื่อต้นเดือนสิงหาคม กับฐาน380เมื่อเดือนพฤศจิกายน2551)แล้วฟื้น แต่ตอนนี้ต้องลุ้นว่าขึ้นมาจะผ่านแนวต้านDowntrend ซึ่งสัปดาห์นี้(25-28)อยู่เขต970 ส่วนสัปดาห์หน้าลดลงมาแถว955จุดหรือไม่

เพราะหากไม่ผ่านจะโดนลงไปหนักๆ แต่หากผ่านก็จะคอนเฟิร์มจบขาลงเบ็ดเสร็จ(bottom out)


ชาร์ตที่11:ชาร์ตรายวัน ข้อดีคือว่าการปรับฐานลงมาเขต902จุดในเที่ยวล่าสุดนี้เป็นการทำฐานยกสูงขึ่นหากเทียบกับโลว์ก่อนที่843 ตามทฤษฎีDOW หรือDOW THEORYนี่ก็คือสัญญาณการกลับตัว(reversal pattern)ที่สำคัญมากๆแสดงว่าจะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากขาลงไปเป็นขาขึ่น หรือแกว่งตัวขึ่น อย่างน้อยจะมีนิวไฮเกืนกว่าไฮรอบล่าสุดที่ทำไว้973จุด ดังนี้

-เป้าหมายแรกจะไปทดสอบแนวต้านdowntrendใหญ่เขต985หรือปิดGapบนที่เคยเปืดไว้990
-หากผ่านเป้าแรกจะไปด่านถัดไป995-1000
-ด่านที่สามบริเวณ1030-1045
-ด่านสี่คือพีคเก่า1148
-ด่านห้าคือขึ้นไปนิวไฮที่1250+/-(เวลานี้ฟังดูเหลือเชื่อ แต่หากอิงทฤษฎีทำลายเชิงสร้างสรรค์ก็คือหลังวิกฤตจบแล้วหุ้นจะขึ้นทำนิวไฮตลอดนะครับ)


ถามว่าเมื่อไหร่ ให้กลับไปอ่านบทความที่ผมเขียนไว้2-3สัปดาห์ก่อน(ก่อนจะกลัวเรื่องน้ำท่วมกัน)คือราวๆปีใหม่หรือตรุษจีนปีหน้าครับ

กลยุทธ์-ท่านที่เล่นรอบและซื้อหุ้นไว้ตามแนะนำก็ถือทดสอบด่านต่างๆครับ(หุ้นเด่นรายตัวขอให้ท่านสมาชิกอ่านในคอลัมน์บทความกระทิงทองส่องหุ้นที่ผมเขียนไว้ในtontancorp.com) ส่วนท่านที่เล่นเป็นรอบสั่น เข้าออกตามด่านต่างๆผมจะอัพเดตให้เป็นระยะๆ อย่างเช่นวันนี้หรือช่วงนี้ก็ดูด่าน970ผ่านไหม หากผ่านก็ลุ่นต่อด่าน985-990ผ่านไหม หากไม่ผ่านก็ขาย รออ่อนลง970-955ซื้อคืน แต่หากมันผ่านท่านก็ถือต่อไป


ชาร์ตที่12:SET50 หากคำนวณจากฐานรอบล่าสุด 571 และพีครอบก่อนที่806 จะมีเป้าหมายขึ้นดังนี้

-ด่านแรกเขต1ใน3=650-660ซึ่งผ่านมาแล้ว
-ด่านสองเป็นแนวต้านDowntrend=678 เท่ากับจุดไฮเมื่อวานนี้
-ด่านสามหากผ่านด่านสองจะไป689
-หากผ่านจะไปด่าน716-727จุด
-ด่านห้าคือพีคเก่า806และหากมีนิวไฮก็จะไปเขต850


ดังนั้นสัปดาห์นี้สำหรับคนเทรดดิ้งระยะสั้นอาจต้องอิงในกรอบที่1ที่กล่าวไปข้างต้น วันนี้ก็แนวรับเขต676ต้านแรก682แต่หากผป่าน682ได้ ก็ปรับฐานขึ้นมาเป็นเขตแนวรับตรงนี้ แนวต้านเป็น689

ท่านต้องการข้อมูลที่เร็วทันการตัดสินใจ และเจาะลึกหุ้นเด่นรายตัวไหม?...:บทความนี้จะลงช้าไป 1 วัน หรือลงให้อ่านหลังสมาชิกของเรา และไม่มีคำแนะนำการลงทุนหุ้นเด่นรายตัว สมัครสมาชิกเพื่อติดตามบทความนี้แบบupdateก่อนใคร ในช่วงก่อนเปิดทำการภาคเช้า อ่านชาร์ตประกอบ และฟันธงหุ้นเด่นรายตัว ก่อนเปิดตลาดทุกเช้า ที่ http://www.tontancorp.com/ หรือรับหุ้นเด่น และSET50 พร้อมจุดซื้อจุดขาย ข่าวด่วนข่าวร้อนก่อนใครผ่านทางSMS แม่นยำ กำไร สอบถามสมัครสมาชิก โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คัมภีร์หุ้นไทย(27-28ตุลาคม2554):Updateทฤษฎีทำลายเชิงสร้างสรรค์(Creative Detruction)กับวิกฤตน้ำท่วมกรุงเทพฯ ตอนนี้อยู่ระยะไหนและต้องทำตัวอย่างไรพอร์ตจึงจะไม่ล่มจมไปกับสายน้ำ



โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์

ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

บทความนี้จะล่าช้ากว่าที่ส่งให้สมาชิกอ่าน และไม่มีแนะนำหุ้นเด่น สำหรับหุ้นเด่นรายตัว แนะนำท่านสมาชิกอ่านที่www.tintancorp.comครับ

***หมายเหตุ:บทความนี้จะลงช้าไป 1 วัน หรือลงให้อ่านหลังสมาชิกของเรา และไม่มีคำแนะนำการลงทุนหุ้นเด่นรายตัว สมัครสมาชิกเพื่อติดตามบทความนี้แบบupdateก่อนใคร ในช่วงก่อนเปิดทำการภาคเช้า อ่านชาร์ตประกอบ และฟันธงหุ้นเด่นรายตัว ก่อนเปิดตลาดทุกเช้า ที่ http://www.tontancorp.com/ หรือรับหุ้นเด่น และSET50 พร้อมจุดซื้อจุดขาย ข่าวด่วนข่าวร้อนก่อนใครผ่านทางSMS แม่นยำ กำไร สอบถามสมัครสมาชิก โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979

ข้อสรุปสำคัญ-เมื่อนำทฤษฎีทำลายเชิงสร้างสรรค์(Creative Detruction)มาคาดการณ์ทิศทางตลาดหุ้นกับวิกฤตน้ำท่วมกรุงเทพฯ ผมคิดว่าตอนนี้อยู่ระยะ2คือซึมรอเหตุการณ์ และอาจเริ่มเข้าสู่ช่วง3เมื่อเกิดความชัดเจนว่าน้ำท่วมแน่ๆ ก็คือหุ้นจะขึ้นหลังจากเคลียร์ข่าวร้ายที่เครียดกังวลก่อนหน้านี้

ข้อพิจารณาคือหากสัปดาห์นี้SETปิดภายในวันศุกร์นี้เกิน955จุด(หรือให้ดีเกิน970จุดไปเลย) และSET50ปิดเกิน660(หรือให้ดีปิดเกิน670ไปปเลย)ก็จะเข้าสู่ช่วงที่3อย่างสมบูรณ์คือขึ้นและพร้อมทำนิวไฮ

นี่จะเป็นเรื่องประหลาดใจแน่ แต่สำหรับท่านที่เคยอ่านงานของผมมาตลอดในเรื่อง Creative Detruction กับตลาดหุ้นจะไม่ประหลาดใจเลย และอาจเป็นจังหวะที่ดีในการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการลงทุน


I.วิตกวิกฤตน้ำท่วมกรุงกับผลกระทบต่อตลาดหุ้น 3 ระยะ และกลุ่มที่มีผลกระทบได้เสีย?


*บทวิเคราะห์โมเดลการทำลายเชิงสร้างสรรค์( Creative destruction market) ต่อตลาดหุ้นในวิกฤตน้ำท่วม

-ผ่านระยะที่1 ความเครียดความกังวลและความวิตกเรื่องน้ำจะท่วมกรุงเทพฯเข้าระยะที่2? ท่ามกลางความไม่ชัดเจนว่าจะท่วมหรือไม่ท่วม ท่วมน้อยหรือมาก ท่วมนานหรือสั้นในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้คนกรุงเทพฯเกิดPanicไปทั่ว สังเกตจากการแห่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภถคกักตุน จนขาดตลาด การนำรถยนต์หนีน้ำขึ้นไปจอดบนทางยกระดับ ทางด่วน หรือสะพานต่างๆ เรื่องนี้ก็สะท้อนมาที่ตลาดหุ้นเช่นกัน

-แต่ล่าสุดรัฐบาลได้ยอมรับแล้วว่าคงท่วมกรุงเทพฯแน่ บางโซนอาจท่วม1-1.5เมตร ขณะที่จะป้องกันสถานที่สำคัญ และย่านใจกลางธุรกิจให้พ้นจากน้ำท่วม รวมทั้งเปิดทำการตลาดหุ้นละธนาคารตามปกติ ขณะที่ได้หยุดราชการ27-31ต.ค.ที่คาดว่าจะเป็นช่วงน้ำเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ

ชาร์ตที่1:Creative destruction marketที่ผมนำมาให้ดูบ่อยๆว่าเวลาเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นออกเป็น 3 ช่วง

*ช่วงแรกPanic sellหรือตกตื่นขาย เพราะเครียด กังวล คาดการณ์ในทางร้ายว่าจะส่งผลเสียหายมาก แต่ยังไม่เคลียร์…ผมคิดว่าตลาดหุ้นกับน้ำท่วมได้ผ่านช่วงนี้มาในช่วงสัปดาห์ก่อนนี้แล้ว

*ช่วงที่2หลังหายpanicแล้วก็จะซึมรอเหตุการณ์ที่ชัดเจนว่าจะเป็นแบบใดแน่ ระหว่างนั้นคนก็จะเริ่มแยกแยะว่าใครได้ใครเสียจากวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยซื้อขายกัน ทำให้ตลาดซึม วอลุมบางหดตัว คนจะเบื่อๆตลาด คนที่สิ้นหวังก็อยากขาย …ผมคิดว่าตลาดหุ้นไทยอยู่ในระยะนี้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้มาจนเวลานี้

*ช่วงที่3เกิดเหตุการณ์ชัดเจนแล้ว เช่น ท่วมแน่ๆแล้ว หรือไม่ท่วมแน่ๆ ไม่ว่าอย่างไรตลาดหุ้นก็จะขึ้น เพราะได้ซึมซับเอาปัจจัยลบไว้ในช่วงที่1ไปหมดแล้ว…ผมคิดว่าตลาดหุ้นไทยอาจเริ่มเข้าสู่ช่วงระยะนี้เมื่อรัฐบาลประกาศเตือนภัยชัดเจนและสั่งหยุดราชการ27-31ต.ค. คนพอมองเห็นชัดเจนแล้วว่าการณ์จะไปทางไหน

กลยุทธ์วิกฤตน้ำท่วม-ก็ทำเหมือนทุกวิกฤตนั่นแหละครับคือ

*ในช่วงที่1ที่คนเขาวิตกกังวลเทขายด้วยความตกตื่น ท่านไม่ควรไปสวนทาง หรือไปเถียงเขา ปล่อยให้ขายซะให้พอ (ผมคิดว่าช่วงนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในสัปดาห์ก่อนตอนตกจากเขต973ลงมาที่902จุด)

*ในช่วงที่2 ซึ่งตลาดจะซึมๆรอข่าวที่ชัดเจน วอลุมจะหดหาย บรรยากาศซื้อขายน่าเบื่อ ซึมกระทือ หรือแกว่งตัวในกรอบจำกัด รอข่าวชัดเจน(ตอนนี้ที่รอกันคือตอนช่วง27-31ต.ค.น่าจะเจอท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯซะที) นี่เป็นจังหวะดีโอกาสทองที่ท่านจะได้ซื้อของถูก และอย่าไปหมดใจเบื่อขายในช่วงนี้เป็นพอ

*ในช่วงที่3เมื่อเกิดความชัดเจนหายคลุมเครือ ขนาดน้ำท่วมกรุงเทพฯจมเป็นเมืองบาดาล หุ้นมันก็จะขึ้นเพราะหายกังวลแล้ว เพราะเรื่องร้ายๆเกิดแล้วตามที่กลัวกัน ราคาก็ตกไปในช่วงแรกแล้ว หุ้นจะขึ้น หากท่านเอาชัวร์ก็รอข่าวชัดๆแล้วซื้อซะ หรือ หากซื้อไว้ในช่วง2ก็รอขาย ปกติจะทำนิวไฮ(รอบล่าสุดมียอดไฮ973 หากชัดเจนก็จะขึ้นนิวไฮในรอบหน้า อาจเป็นเขต1000+/-)

หากจะถามว่าไม่กลัวหรือว่าจะท่วมยาว ส่งผลเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล คำตอบคือคนกลัวกันและขายออกมาในช่วงที่1ไปแล้วครับ ตลาดได้ซึมซับเอาข่าวร้ายๆนั้นไปมากเพียงพอแล้ว


II.กลุ่มไหนได้หรือเสีย

เสีย-พวกนิคมอุตสาหกรรม อย่างROJNA NNCL

อาจรวมไปถึงผลเสียทางจิตวิทยาต่อกลุ่มแบงก์ที่ต้องปรับโครงสนร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลเสียหาย(สังเกตจากช่วงที่ผ่านมาแบงก์ลงหนัก แต่ผมคิดว่าหากเจอไฟต์บังคับก็คงหนีไม่พ้นแบงก์รัฐบาลอย่างKTB หรือพวก ธอส. ธกส.ครับ)

นอกจากนั้นก็เป็นพวกกลุ่มบ้านจัดสรรที่คงหาคนซื้อไม่ได้ หรือขึ้นโครงการมาก็แย่ ต้องไปพิจารณาเป็นรายตัวไป แต่รวมๆพวกบ้านจัดสรรคงอ่วมจากน้ำท่วมแน่(ลองอ่านตามลิ้งค์นี้ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1319533579&grpid=09&catid=&subcatid= เจ้าของโครงการที่จะโดนผลกระทบก็เช่น SIRI QH SPALI PS MK PF LH)

รวมถึงกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนที่ต้องเจอพิษน้ำท่วม

ดี-พวกได้อานิสงส์ในตลาดดูจะมากกว่า ทั้งกลุ่มอุปโภคบริโภคที่คนแห่ตุนอย่างห้างBIGC MAKRO ROBINS CPALLพวกอาหารอย่างCPF TF พวกวัสดุก่อสร้างและสินค้าเกี่ยวกับบ้านอย่างTASCO SCC SCCC TPIPL HMPRO GLOBAL DCC หรือพวกสื่อสารที่คนต้องดูหรือใช้มากกว่าปกติอย่างBEC MCOT ADVANC DTAC TRUE

III.เป้าตกปรับฐาน และการทรงตัวในระยะที่2ของทฤษฎีสร้างสรรค์เชิงทำลาย


ชาร์ตที่2:รอบที่ผ่านมาตลาดหุ้นเราได้รับผลกระทบวิกฤตหนี้ในยุโรปเลยร่วงลงมาเขต843หรือเขต1ใน3ของโครงสร้างใหญ่(วัดจากพีค1148เมื่อต้นเดือนสิงหาคม กับฐาน380เมื่อเดือนพฤศจิกายน2551)แล้วฟื้น แต่ปัญหาคือขึ้นไปยังไม่ผ่านแนวต้านDowntrend ซึ่งสัปดาห์นี้(25-28)อยู่เขต970 ส่วนสัปดาห์หน้าลดลงมาแถว955จุด

การลงนี้ก็ต้องคาดว่ามีกรอบแนวรับใหญ่เขต900-843จุดโดยประมาณ ซึ่งผมคิดว่าไม่ควรแย่กว่านี้ เหตุก็ดังที่เคยแจ้งไปว่า

1.วิกฤตหนี้ยุโรปได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยไปเพียงพอแล้ว ตอนนี้เข้าช่วงระยะที่2หรือระยะที่3 หุ้นไทยก็รับข่าวนี้ไปเยอะเพียงพอแล้ว

2.วิกฤตน้ำท่วมก็ซัดหุ้นเราตกหนักๆในช่วง1แล้วในสัปดาห์ก่อน และคาดว่าจะเข้าช่วง2ในสัปดาห์นี้คือซึมและน่าเบื่อหน่ายในระยะนี้(ก็ต้องสังเกตว่าซึมและวอลุมหาย และน่าเบื่อหรือยัง หากใช่ก็อยู่ในระยะที่2 และเมื่อรัฐบาลเตือนภัยชัดเจนว่าน้ำจะเข้าท่วมกรุงเทพฯช่วง26-31ต.ค.ก็อาจเข้าสู่ช่วง3คือมีความชัดเจนแล้ว)


ชาร์ตที่3:ดังนั้นหากเจอวิกฤตน้ำท่วมควรจะมีฐานในการตกแค่ไหน เมื่อวัดจากพีครอบล่าสุด973และฐาน843จะออกมาเท่ากับด่านแรกๆ923ถัดไป908ถัดไป893-885จุด แนวต้านตอนนี้ก็จะเป็น930-935 ถัดไป 955และ970

(ความจริงคือสัปดาห์แรกยืนเหนิอด่านแรก1ใน3หรือ38.20%fibonacci=923แล้วฟื้นมาผ่านด่าน930-935 ดังนั้นก็น่าจะเห็นขึ้นไปเขต955หรือ970ได้ต่อไป

คาดว่าหากเป็นช่วง2ซึมๆ ตลอดสัปดาห์นี้ก็อาจแกว่งในกรอบ923-955โดยประมาณ คือขึ้นก็ไม่เกินต้าน955ลงก็แถว923-908หากล้ำลงไปหน่อยก็890+/-

ดังนั้นข้อพิจารณาสำคัญก็อยู่ตรงนี้คือ

1.อาจแกว่งซึมในกรอบ900-955เพื่อรอข่าวชัดเจน(รอให้ท่วมชัดๆ จะได้รู้หมู่หรือจ่า)
2.กรณีดีเกินคาดคือขึ้นเกิน955จะไปต่อ แต่ไม่น่าเกิน970
3.กรณีแย่กว่าคาดหลุดลึกกว่า900อาจลงไป893หรือใกล้ๆ843ที่เป็นโลว์เก่า

แต่คาดว่าจะเป็นไปตามข้อ1 หรือข้อ 2 มากกว่าครับ

หากไม่ย่อลงไปเกิน885-893หรือไม่ล้ำลงไปหาโลว์เก่าเขต843ก็แปลว่าฐานอยู่ตรงนี้คืออาจจะตั้งแต่900-885แล้วซึมในระยะที่2 และหากเด้งก็ไปติดแถวๆแนวต้านDowntrendแรก955ถัดไป970 จนกว่าจะผ่านแนวต้านDowntrendหรือทำนิวไฮใหม่เกิน970-973จึงจะวิ่งขึ้นไปในระยะที่3คือไปเขต1000+/-



ชาร์ตที่4:ส่วนSET50รอบล่าสุดขึ้นไป682แล้วลง สัปดาห์นี้ลงมาแค่เขต38.20%~640 โดยต้นสัปดาห์ลงมาลึกสุด636 เมื่อวานขึ้นมาปิดที่653

มีแนวรับช่วงนี้ด่านแรก645-640 แนวต้านDowntrendด่านแรกเขต640ถัดไป670

1.หากอยู่ในช่วง2คือซึมตามคาดการณ์น่าแกว่งในกรอบ645-640ต้านเขต660-670

2.กรณีดีเกินคาดต้องไปผ่านแนวต้านเขต660-670จะขึ้นต่อไปทำนิวไฮเกินไฮก่อน682ได้ต่อไป

3.กรณีแย่คือหลุดเขต615-605ก็อาจเสี่ยงลงไปโลว์เก่าเขต570ได้ต่อไป

ดังนั้นสัปดาห์นี้สำหรับคนเทรดดิ้งระยะสั้นอาจต้องอิงในกรอบที่1ที่กล่าวไปข้างต้น คือเทรดในภาวะซึม ลงแนวรับเข้าซื้อ ขึ้นไปหากไม่ดีกว่า660-670ก็ขายก่อน

สำหรับแนวโน้มตลาดระยะกลางจากนี้นไปถึงสิ้นปีหรือปีใหม่ แนะนำให้กลับไปอ่านบทความของวันก่อนหน้านี้ครับ

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คัมภีร์หุ้นไทย(25-28ตุลาคม2554):ทฤษฎีทำลายเชิงสร้างสรรค์(Creative Detruction)กับวิกฤตน้ำท่วมกรุงเทพฯ และหุ้นน้ำมัน+เคมีกับราคาน้ำมันโลก เล่นอย่างไรรวย




โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์

ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

บทความนี้จะล่าช้ากว่าที่ส่งให้สมาชิกอ่าน และไม่มีแนะนำหุ้นเด่น สำหรับหุ้นเด่นรายตัว แนะนำท่านสมาชิกอ่านที่www.tintancorp.comครับ

***หมายเหตุ:บทความนี้จะลงช้าไป 1 วัน สมัครสมาชิกเพื่อติดตามบทความนี้แบบupdateก่อนใคร ในช่วงก่อนเปิดทำการภาคเช้า อ่านชาร์ตประกอบ และฟันธงหุ้นเด่นรายตัว ก่อนเปิดตลาดทุกเช้า ที่ http://www.tontancorp.com/ หรือรับหุ้นเด่น และSET50 พร้อมจุดซื้อจุดขาย ข่าวด่วนข่าวร้อนก่อนใครผ่านทางSMS แม่นยำ กำไร สอบถามสมัครสมาชิก โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979


I.วิตกวิกฤตน้ำท่วมกรุงกับผลกระทบต่อตลาดหุ้น 3 ระยะ และกลุ่มที่มีผลกระทบได้เสีย?

*จับตา ครม.วันนี้ พิจารณาให้วันที่ 28-31 ต.ค.นี้ เป็นวันหยุด (แต่ตลาดหุ้น+แบงก์คงไม่ได้หยุด)

-ในการประชุม ครม.วันอังคารนี้(25ต.ค.) วาระสำคัญ จะมีการพิจารณาให้วันที่ 28 - 31 ตุลาคม นี้ เป็นวันหยุดราชการ ตามการเสนอของผู้ว่ารุงเทพมหานคร ( กทม.) เนื่องจากจะคาดว่าน้ำทะเลจะหนุนสูง และน้ำเหนือเริ่มเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครมากขึ้น จนทำลายแนวคันกั้นน้ำ ในหลายพื้นที่กทม. และล่าสุดคือบริเวณรอยต่อแนวคลองแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนเข้าสู่กรุงเทพฯ ชั้นใน อาทิ เขตบางพลัด เมื่อคืนที่ผ่านมา

*มูดี้ส คาด น้ำท่วมทำจีดีพีปีนี้หดเหลือโตแค่ 2.8% แต่ยันยังไม่กระทบเครดิตไทย เชื่อฐานะการคลังรองรับค่าเสียหายครั้งนี้ได้ -บริษัทมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้เปิดเผยรายงาน 'Weekly Credit Outlook' ล่าสุดเกี่ยวกับเหตุการณ์น่ำท่วมในประเทศไทย โดยคาดการณ์ว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจะส่งผลให้ไทยได้รับความเสียหายประมาณ 2 แสนล้านบาท (6.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือคิดเป็น 2% ของจีดีพีในปี 2554 และคาดว่าจีดีพีของไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 2.8% แต่ก็คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวขึ้นเหนือระดับ 4% ได้ในปี 2556

นอกจากนี้ มูดีส์ยืนยันว่า เหตุการณ์น้ำท่วมจะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีฐานะการคลังที่จะสามารถรองรับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ได้

*บทวิเคราะห์โมเดลการทำลายเชิงสร้างสรรค์( Creative destruction market) ต่อตลาดหุ้นในวิกฤตน้ำท่วม

-ระยะที่1 ความเครียดความกังวลและความวิตกเรื่องน้ำจะท่วมกรุงเทพฯท่ามกลางความไม่ชัดเจนว่าจะท่วมหรือไม่ท่วม ท่วมน้อยหรือมาก ท่วมนานหรือสั้น ทำให้คนกรุงเทพฯเกิดPanicไปทั่ว สังเกตจากการแห่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภถคกักตุน จนขาดตลาด การนำรถยนต์หนีน้ำขึ้นไปจอดบนทางยกระดับ ทางด่วน หรือสะพานต่างๆ เรื่องนี้ก็สะท้อนมาที่ตลาดหุ้นเช่นกัน

ชาร์ตที่1:Creative destruction marketที่ผมนำมาให้ดูบ่อยๆว่าเวลาเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นออกเป็น 3 ช่วง

*ช่วงแรกPanic sellหรือตกตื่นขาย เพราะเครียด กังวล คาดการณ์ในทางร้ายว่าจะส่งผลเสียหายมาก

*ช่วงที่2หลังหายpanicแล้วก็จะซึมรอเหตุการณ์ที่ชัดเจนว่าจะเป็นแบบใดนแน่ ระหว่างนั้นคนก็จะเริ่มแยกแยะว่าใครได้ใครเสียจากวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยซื้อขายกัน ทำให้ตลาดซึม วอลุมบางหดตัว คนจะเบื่อๆตลาด คนที่สิ้นหวังก็อยากขาย

*ช่วงที่3เกิดเหตุการณ์ชัดเจนแล้ว เช่น ท่วมแน่ๆแล้ว หรือไม่ท่วมแน่ๆ ไม่ว่าอย่างไรตลาดหุ้นก็จะขึ้น เพราะได้ซึมซับเอาปัจจัยลบไว้ในช่วงที่1ไปหมดแล้ว

กลยุทธ์วิกฤตน้ำท่วม-ก็ทำเหมือนทุกวิกฤตนั่นแหละครับคือ

*ในช่วงที่1ที่คนเขาวิตกกังวลเทขายด้วยความตกตื่น ท่านไม่ควรไปสวนทาง หรือไปเถียงเขา ปล่อยให้ขายซะให้พอ (ผมคิดว่าช่วงนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในสัปดาห์ก่อนตอนตกจากเขต973ลงมาที่902จุด)

*ในช่วงที่2 ซึ่งตลาดจะซึมๆรอข่าวที่ชัดเจน วอลุมจะหดหาย บรรยากาศซื้อขายน่าเบื่อ ซึมกระทือ หรือแกว่งตัวในกรอบจำกัด รอข่าวชัดเจน(ตอนนี้ที่รอกันคือตอนช่วง28-31ต.ค.น่าจะเจอท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯซะที) นี่เป็นจังหวะดีโอกาสทองที่ท่านจะได้ซื้อของถูก และอย่าไปหมดใจเบื่อขายในช่วงนี้เป็นพอ

*ในช่วงที่3เมื่อเกิดความชัดเจนหายคลุมเครือ ขนาดน้ำท่วมกรุงเทพฯจมเป็นเมืองบาดาล หุ้นมันก็จะขึ้นเพราะหายกังวลแล้ว เรื่องเกิดแล้ว ราคาก็ตกไปในช่วงแรกแล้ว หุ้นจะขึ้น หากท่านเอาชัวร์ก็รอข่าวชัดๆแล้วซื้อซะ หรือ หากซื้อไว้ในช่วง2ก็รอขาย ปกติจะทำนิวไฮ(รอบล่าสุดมียอดไฮ973 หากชัดเจนก็จะขึ้นนิวไฮในรอบหน้า อาจเป็นเขต1000+/-)

II.กลุ่มไหนได้หรือเสีย

เสีย-พวกนิคมอุตสาหกรรม อย่างROJNA NNCL อาจรวมไปถึงผลเสียทางจิตวิทยาต่อกลุ่มแบงก์ที่ต้องปรับโครงสนร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลเสียหาย(สังเกตจาก2วันที่ผ่านมาแบงก์ลงหนัก แต่ผมคิดว่าหากเจอไฟต์บังคับก็คงหนีไม่พ้นแบงก์รัฐบาลอย่างKTB หรือพวก ธอส. ธกส.ครับ) นอกจากนั้นก็เป็นพวกบ้านจัดสรรที่คงหาคนซื้อไม่ได้ หรือขึ้นโครงการมาก็แย่ ต้องไปพิจารณาเป็นรายตัวไป แต่รวมๆพวกบ้านจัดสรรคงอ่วมจากน้ำท่วมแน่

ดี-พวกได้อานิสงส์ในตลาดดูจะมากกว่า ทั้งกลุ่มอุปโภคบริโภคที่คนแห่ตุนอย่างห้างBIGC MAKRO ROBINS CPALLพวกอาหารอย่างCPF TF พวกวัสดุก่อสร้างและสินค้าเกี่ยวกับบ้านอย่างTASCO SCC SCCC TPIPL HMPRO GLOBAL DCC หรือพวกสื่อสารที่คนต้องดูหรือใช้มากกว่าปกติอย่างBEC MCOT ADVANC DTAC TRUE

III.เป้าตกปรับฐาน และการทรงตัวในระยะที่2ของทฤษฎีสร้างสรรค์เชิงทำลาย


ชาร์ตที่2:รอบที่ผ่านมาตลาดหุ้นเราได้รับผลกระทบวิกฤตหนี้ในยุโรปเลยร่วงลงมาเขต843หรือเขต1ใน3ของโครงสร้างใหญ่(วัดจากพีค1148เมื่อต้นเดือนสิงหาคม กับฐาน380เมื่อเดือนพฤศจิกายน2551)แล้วฟื้น แต่ปัญหาคือขึ้นไปยังไม่ผ่านแนวต้านDowntrend ซึ่งสัปดาห์นี้(25-28)อยู่เขต970 ส่วนสัปดาห์หน้าลดลงมาแถว935จุด

การลงนี้ก็ต้องคาดว่ามีกรอบแนวรับใหญ่เขต900-843จุดโดยประมาณ ซึ่งผมคิดว่าไม่ควรแย่กว่านี้ เหตุก็ดังที่เคยแจ้งไปว่า

1.วิกฤตหนี้ยุโรปได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยไปเพียงพอแล้ว ตอนนี้เข้าช่วงระยะที่2หรือระยะที่3 หุ้นไทยก็รับข่าวนี้ไปเยอะเพียงพอแล้ว

2.วิกฤตน้ำท่วมก็ซัดหุ้นเราตกหนักๆในช่วง1แล้วในสัปดาห์ก่อน และคาดว่าจะเข้าช่วง2ในสัปดาห์นี้คือซึมและน่าเบื่อหน่ายในระยะนี้(ก็ต้องสังเกตว่าซึมและวอลุมหาย และน่าเบื่อหรือยัง หากใช่ก็อยู่ในระยะที่2ครับ)


ชาร์ตที่3:ดังนั้นหากเจอวิกฤตน้ำท่วมควรจะมีฐานในการตกแค่ไหน เมื่อวัดจากพีครอบล่าสุด973และฐาน843จะออกมาเท่ากับด่านแรกๆ908ถัดไป893-885จุด แนวต้านตอนนี้ก็จะเป็น924,930-935และ970

คาดว่าหากเป็นช่วง2ซึมๆ ตลอดสัปดาห์นี้ก็อาจแกว่งในกรอบ900-935โดยประมาณ คือขึ้นก็ไม่เกินต้าน935ลงก็แถว900หากล้ำลงไปหน่อยก็890+/-

ดังนั้นข้อพิจารณาสำคัญก็อยู่ตรงนี้คือ

1.อาจแกว่งซึมในกรอบ900-935เพื่อรอข่าวชัดเจน(รอให้ท่วมชัดๆ จะได้รู้หมู่หรือจ่า)
2.กรณีดีเกินคาดคือขึ้นเกิน935จะไปต่อ แต่ไม่น่าเกิน970
3.กรณีแย่กว่าคาดหลุดลึกกว่า900อาจลงไป893หรือใกล้ๆ843ที่เป็นโลว์เก่า

แต่คาดว่าจะเป็นไปตามข้อ1 หรือ 2 มากกว่าครับ

หากไม่ย่อลงไปเกิน885-893หรือไม่ล้ำลงไปหาโลว์เก่าเขต843ก็แปลว่าฐานอยู่ตรงนี้คืออาจจะตั้งแต่900-885แล้วซึมในระยะที่2 และหากเด้งก็ไปติดแถวๆ925-935 จนกว่าจะผ่านแนวต้านDowntrendหรือทำนิวไฮใหม่เกิน970-973จึงจะวิ่งขึ้นไปในระยะที่3คือไปเขต1000+/-

IV.หุ้นน้ำมันกับน้ำมันโลกเป็นไปตามที่ฟันธงไว้

หุ้นกลุ่มPTT และหุ้นเคมี หุ้นน้ำมัน(PTT PTTEP TOP IRPC BCP ESSO PTTGCเป็นต้น) ยังให้ดูสัมพันธ์กับน้ำมันโลก

ซึ่งช่วงที่ผ่านมาตอนที่ราคาหุ้นเหล่านี้ร่วงลงมาหนักนั้น ผมได้ชี้ให้ท่านสมาชิกเห็นว่า มันมีความสัมพันธ์กับการร่วงลงของราคาน้ำมันโลกWTI ซึ่งตอนนั้นได้ตกถึงด่านสุดท้ายเขต75-77$ และไม่หลุดตามที่คาดไว้ ต่อมาได้ผ่านด่าน83$ ผมจึงทำนายว่าจะขึ้นต่อไปเขต95$ ซึ่งจะนำพาหุ้นเครือPTT และหุ้นน้ำมัน+เคมี ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

-ราคาน้ำมันดิบโลกล่าสุดฟื้นมาเขต93$ หลังลงมาถึงด่านสุดท้ายเขต77$ ซึ่งผมให้จับตามองว่านั่นจะเป็นเป้าหมายการลงจบแล้วจะฟื้นตัว ซึ่งเป็นไปตามคาดว่าพอลงจบก็จะพาหุ้นเครือPTTและหุ้นน้ำมันฟื้นไข้ได้ โดยหลังจากผ่านแนวต้านแรก83$ จะฟื้นตัวจริงจังมีเป้าหมายต่อไป96$และระยะกลาง110-115$ จะนำหุ้นกลุ่มPTTรวมทั้งหุ้นน้ำมัน เคมีฟื้นตัวตามครับ

อย่างไรก็ตามเขต95$+/-นั้นอาจมีการพักฐานซักยกก่อนก็ได้นะครับ อาจทำให้หุ้นเครือPTTพวกน้ำมัน และเคมีพักตัวตามไปด้วยก็ได้

หากท่านใดซื้อขายหุ้นเครือPTT น้ำมัน เคมี ต้องดูเรื่องนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญนะครับ เหมือนที่ผมเคยเตือนเอาไว้ครับ หุ้นพวกนี้เป็นหุ้นโภคภัณฑ์ หรือคอมมอดิตี้ส์ ราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงผันผวนกับราคาน้ำมัน หรือเคมีในตลาดโลก ท่านต้องเล่นเป็นรอบตามcycleของมัน จะไปบอกว่า”ซื้อแล้วถือยาว”ไม่ได้


*PTTGC ราคาเป้าหมายปัจจัยพื้นฐานและจังหวะเข้าออก


-นักวิเคราะห์7สำนักให้ราคาเป้าหมายทางปัจจัยพื้นฐานเฉลี่ยที่ประมาณ 77 บาท (ดูเพิ่มเติมที่ลิ้งค์ http://www.settrade.com/AnalystConsensus/C04_10_stock_saa_p1.jsp?selectPage=10&txtSymbol=pttgc )


-ขณะที่ก่อนหน้านี้โบรกเกอร์SCBSให้เป้าหมายไว้ถึง 105บาท

-หากเอาราคาเฉลี่ยกันแล้วก็ตกราว 80 บาท เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่กลับเข้ามาซื้อขายแถว 54 บาทจึงนำบทวิจัยมาให้ได้พิจารณาว่า หากท่านใดติดสูงก็เป็นโอกาสจะถือหรือถัวเฉลี่ยต้นทุนได้ครับ เมื่อวานนี้ราคาปิดที่ 62 บาท

แนวโน้มทางเทคนิค-ช่วงนี้มีกรอบแนวรับเขต59-60บาท ต้านแรกก็62.50หากผ่านจะไป65-72บาทได้ต่อไป

คำแนะนำ-หากท่านติดหุ้นPTTCH+PTTARไว้สูงก่อนจะควบรวมกิจการเป็นPTTGCก็น่าถือนะครับ หรือหาจังหวะถัวเพื่อลดต้นทุน ส่วนท่านสมาชิกที่เข้าซื้อตอน54บาทในสัปดาห์ก่อน ตอนเข้าทำการซื้อขายวันแรกในชื่อPTTGCก็ดูอาการช่วงนี้ประกอบ หากมีนิวไฮเกิน62.50อาจได้ลุ้นชึ้นไป65-72ค่อยปล่อยขายทกำไรก็ดีครับ ไหนๆก็ไหน



ชาร์ตที่4:ส่วนSET50รอบล่าสุดขึ้นไป682แล้วลง เมื่อวันศุกร์ปิดที่631

มีแนวรับช่วงนี้ด่านแรกเขต626 หากหลุดจะลงด่านถัดไปเขต620-613,607หากไม่ต่ำกว่านี้ก็จะซึมออกข้าง มีแนวต้านแรกๆเขต640-645ถัดไป660,670

1.หากอยู่ในช่วง2คือซึมตามคาดการณ์น่าแกว่งในกรอบ625-605ต้านเขต640-645ไม่เกิน660

2.กรณีดีเกินคาดต้องไปผ่านแนวต้านเขต640-645จึงจะขึ้นไปต่อเขต660-670ได้ต่อไป

3.กรณีแย่คือหลุดเขต615-605ก็อาจเสี่ยงลงไปโลว์เก่าเขต570ได้ต่อไป

ดังนั้นสัปดาห์นี้สำหรับคนเทรดดิ้งระยะสั้นอาจต้องอิงในกรอบที่1ที่กล่าวไปข้างต้น คือเทรดในภาวะซึม ลงแนวรับเข้าซื้อ ขึ้นไปหากไม่ดีกว่า640-645ก็ขายก่อน

สำหรับแนวโน้มตลาดระยะกลางจากนี้นไปถึงสิ้นปีหรือปีใหม่ แนะนำให้กลับไปอ่านบทความของวันก่อนหน

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประกาศเลื่อนจัดงานอบรมวันอาทิตย์ที่23ตุลาคมนี้


แจ้งเลื่อน!!งานอบรมจัดพอร์ตหุ้นวันอาทิตย์ที่23ตุลาคมนี้ครับ

ความจริงสถานที่ฝึกอบรมยังไม่เจอปัญหาน้ำท่วมครับ แต่ตอนนี้คนที่จองจะมางานก็ไม่สบายใจ ไม่รู้จะท่วมไม่ท่วม เลยรอผ่านเรื่องน้ำท่วมไปก่อนแล้วจะกำหนดวันเวลาที่ชัดเจนต่อไป

จึงกราบขออภัยในความไม่สะดวกมาในโอกาสนี้ครับ

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คัมภีร์หุ้นไทย18-24ต.ค.54:ระยะสั้นพักฐาน ระยะกลางจากนี้ถึงปีใหม่้ฟื้น เป้าหมายการพักฐาน เป้าหมายฟื้น และกลยุทธ์ปรับพอร์ตการลงทุนให้เป็นโอกาสได้อย่างไรในรอบนี้(ต้องอ่าน)


*อบรมเชิงปฏิบัติการวิธีจัดพอร์ตรวยหุ้นเด่น+ปรับพอร์ตเอาทุนลุ้นกำไร พลิกทุกวิกฤตเป็นโอกาสทอง รุ่นที่ 6*

วันอาทิตย์ที่ 23 ต.ค. 2554 เวลา 08.30 -17.30 น.

*กองทุน+ฝรั่ง และรายใหญ่ เขามีวิธีการจัดพอร์ตลงทุนหุ้นแบบมืออาชีพ และแก้ไขพอร์ตที่เสียหายอย่างไร?

*ทำไมรายย่อยกลายเป็นแมงเม่า เราพลาดตรงไหน และต้องจัดการบริหารพอร์ตการลงทุนใหม่อย่างไรให้มั่งคั่งแบบรายใหญ่

*นี่เป็นโอกาสเข้าช้อนซื้อหุ้นเพื่อลุ้นรวยรอบใหม่ หากSETทำจุดต่ำสุดไปแล้วเขต850จุด พร้อมฟันธงปัจจัยที่มีผลกระทบ ทั้งวิกฤตหนี้ยุโรป,น้ำท่วม,ฝรั่งจะซื้อหรือขาย หุ้นกลุ่มไหนจะมาแรง

*ยกกรณีศึกษา 4 หุ้นเด่นที่สุด ให้ท่านได้หุ้นไปลงทุนพร้อมกับความรู้ติดตัวไปตลอดชีพ คือ หุ้นเด่นถือยาวปันผลดีมีสภาพคล่องราคาถูกมากยังขึ้นอีกไกล,หุ้นเด่นสุดยอดที่ยังจะนำตลาดอีกไกล,หุ้นที่ตกลงมาหนักกว่าพื้นฐาน และมีสัญญาณสวยทางเทคนิคจะวิ่งอีกไกล และหุ้นม้ามืดที่หวังผลตอบแทนงดงาม

*สอนวิธีคัดทีเด็ดด้วยปัจจัยพื้นฐาน+คำนวณหามูลค่าหุ้นเองเป็น ไม่ต้องง้อนักวิเคราะห์ หรือโบรกเกอร์อีกต่อไป

*หาจุดซื้อขายอย่างแม่นยำด้วยกราฟ พร้อมทั้งการบริหารอารมณ์จิตวิทยาให้อยู่เหนือความโลภVSความกลัวที่นำไปสู่หลุมพรางสร้างความเสียหายในการลงทุนได้อย่างไร

หลักสูตรนี้เหมาะกับทั้งมือใหม่หัดเล่น มือเก่าหัดรวย มือกลางเก่ากลางใหม่ที่เป็นมวยวัด ไม่มีหลักไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง
พิเศษแจ้งรับสมาชิกรับหุ้นเด่นแม่นยำฉับไวก่อนใครวันนี้ ได้สิทธิ์เข้าเรียนฟรี โทรสอบถามหรือสำรองที่นั่ง โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979


***********

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์

ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

บทความนี้จะล่าช้ากว่าที่ส่งให้สมาชิกอ่าน และไม่มีแนะนำหุ้นเด่น สำหรับหุ้นเด่นรายตัว แนะนำท่านสมาชิกอ่านที่www.tintancorp.comครับ

***หมายเหตุ:บทความนี้จะลงช้าไป 1 วัน สมัครสมาชิกเพื่อติดตามบทความนี้แบบupdateก่อนใคร ในช่วงก่อนเปิดทำการภาคเช้า อ่านชาร์ตประกอบ และฟันธงหุ้นเด่นรายตัว ก่อนเปิดตลาดทุกเช้า ที่ http://www.tontancorp.com/ หรือรับหุ้นเด่น และSET50 พร้อมจุดซื้อจุดขาย ข่าวด่วนข่าวร้อนก่อนใครผ่านทางSMS แม่นยำ กำไร สอบถามสมัครสมาชิก โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979

1.เป้าตกปรับฐานตามความกังวลวิกฤตหนี้ยุโรปที่กลับมาอีกครั้งว่าจะแก้ไขได้ล่าช้า

ตลาดหุ้นโลกร่วงลงอีกครั้งเมื่อคืนนี้หลังขึ้นมาหลายวัน โดยอิงเรื่องความกังวลว่าจะแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรปได้ล่าช้า หลังจากการออกมาเปิดเผยแผนของรัฐมนตรีคลังเยอรมันล่าสุดนี้ ซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยทางลบ(มากกว่าปัจจัยเรื่องน้ำท่วม)

ชาร์ตที่1:ดัชนีSETรายวัน ขึ้นมาเขต973จุดเมื่อวานนี้ ยังไม่สามารถปิดGapที่เปิดไว้เขต973-990จุด ดังนั้นก็น่าจะตามมาด้วยการตกปรับฐานลงมาก่อน โดยมีกรอบแนวรับทางโครงสร้าง(เมื่อวัดจากไฮเมื่อวานนี้973และโลว์รอบล่าสุด843จุด)=930-923จุด แต่มีแนวรับแรกคือแนวรับuptrendเขต944จุด


ชาร์ตที่2ดัชนีSET50:ขึ้นมาเมื่อวานนี้681จุด เกือบจะปิดGapที่เปิดไว้บริเวณ680-682จุด แต่ยังไม่ผ่านด่านแนวต้านDowntrendบริเวณ694+/-ได้

คาดว่าหากตกตามหุ้นโลก จะลงมาเขต1ใน3ของโครงสร้าง เมื่อวัดจากจุดไฮวานนี้681กับโลว์รอบล่าสุด571จุด=644-640จุด แต่จะมีแนวรับแรก คือแนวรับuptrendก่อนบริเวณ654จุด

กลยุทธ์

1.จับตามองว่าหากSETลงมาไม่หลุดแนวรับUptrend=944/SET50=654จุด และแนวรับโครงสร้างเขต1ใน3ของSET=934-930หรือ923 และSET50=644-640ก็จะเป็นเขตที่น่าช้อนซื้อหุ้น หรือถือหุ้นที่ซื้อเอาไว้รอบล่าสุดนี้ แล้วถือต่อลุ้นการขึ้นต่อไป

2.เว้นแต่SETทำท่าลงไปลึกกว่าเขต920และSET50ลงไปลึกกว่าเขต640เด็ดขาด จึงควรขายหรือไม่เล่น


ข้อพิจารณาคือ

1.ตอนนี้เกิดสัญญาณซื้อในเครื่องมือหลายตัว และตลาดทำโครงสร้างขึ้น ข้อสังเกตคือหากลงวันนี้SETทำฐานยกสูงขึ้นกว่าฐานเดิม 933 และSET50ทำฐานสูงกว่าโลว์เก่าเขต640 ก็น่าจะได้ลุ้นทางดีว่าที่จะเกิดการตกปรับฐานตามหุ้นโลกเวลานี้เป็นการตกปรับฐานเพื่อขึ้นต่อมากกว่า

2.ค่าเงินบาทและการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ

ชาร์ตที่3ค่าเงินบาท:อ่อนลงมารอบนี้จนลึกกว่าเขต1ใน3บริเวณ30.63 หากอ่อนลงไปไม่เกินด่าน30.82ก็น่าจะแข็งต่อไป ซึ่งแปลว่านักลงทุนต่างชาติยังจะซื้อหุ้นไทยต่อ แต่หากอ่อนลงไปเกินด่าน30.82จึงจะเป็นการส่งสัญญาณว่าฝรั่งจะขายหุ้น ซึ่งจะเป็ญาณทางลบต่อหุ้นไทย

********
บทความพิเศษ:ตอนนี้ตลาดหุ้นอยู่ตรงไหน เมื่อพิจารณาจากทฤษฎีคลื่นน่าจะอยู่คลื่น4ใหญ่ของCycleนี้

ชาร์ตที่1:เมื่อพิจารณาจากทฤษคลื่น และนับเป็นCycleใหญ่ ผมคิดว่าช่วงที่ตลาดหุ้นตกจากเขต1148ลงมาที่843และเริ่มฟื้นมาตอนนี้น่าจะอยู่ในคลื่นที่4ซึ่งธรรมชาติของการปรับตัวในคลื่นนี้จะเป็นแบบซิกแซ็กขึ้น(Zig-zag sideway up)

หากแปลเป็นไทยง่ายๆคือยังเป็นการตกปรับฐานใหญ่ในช่วงขาขึ้นครับ ตามทฤษฎีก็จะมีคลื่นที่5ตามมา(คลื่นที่5ตามทฤษฎีจะขึ้นทำนิวไฮสูงกว่ายอดคลื่นที่3 ในที่นี้ต้องคาดว่าในระยะเป็นเดือนหรือหลายเดือนจากนี้ อาจเป็นปลายเดือนธันวาคม หรือต้นปีใหม่2555จะมีจุดสูงใหม่เกินเขต1148จุด)

สรุปในทางกลยุทธ์-ผมคิดว่าหากเวลานี้ท่านติดหุ้นไว้ก็มีโอกาสได้ทุนคืนในระยะเป็นเดือนหรือนับไปช้าหน่อยถึงเดือนมกราคม 2555 หรืออีกราว3-4เดือนข้างหน้าจะได้ทุนคืนหรือกำไรครับ ส่วนท่านที่จะเล่นเก็งกำไรรอบใหม่ก็น่าสนใจ แต่ต้องดูเป็นกรอบเป็นรอบเป็นระยะๆซึ่งจะได้อัพเดตต่อไป


ชาร์ตที่2แนวโน้มระยะกลาง-SETตกรอบนี้หากพิจารณาว่าลงมาคลื่นที่4ใหญ่ เป็นการยืนเหนือเขตแนวรับ1ใน3ของโครงสร้าง(เมื่อคำนวณจากยอดพีค1148ในเดือนสิงหาคมปีนี้ กับจุดต่ำสุด380เมื่อเดือนพฤศจิกายน2551)=850+/-

ซึ่งเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนผ่านด่านแนวต้านDowntrendแรกเขต 950+/-ก็พร้อมฟื้นตัวขึ้น ไปทดสอบแนวต้านDowntrend line~985+/- ถัดไป1010+/-ได้ต่อไป (อาจเป็นสัปดาห์นี้ 17-22ต.ค.)

อย่างไรก็ตามมีแนวรับหลักในสัปดาห์นี้เขต930+/-ไม่ควรหลุดต่ำกว่าเขตนี้

ชาร์ตที่3-เมื่อนำทฤษฎีทำลายเชิงสร้างสรรค์(Creative Destruction Market Theory)มาประยุกต์ใช้จะอธิบายได้ว่าหุ้นไทยร่วงลงตามวิกฤตยุโรปผ่านระยะที่1ไปแล้ว กำลังอยู่ในระยะที่2 ตอนนี้อาจเริ่มเข้าระยะที่3 (กลับไปอ่านรายละเอียดเรื่อง Creative Destruction Market Theory ในบทความประจำสัปดาห์ก่อน)

อย่างไรก็ตามการฟื้นขึ้นมาจากเขต850+/-นั้น จะมีแนวต้านเขต1ใน3บริเวณ960 ซึ่งหากผ่านด่านแนวต้าน38.20%retracementเขต960จุดได้ ก็จะมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปตามลำดับดังนี้

-ด่านสองบริเวณ 995-1010จุด ซึ่งเป็นด่านสำคัญเพราะเป็นเขตแนวต้านDowntrend หากไม่ผ่านก็จะตกปรับฐานลงมา960-935
-ด่านสามหากผ่านจะไปต่อด่าน1030-1045จุด หากไม่ผ่านก็จะตกปรับฐานลงมาเขต1000+/-
-ด่านถัดไปกรณีผ่าน1030-1045ก็จะกลับไปพีคเก่า1148จุดที่ทำไว้ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
-ด่านสี่กรณีทำนิวไฮเกิน1148ก็จะวิ่งขึ้นไปคลื่นที่5ที่มีเป้าหมายบริเวณ1,250+/- หรือ1350+/-(ซึ่งจะกินเวลาหลายเดือนนับจากนี้คือราว3-4เดือน ราวๆเดือนมกราคม 2555)

ข้อแม้ก็คือ หากSETไม่ถอยลงหลุดแนวรับเขต930ในสัปดาห์นี้ และไม่หลุดภาพใหญ่บริเวณ1ใน3หรือเขต850+/- และการฟื้นขึ่นในช่วง1-2สัปดาห์นี้ต้องผ่านแนวต้านDowntrendเขต985+/-ด้วยนะครับ จึงจะเป็นไปตามประเมิน
*************

*อบรมเชิงปฏิบัติการวิธีจัดพอร์ตรวยหุ้นเด่น+ปรับพอร์ตเอาทุนลุ้นกำไร พลิกทุกวิกฤตเป็นโอกาสทอง รุ่นที่ 6*

เรื่องการจัดพอร์ตแบบมืออาชีพสำหรับคนที่อยากเลิกเป็นแมงเม่าสอนโดย อาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธาน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด

วันอาทิตย์ที่ 23 ต.ค. 2554 เวลา 08.30 -17.30 น.

*กองทุน+ฝรั่ง และรายใหญ่ เขามีวิธีการจัดพอร์ตลงทุนหุ้นแบบมืออาชีพ และแก้ไขพอร์ตที่เสียหายอย่างไร?

*ทำไมรายย่อยกลายเป็นแมงเม่า เราพลาดตรงไหน และต้องจัดการบริหารพอร์ตการลงทุนใหม่อย่างไรให้มั่งคั่งแบบรายใหญ่

*นี่เป็นโอกาสเข้าช้อนซื้อหุ้นเพื่อลุ้นรวยรอบใหม่ หากSETทำจุดต่ำสุดไปแล้วเขต850จุด พร้อมฟันธงปัจจัยที่มีผลกระทบ ทั้งวิกฤตหนี้ยุโรป,น้ำท่วม,ฝรั่งจะซื้อหรือขาย หุ้นกลุ่มไหนจะมาแรง น้ำมัน,เคมี,แบงก์,ที่ดิน,อุปโภคบริโภค ตัวไหนลงน่าลงทุนยาวผลตอบแทนดี มีความปลอดภัย?

*ยกกรณีศึกษา 4 หุ้นเด่นที่สุด คือ หุ้นเด่นถือยาวปันผลดีมีสภาพคล่องราคาถูกมากยังขึ้นอีกไกล,หุ้นเด่นสุดยอดที่ยังจะนำตลาดอีกไกล,หุ้นที่ตกลงมาหนักกว่าพื้นฐาน และมีสัญญาณสวยทางเทคนิคจะวิ่งอีกไกล และหุ้นม้ามืดที่หวังผลตอบแทนงดงาม

*สอนวิธีคัดทีเด็ดด้วยปัจจัยพื้นฐาน+คำนวณหามูลค่าหุ้นเองเป็น ไม่ต้องง้อนักวิเคราะห์ หรือโบรกเกอร์อีกต่อไป

*หาจุดซื้อขายอย่างแม่นยำด้วยกราฟ พร้อมทั้งการบริหารอารมณ์จิตวิทยาให้อยู่เหนือความโลภVSความกลัวที่นำไปสู่หลุมพรางสร้างความเสียหายในการลงทุนได้อย่างไร

*ทองคำVSน้ำมัน+อัตราแลกเปลี่ยน และหุ้นโลก กับการจัดพอร์ตของท่าน เกี่ยวกันอย่างไร? ทำไมต้องThink Global,Act Local?

หลักสูตรนี้เหมาะกับทั้งมือใหม่หัดเล่น มือเก่าหัดรวย มือกลางเก่ากลางใหม่ที่เป็นมวยวัด ไม่มีหลักไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง
พิเศษแจ้งรับสมาชิกรับหุ้นเด่นแม่นยำฉับไวก่อนใครวันนี้ ได้สิทธิ์เข้าเรียนฟรี โทรสอบถามหรือสำรองที่นั่ง โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979


*ด้วยค่าเรียนคุ้มค่าที่สุดเพียงท่านละ 4,500 บาท
ปกติ5,500บาท

ขั้นตอนการสมัคร ส่งแฟกซ์หลักฐานการชำระเงิน มาที่หมายเลข :02-927-5881-02-9275880 E-Mail: tontan2008@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ชำระเงินผ่านธนาคารในนามบัญชี บริษัหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเภท ออมทรัพย์ www.tontancorp.com
1. ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 056-0-25774-3
2. ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 735-2-38116-5
3. ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 136-2-18236-6

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คัมภีร์หุ้นไทย10-14ตุลาคม:น้ำท่วมหุ้นตัวไหนได้-เสีย,ค่าเงินบาทและทิศทางของฝรั่ง,ราคาน้ำมันดิบโลกกับทิศทางหุ้นกลุ่มพลังงาน+เคมี และ อัพเดตCreative Destruction โมเดลพลิกวิกฤตเป็นโอกาสรวยหุ้น

อบรมสอนมือใหม่ให้รวยหุ้น สอนมือเก่าแก้ไขพอร์ตยามหุ้นตก เลิกเป็นแมงเม่า รุ่นที่ 57 วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคมนี้

หลักสูตรนี้เหมาะกับมือใหม่หัดเล่นหุ้นให้รวย มือเก่าที่อยากเลิกเป็นแมงเม่าเล่นหุ้นแบบมวยวัด มาเป็นมืออาชีพที่เล่นเก่งเล่นเป็นเล่นแล้วรวย ด้วยสูตรผสม คัดหาหุ้นเด็ดปัจจัยพื้นฐานดี หลีกหนีหุ้นเน่า รู้เท่าทันเจ้ามือ ไม่เป็นเหยื่อหุ้นปั่น คำนวณหามูลค่าหุ้นด้วยตนเองไม่ต้องพึ่งใครอีกต่อไป และหาจังหวะเข้าออกแมนยำด้วยกราฟสูตรสำเร็จ ลาทีปัญหาติดหุ้น ขายหมู ตกรถ เล่นหุ่นแล้วเครียดประสาทกิน

สอนแบบจัดเต็มไม่มีกั๊กโดย -อาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธาน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TNN24 ผู้เขียนหนังสือทีเด็ดรวยหุ้นพันล้าน

ที่ ห้องอบรมเชิงปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ถนนรามคำแหง 160 (ซอยมีสทีน)

สอบถามสำรองที่นั่ง โทร.02-9275800 หรือโทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979 พิเศษบอกรับเป็นสมาชิกรับคำแนะนำหุ้นเด่้นกับอาจารย์ณัฐวุฒิ แลกรับสิทธิ์เรียนฟรีตลอดปีทุกหลักสูตร (โปรดสอบถามเพิ่มเติม)
***********
โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์

ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

บทความนี้จะล่าช้ากว่าที่ส่งให้สมาชิกอ่าน และไม่มีแนะนำหุ้นเด่น สำหรับหุ้นเด่นรายตัว แนะนำท่านสมาชิกอ่านที่www.tintancorp.comครับ

***หมายเหตุ:บทความนี้จะลงช้าไป 1 วัน สมัครสมาชิกเพื่อติดตามบทความนี้แบบupdateก่อนใคร ในช่วงก่อนเปิดทำการภาคเช้า อ่านชาร์ตประกอบ และฟันธงหุ้นเด่นรายตัว ก่อนเปิดตลาดทุกเช้า ที่ http://www.tontancorp.com/ หรือรับหุ้นเด่น และSET50 พร้อมจุดซื้อจุดขาย ข่าวด่วนข่าวร้อนก่อนใครผ่านทางSMS แม่นยำ กำไร สอบถามสมัครสมาชิก โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979


A.น้ำท่วมและผลกระทบต่อเศรษฐกิจและหุ้น

-บริษัทหลักทรัพย์เมอริลลินช์ภัทรคาดว่าผลกระทบจากน้ำท่วมจะกระทบต่ออัตราขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศ หรือGDPลดลง0.5% ดังนั้นจึงปรับลดประมาณการณ์ของGDPลงจากเดิม4.1%เหลือ3.8%ในปีนี้ และลดลงเหลือ4%จากเดิม4.5%สำหรับปีหน้า

-หุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ แน่ๆคือROJNA อาจส่งผลกระทบไปยังหุ้นนิคมอุตสาหกรรมตัวอื่นในเชิงจิตวิทยา,หุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากมีข่าวน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เช่น HANA เป็นต้น

-หุ้นที่จะได้ผลบวก คือวัสดุก่อสร้างที่จะซ่อมแซมหลังน้ำลด ที่ชัดเจนคือTASCO นอกจากนั้นเป็นพวกค้าปลีกค้าส่งเพราะคนแตกตื่นซื้อของกักตุน เช่น BIGC MAKRO ROBINS CPALL หรือกลุ่มอาหารเช่นCPF TF รวมไปถึงหุ้นเกี่ยวข้องกับสื่อและมีเดียเพราะคนติดตามข้อมูลมากขึ้นเช่น BEC MCOT TRUE รวมถึงพวกสื่อสาร เช่น ADVANC DTAC INET CSL เป็นต้น

อย่างไรก็ตามผมเห็นว่า ปัจจัยเรื่องน้ำท่วมจะกระทบต่อหุ้นในกรอบที่จำกัด และมีผลน้อยกว่าวิกฤตการณ์เศรษฐกิจยุโรป

B.นักลงทุนต่างชาติหยุดขายหรือยังและจะกลับมาซื้อแน่ๆไหม ให้ดูค่าเงินบาทประกอบ ตอนนี้มีสัญญาณแข็งขึ้น ต่างชาติน่าจะกลับมาซื้อ

การซื้อขายของนักลงทุนต่างชาตินั้นมีอิทธิพลชี้นำให้หุ้นไทยขึ้นหรือตกเป็นหลัก มีความสัมพันธ์อยู่ระดับ95%คือหากต่างชาติซื้อหรือขายสุทธิก็จะทำให้หุ้นขึ้นหรือตก

ชาร์ตA:เป็นยอดซื้อขายสุทธิของต่างชาติในตลาดหุ้นไทย รอบล่าสุดนี้ร่วงลงใกล้เขตจุดต่ำเดิม แล้วฟอร์มตัวเป็นรูปแบบM-shape จากชาร์ตก็อาจเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสต่างชาติจะหันกลับมาซื้อสุทธิขึ้นไปราวเขต1ใน3=15,000-20,000ล้านบาทโดยประมาณ

ชาร์ตB:ค่าเงินบาท หลังจากอ่อนลงต่อเนื่องก็น่าจะจบขาลงและเปลี่ยนแนวโน้ม โดยช่วงนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวแบบSidewayที่มีกรอบเคลื่อนไหวใหญ่ระหว่าง29.65-31.35บาท/ดอลลาร์โดยประมาณ แต่ในช่วง2สัปดาห์ล่าสุดนี้ทำจุดสูงสุด2ยอดที่31.26บาท เมื่อไม่ผ่านก็ตามมาด้วยการอ่อนค่าลงไปเขต30.80-30.65บาทได้(เช้านี้อ่อนลง30.85)

สถิติโดยทั่วไปเป็นดังนี้

ก.หากค่าเงินบาทอ่อนลง=ฝรั่งต่างชาตินำเงินเข้ามาซื้อหุ้น=หุ้นขึ้น
ข.หากค่าเงินบาทแข็งขึ้น=ฝรั่งต่างชาติขายหุ้นนำกำไรออก=หุ้นตก

ดังนั้นเวลานี้ก็ต้องจับตามองว่าหากค่าบาทไปไม่เกิน31.26หรือ31.35ก็น่าอ่อนลงมาเป้าหมาย30.80-30.65ก็อาจทำให้ฝรั่งกลับมาซื้อหุ้น และทำให้หุ้นไทยขึ้น


C.หุ้นน้ำมันและเคมี พลังงานตกพอหรือยัง และจะขึ้นได้ไกลไหม หรือรีบาวนด์สั้นๆก่อนตก ให้ดูราคาน้ำมันโลกประกอบ ล่าสุดน่าจะต่ำสุดแล้วฟื้นตัว

ราคาหุ้นกลุ่มน้ำมัน ปิโตรเคมี พลังงานในรอบที่ผ่านมา เช่น PTT PTTEP PTTCH PTTAR TOP BANPU ESSO BCP IRPC ซึ่งเป็นหุ้นยอดนิยมพากันร่วงระเนระนาด และลงหนักกว่าดัชนีSETรวม นั่นก็เพราะหุ้นเหล่านี้เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวนไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลก(แต่นักลงทุนคนไทยมักเข้าใจผิดๆว่าพื้นฐานดีเยี่ยม แกร่ง ลงทุนยาวๆ ซึ่งผิด เพราะมันเป็นหุ้นที่ขึ่นๆลงๆผันผวนตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ท่านควรเทรดเป็นรอบๆไม่ใช่ซื้อแล้วแช่ยาว เพราะรายได้หรือกำไรผันผวนขึ้นๆลงๆตามราคาน้ำมันโลก)

ชาร์ตC:ราคาน้ำมันดิบWTIซึ่งนิยมใช้อ้างอิงที่สุด ที่ผ่านมาร่วงลงจากจุดพีค114$กระทั่งลงมาถึงด่านสุดท้ายเขต75-77$โดยประมาณ ทำให้ราคาหุ้นน้ำมัน พลังงานร่วงลงมาหนักกว่าดัชนีSET แต่ล่าสุดสามารถยืนเหนือแนวรับสุดท้าย้เขต77$แล้วแกว่งตัวฟื้นมาล่าสุดแถว85.47$ ซึ่งเมื่อผ่านแนวต้านเขต83$แล้วจะขึ้นไป95หรือ110-115$ได้ในระยะกลาง(เป็นเดือนหรือหลายเดือน)

โดยทั่วไปหากน้ำมันตกต่ำ หุ้นเกี่ยวกับน้ำมันก็ตกตาม ล่าสุดหากน้ำมันทำจุดต่ำสุดแล้วฟื้น พวกหุ้นน้ำก็ต้องฟื้นตาม และอาจฟื้นได้เยอะด้วย และหากยืนเหนือด่าน83$จึงจะไปต่อ (ดังนั้นหากท่านใดติดหุ้นกลุ่มPTT หรือน้ำมันไว้สูงก็น่าซื้อเฉลี่ยแก้ไขพอร์ตได้แล้วครับ)

I.ว่าด้วยโมเดลวิกฤต 3 ช่วงของตลาดหุ้น รอบนี้จะเข้าข่ายนี้หรือไม่? เพื่อตอบโจทก์ที่วิตกกันว่าวิกฤตหุ้นโลกรอบนี้จะมีอนาคตไปทางใดกันแน่?

*โมเดลที่ผมเรียกว่าCreative Destructionนั้นยังใช้ได้ดีนะครับ สังเกตจากเมื่อคืนนี้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 330.06 จุด (2.97 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,433.18 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 86.70 จุด (3.50 เปอร์เซ็นต์) หลังจากประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศสและนางแองเจลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ให้คำมั่นเมื่อวันอาทิตย์ (9) จะมีมาตรการรับมือระยะยาวที่ครอบคลุมก่อนสิ้นเดือนนี้

ชาร์ตที่1:ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ผมขอนำรูปแบบจำลอง หรือโมเดลเวลาตลาดหุ้นเจอวิกฤติต่างๆ(วิกฤตเศรษฐกิจ,วิกฤตการเมือง,วิกฤตภัยพิบัติธรรมชาติ,วิกฤตโรคระบาด,วิกฤตสงคราม,วิกฤตการจลาจล เป็นต้น) โดยทั่วไปแล้ว ผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงด้วยกัน ดังนี้

ช่วงที่1:Panic sell นักลงทุนจะเทขายด้วยความตระหนกตกตื่นเพราะเกรงว่าผลลบจะหนักหน่วง เช่น รอบนี้ก็กลัวว่ากรีซจะล้มละลาย ฉุดยุโรปและทั้งโลกลากยาวดำดิ่งสู่วิกฤตการณ์ ทำให้ต่างเทขายแบบpanic sell ทำให้ตลาดหุ้นร่วงหนัก

ช่วงที่2:Sidewayซึมตัวรอข่าวที่ชัดเจน เป็นช่วงที่คนในตลาดหายตระหนก แต่ก็ไม่มีความหวังในทางที่ดี และยังปริวิตกต่ออนาคต ทำให้ฝ่ายซื้อก็เกร็ง ฝ่ายขายก็ขายจนพอแล้ว มักทำให้ตลาดช่วงนี้ซึมตัวซบเซา วอลุมเทรดเบาบางลง และรอคอยข่าวที่ชัดเจนว่า จะลงเอยอย่างไรแน่

ช่วงที่3: Creation Destructive Marketหรือการสร้างสรรค์เชิงทำลาย หรือการอุบัติใหม่ ช่วงนี้คือสถานการณ์ชัดเจนแล้ว เช่น รอบนี้ก็จะสรุปชัดว่า ยุโรปจะช่วยกอบกู้วิกฤตในกรีซหรือไม่? ซึ่งโดยทั่วไปของโมเดลนี้ก็คือ ไม่ว่าผลสรุปสุดท้ายจะออกมาเช่นไร(ช่วยหรือไม่ช่วย/เกิดหรือไม่เกิดสงคราม,ใครจะแพ้หรือชนะเลือกตั้ง,ผลของการจลาจลทางการเมืองใครแพ้หรือชนะฯลฯ)ถือว่าจบข่าวที่วิตกกัน ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ตลาดหุ้นจะขึ้นทุกครั้งและขึ้นแรงและไปทำนิวไฮ สูงกว่ายอดพีครอบก่อนเสมอ

ข้อสรุป-หากพิจารณาจากชาร์ตของตลาดหุ้นโลกก็ต้องคาดว่าตลาดหุ้นโลกเวลานี้ผ่านช่วงที่1ไปแล้ว เวลานี้อาจจะกำลังผ่านพ้นช่วงที่2ที่ซึมตัวรอผลสรุปที่ชัดเจน และอาจจะเริ่มเข้าสู่ช่วงที่3(ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าชัดแล้วหรือยังหลังผู้นำฝรั่งเศสกับเยอรมันให้คำมั่นจะช่วยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หรือต้องรอไปถึงสิ้นเดือน) แต่สังเกตจากดาวโจนส์ผ่านแนวต้านDowntrendได้ก็อาจเข้าข่ายว่ากำลังเริ่มเข้าสู่ช่วงที่3แล้วก็ได้

ผมมักโดนถามประจำเวลานำโมเดลCreation Destructive Marketมาให้ดูว่าหากผลสรุปออกมาแย่มากๆมันไม่ฉุดให้หุ้นร่วงลงต่อหรือ คำตอบคือ สถิติที่ผ่านมาไม่ตกต่อครับ เพราะตลาดได้ซึมซับเอาปัจจัยลบไปหมดแล้วตั้งแต่ในช่วงระยะที่1ครับ

กลยุทธ์บันได 3 ขั้น-ข้อแนะนำทางกลยุทธ์ที่ผมแนะนำเสมอในช่วงเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆก็คือว่า ในช่วงที่1อย่าไปฝืนแรงขายและข่าวร้ายให้ขายตามน้ำ

แต่ในช่วงที่2หลังจากซึมมาระยะพอสมควร เป็นช่วงเวลาที่น่าช้อนซื้อหุ้นมาก หรือก็อย่าไปขายหุ้นทิ้ง

แต่หากคุณไม่มั่นใจก็คอยจนกว่าเข้าช่วงที่3คือมีข้อสรุปชัดเจน(ไม่ว่าข้อสรุปนั้นจะดีหรือแย่ขนาดไหน)ตลาดจะเริ่มขึ้น คุณค่อยไปfollow buy หรือถือหุ้นรอเอาทุนคืนจังหวะนั้น


II.เปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ไม่จริงที่ว่าเราไปทางเดียวกับฮ่องกง? และโมเดลของตลาดหุ้นยามวิกฤติคราวนี้จะเข้าข่ายบันได 3 ขั้นหรือไม่?

2.1ตลาดหุ้นยุโรปซึ่งนำตลาดหุ้นทั่วโลกตกรอบนี้ ตอนนี้ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงที่2รอการชี้ขาดจากสหภาพยุโรป น่าเข้าสู่ช่วงที่ 3



ชาร์ตที่2:ดัชนีDAXตลาดหุ้นเยอรมัน ซึ่งเป็นภาพตัวแทนของตลาดหุ้นยุโรปที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ นำตลาดหุ้นทั่วโลกลงในรอบนี้ ได้ตกจากพีค7600จุด ลงมาถึงแนวรับสุดท้ายเขต4900จุด แล้วฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับเกิดBullish divergenceในRSIของชาร์ตรายวัน

ตามโมเดลตลาดหุ้นยามวิกฤต ตอนนี้คงอยู่ในช่วงที่2 และรอการชี้ขาดจากEU ไม่ว่าผลสรุปจะเป็นเช่นไร ประเด็นนี้เป็นการจุดประกายว่า น่าจะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นยุโรปอาจจะยืนยันจบขาลง แล้วเปลี่ยนเป็นขาขึ้น หรือไซด์เวย์ จะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ลงหนักตามยุโรป มีโอกาสฟื้นไข้ตามในระยะต่อไป

โดยให้สังเกตช่วงนี้หากผ่านพีคเก่าเขต5870จุดก็น่าจะเริ่มเป็นทางขึ้น หรือเข้าสู่ช่วงที่3

2.2ตลาดหุ้นอเมริกาตกน้อยกว่ายุโรป แต่มีด่านสำคัญแถว10400-10600เป็นปราการรับด่านสำคัญ

ชาร์ตที่3:ส่วนตลาดหุ้นอเมริกา รอบนี้ร่วงลงมา แต่หากเทียบเป็นสัดส่วนก็ถือว่าร่วงลงน้อยกว่ายุโรป คือลงมาเขต1ใน3fibonacci retracement(ขณะที่ยุโรปอย่างเยอรมันตกไปถึงเขต2ใน3)

ตอนนี้ตามโมเดลตลาดหุ้นยามวิกฤต ดาวโจนส์อยู่ในช่วงที่2 หรืออาจเริ่มเข้าสู่ช่วงที่3 เพราะผ่านแนวต้าดาวน์เทร็นด์เขต 11400 น่าขึ้นต่อไปเขต11700หรือถัดไป12000จุด

2.3ฮ่องกงอาจลงมาเขต2ใน3ราวๆ16000-15450แล้วหยุดไหลลงท และฟื้นตัว

ชาร์ตที่4:ดัชนีหุ้นฮ่องกงลงมามากกว่าอเมริกา โดยลงมาลึกสุดที่16170จุด ลงมาเท่ากับยุโรป คือเขต2ใน3retracement บริเวณ16140-15450 แล้วฟื้น หรือเข้าสู่ช่วงที่2ของวิกฤต(โดยล่าสุดผ่านแนวต้านเขต17800จะเป็นการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยอาจฟื้นไปเขต20000+/-แล้วซึมในระยะที่2หรือขึ้นช่วง3ไปเขต21000หรือขึ้นรอบใหม่)

1.4ตลาดหุ้นไทยลงมาเขต1ใน3เท่าๆกับอเมริกาและตลาดTIPไม่ได้ร่วงตามฮ่องกงดังที่มักเข้าใจกันผิดๆ

เวลาที่ฝรั่งต่างชาติมาลงทุนในโซนตลาดหุ้นบ้านเราเขาจะเรียกว่า TIP-Thailand,Indonesia,Philippines ซึ่งจะพบว่าเราจะคล้ายๆกลุ่มนี้มากกว่าฮ่องกง กล่าวคือขณะที่ฮ่องกงลงไปเขต2ใน3แต่ของเราเพิ่งตกลงมาเขต1ใน3(เมื่อคำนวณจากยอดพีค1148และจากฐานที่ขึ้นมาจาก380จุดเมื่อปี2551)


ชาร์ตที่5:ตลาดอินโดนีเซียล่าสุดลงมาใกล้เขต1ใน3ลงน้อยกว่าหุ้นไทยเล็กน้อย

ชาร์ตที่6:เช่นเดียวกับตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่ลงมาใกล้เขต1ใน3ตกน้อยกว่าไทยเช่นกัน


ชาร์ตที่7:หุ้นไทย เทียบไปแล้วคือเราตกเขต1ใน3retracement (เมื่อคำนวณจากยอดพีค1148และจากฐานที่ขึ้นมาจาก380จุดเมื่อปี2551) กล่าวคือเทียบเท่ามาตรฐานโลกคือดัชนีดาวโจนส์ และพอๆกับโซนเดียวกับเราคือTIP เพียงแต่เราลงมากกว่าอินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์

-เขต1ใน3ที่ว่านี้ตัวเลขอนุกรมไฟโบนัชชี่=850จุด+/- เมื่อสัปดาห์ก่อนลงลึกสุด843 ดีที่ว่าฟื้นกลับมาปิดที่38.20%retracement=855จุดได้ เลยฟื้นต่อ เมื่อวานปิดที่923จุด

-ข้อที่ต้องพิจารณาก็คือ หากเราแย่พอๆกับฮ่องกง(ซึ่งคนไทยมักไปคิดว่าเราขึ้นหรือลงตามฮ่องกง) หุ้นไทยเราเวลานี้ก็ต้องลงไปเขต50%retracement=764จุดเป็นอย่างน้อย หรือต้องตกลงไปเขต2ใน3=673หรือ636 เท่ากับตลาดฮ่องกงไปแล้ว แต่ความจริงคือเราลงมาแค่เขต1ใน3เท่านั้น(เทียบเท่าแล้วหุ้นฮ่องกง=19000-20000จุด)

หากจะบอกว่าเราเหมือนหรือคล้ายใครมากกว่า คำตอบคือเหมือนกับดาวโจนส์ และคล้ายกับอีก2ตลาดในโซนTIP


ชาร์ตที่8:ชาร์ตรายวันหุ้นไทย รอบนี้ร่วงลงนิวโลว์ต่อเนื่อง แต่ลงมาเขตSuper oversoldสังเกตจากหลุดbolinger band bottomลงมา หากจะมีรีบาวด์ก็อาจกลับไปเขตbolinger band average=950 , bolinger band top=1075จุด ประกอบกับเกิดสัญญาณทางบวกเพราะเกิดRSI BULLISH DIVERGENCE(กล่าวคือดัชนีSETลงนิวโลว์รอบล่าสุดที่843แต่RSIไม่นิวโลว์ตามกลับสวนทางสูงขึ้น)

อย่างไรก็ตามเมื่อคำนวณในทางโครงสร้างว่า หากช่วงนี้ตกลงมาเขตเป้าหมายใหญ่1ใน3=843จุด และคำนวณจากพีค1148จุด เป้าหมายการฟื้นตัวในตัวเลขอนุกรมไฟโบนัชชี่ จะเป็นดังนี้

-แนวต้าน1ใน3 บริเวณ950+/-(=945,960) หากผ่านไฮยอดเก่า950+/-ก็จะยืนยันว่าจะกลับตัวขึ้นอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่รีบาวนด์ แต่หากไปไม่เกิน950+/-แสดงว่าแค่รีบาวนด์ย่อยแล้วจะตกต่อทำนิวโลว์ลึกกว่า843(อาจลงไป765หรือ675-635)

-เพราะฉะนั้นก็จับตามองว่าเด้งขึ้นรอบนี้มียอดนิวไฮเกิน950+/-หรือไม่(มีเวลาดูๆไปถึงปลายสัปดาห์นี้) หากใช่ก็จะขึ้นไปอย่างน้อยๆ960ถัดไป995และแนวต้านdowntrendใหญ่1010ถัดไป1030-1045หรือกระทั่งกลับไปนิวไฮเกิน1148(ก็ต้องดูหุ้นโลกประกอบด้วยว่าจบช่วง2เข้าสู่ช่วงที่3เมื่อใด)

ข้อสรุป-ดังนั้นก็ควรเข้าใจให้ถูกว่าหุ้นไทยไม่ได้ขึ้นหรือลงแบบเดียวกับฮ่องกงนะครับ ของเราตอนนี้จะไปทางเดียวกับดาวโจนส์ หรือTIPเป็นหลัก คือลงมาเขต1ใน3 ก็คือบริเวณ850+/- หากยืนได้มีโอกาสจะเด้งรีบาวนด์ หรือกระทั่งเป็นจุดต่ำสุดก่อนการฟื้นขึ้นรอบใหญ่(ซึ่งต้องดูตลาดยุโรปประกอบเป็นหลักว่าเขตนี้พอหรือยัง? ตอนนี้ตลาดยุโรปดูดีมากครับ มีสัญญาณฟื้นตัว)

เว้นแต่ว่าเราจะหลุดเขต1ใน3 หรือ850+/-ลงไปเด็ดขาด อันนั้นก็น่าหวั่นวิตกว่าจะลงตามฮ่องกงลงไปตั้งแต่50%=765หรือ2ใน3คือตั้งแต่675-635

แต่ผมคิดว่าไม่น่าใช่ เพราะหากของเราจะตามฮ่องกงก็ควรหลุด850ไปแล้ว คือSETตอนนี้ต้องลงไปเล่นแถวเขต635-675ไปแล้วหากเราจะเหมือนฮ่องกงนะครับ

ในตอนนี้ที่ฮ่องกงร่วงลงแรงมาเขต2ใน3คือราวๆ16000-15000จุด ก็ต้องดูว่าหยุดไหลเขตนี้ตามยุโรปที่ลงนำหน้าไปแล้วและหยุดไหลหรือไม่ หากใช่แล้วเด้งได้ ของเราก็น่าหยุดลงไม่เกิน1ใน3คือแย่สุด850+/-

หากพิจารณาจากโมเดล 3 ช่วงวิกฤต ก็ต้องคิดว่าเวลานี้เราอาจอยู่ช่วงที่ 2 คือซึมตัวในกรอบระหว่าง 850-950จุดไปซักระยะ จนกว่าทางยุโรปจะชัดเจนแล้วเข้าสู่ช่วง 3 เราจึงจะขึ้นช่วง 3 ไปด้วย(โดยหุ้นไทยเราต้องผ่านด่าน950+/-ขึ้นไป ก็จะเริ่มเข้าสู่ระยะที่3คือขึ้นจริงๆจังๆไม่ใช่แค่รีบาวนด์)

กลยุทธ์-ก็คงต้องทำให้สอดคล้องกับแนวโน้มที่ว่านี้คือ หากเราไม่ลงลึกกว่าเขต1ใน3 แถวบริเวณ850+/- ก็น่าเข้าช้อนซื้อไว้ หากเราคิดว่าเวลานี้วิกฤตหนี้ยุโรปอยู่ช่วงที่2ใกล้เข้าสู่ช่วงที่3แล้ว เพราะมีโอกาสฟื้นไปเขต950+/-ได้ หรืออยากขายก็ไปรอเขตนั้น(กรณีดูไปถึงปลายสัปดาห์นี้ หากทำท่าไม่มีนิวไฮเกินด่าน950แน่ๆ) หรือแม้กระทั่งเข้าสู่ช่วง3ไปทำนิวไฮรอบใหม่เกิน1148ที่ทำไว้


ทั้งนี้เว้นแต่หลุดเขต850ลงไปเด็ดขาด ก็ต้องไปอิงเล่นขาลง เพราะเสี่ยงลงไปตั้งแต่765หรือ675-635จุดได้

III.หุ้นใหญ่ในดัชนีSET50เป้าหมายตกและเป้าหมายการฟื้นตัว


ชาร์ตที่9:ดัชนีSET50 รายวัน รอบนี้ร่วงต่อเนื่องลึกสุด571 ก่อนฟื้นตัวขึ้น เมื่อวานปิดที่639 หากจะฟื้นกลับไปเขตBolinger band average=660 bolinger band top=750

แต่ในทางโครงสร้างหากคำนวณจากจุดต่ำสุด571และพีครอบก่อน806 จะมีเป้าหมายฟื้นตัวดังนี้

-ด่าน1ใน3=650-660 ต้องผ่านเขต660จึงจะไปด่านต่อไป

-คือไปต่อด่าน688,ถัดไป700หรือ715-730จุด หรือ750จุด

-แต่หากเด้งรอบนี้ไม่มีนิวไฮเกิน660ที่เป็นไฮรอบก่อนก็ต้องระวังเสี่ยงตกต่อ กระทั่งลงนิวโลว์ลึกกว่า 571


กลยุทธ์-อิงทางซื้อหรือเล่นขึ้น แต่ให้ไปรอขายทำกำไรเขต660จากนั้นรอประเมินใหม่ ว่าจะผ่านเขต660ได้หรือไม่ หากได้ควรเล่นอิงขาขึ้น หากไม่ได้ให้เล่นอิงทิศทางขาลง



**************
อบรมสอนมือใหม่ให้รวยหุ้น สอนมือเก่าแก้ไขพอร์ตยามหุ้นตก เลิกเป็นแมงเม่า รุ่นที่ 57 วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคมนี้

หลักสูตรนี้เหมาะกับมือใหม่หัดเล่นหุ้นให้รวย มือเก่าที่อยากเลิกเป็นแมงเม่าเล่นหุ้นแบบมวยวัด มาเป็นมืออาชีพที่เล่นเก่งเล่นเป็นเล่นแล้วรวย ด้วยสูตรผสมคัดหาหุ้นเด็ดปัจจัยพื้นฐานดีคำนวณหามูลค่าหุ้นด้วยตนเองไม่ต้องพึ่งใครอีกต่อไป และหาจังหวะเข้าออกแมนยำลาทีปัญหาติดหุ้น ขายหมู ตกรถ เล่นหุ่นแล้วเครียดประสาทกิน

สอนแบบจัดเต็มไม่มีกั๊กโดย -อาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธาน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TNN24 ผู้เขียนหนังสือทีเด็ดรวยหุ้นพันล้าน

ที่ ห้องอบรมเชิงปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ถนนรามคำแหง 160 (ซอยมีสทีน)

สอบถามสำรองที่นั่ง โทร.02-9275800 หรือโทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979(โปรดสอบถามเพิ่มเติม)

*ด้วยค่าเรียนคุ้มค่าที่สุดเพียงท่านละ3,000 บ.ปกติท่าน3500บาท

วันอาทิตย์ 11 กันยายน 2554

ภาคเช้า-ภาคทฤษฎี

08.30 น. ลงทะเบียน
09.00-10.45 น. อาจารย์ณัฐวุฒิบรรยาย

-การลงทุนในตลาดหุ้น ต่างกับการเล่นพนันอย่างไร?
-การลงทุนในตลาดหุ้นคืออะไร ทำไมจึงควรเอาจริง ไม่ใช่”เล่น”หุ้น
-ประสบการณ์จริงของผู้ประสบความสำเร็จร่ำรวยจากตลาดหุ้น และประสบการณ์จริงของผู้ที่ล้มเหลวเสียหายขาดทุนจากตลาดหุ้น
-ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการลงทุนหุ้น ที่ทำให้ล้มเหลวเสียหาย
-ทำไมเราจึงควรลงทุน
-เริ่มต้นการลงทุนอย่างไร ต้องใช้เงินเบื้องต้นเท่าไหร่
-ปัจจัยความสำเร็จหรือล้มเหลวในการลงทุน
-ช่องทางการลงทุนหุ้น รู้จักกับตลาดหุ้น,ตราสารหนี้,กองทุนรวม,กองทุนLTF-RMF และตราสารอนุพันธ์อย่างง่าย พร้อมกับวิธีการลงทุนในแต่ละช่องทาง พร้อมตัวอย่างของจริง
-รู้จักขั้นตอนการซื้อขายลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดอนุพันธ์
-วิธีการลงทุนแบบต่างๆ เช่น การลงทุนเพื่อรับเงินปันผล,การลงทุนเพื่อหากำไรส่วนต่าง,การลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้น
-กฎไปสู่ความสำเร็จร่ำรวย และข้อห้ามเพื่อไม่ให้เสียหายจากการลงทุนหุ้น
-Do & Don’tในการลงทุน
-คุณสมบัติ 8 ข้อไปสู่ความร่ำรวยมั่งคั่ง
-สอนวิธีการคัดหาหุ้นเด่นเล่นให้รวยด้วยตนเอง สามารถรู้จักหุ้นดี หนีหุ้นเน่า รู้เท่าทันหุ้นปั่น
-สอนการคำนวณหามูลค่าหุ้นที่เหมาะสมด้วยตนเอง ไม่ต่องไปถามหรือง้อนักวิเคราะห์ หรือโบรกเกอร์ ด้วยวิธีสํตรเคล็ดลับฉบับง่ายทำได้ด้วยตตัวเอง***(เน้นหนักลงรายละเอียด 2 หัวข้อนี้เป็นหลัก)


10.45-11.00 น. พักรับประทานอาหารว่าง

11.00-12.00 น. คุณอุบลรัตน์บรรยายการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น และตลาดอนุพันธ์
-การเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น
-การเปิดบัญชีซื้อขายตลาดอนุพันธ์ เช่น ดัชนีหุ้นล่วงหน้า และตลาดค้าทองคำล่วงหน้า
-ขั้นตอนการสั่งซื้อ หรือคำสั่งขาย
-วิธีการซื้อหรือขายเพื่อทำกำไร หรือตัดภาวะขาดทุนไม่ให้ติดหุ้น
-วิธีการซื้อขายทางอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเอง

12.00-13.00 พักรับประทานเที่ยง

ภาคบ่าย-ภาคปฏิบัติ
13.00-15.00 น.รู้จักเครื่องมือเทคนิคอย่างง่ายที่ให้ผลแม่นยำในการลงทุน และรู้จักเคล็ดลับคัดหาหุ้นเด่นด้วยโปรแกรมเทคนิคอย่างง่สยได้ผลดี เล่นแบบนี้สิรวย

15.00-15.30 น.พักรับประทานอาหารว่าง

16.30-17.00 น.สรุปผลการเรียนการสอน และปิดการอบรม
ขั้นตอนการสมัคร ส่งแฟกซ์หลักฐานการชำระเงิน มาที่หมายเลข :02-927-5881-02-9275880 E-Mail: tontan2008@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ชำระเงินผ่านธนาคารในนามบัญชี บริษัหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด
ประเภท ออมทรัพย์ www.tontancorp.com

1. ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 056-0-25774-3
2. ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 735-2-38116-5
3. ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 136-2-18236-6

" บริหารความเสี่ยง เลี่ยงขาดทุน ทวีคูณกำไร "

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คัมภีร์หุ้นไทย(5-7ตุลาคม2554):อัพเดตCreative Destruction โมเดลเวลาเกิดวิกฤตการณ์ในตลาดหุ้นกับโมเดล 3 ขั้นบันได ตอนนี้น่าอยู่ในช่วงที่2ก่อนจะชี้ขาดเข้าสู่ขั้นที่3ไม่น่าพลาดสำหรับทำความเข้าใจ

อบรมเชิงปฏิบัติการเรียนกราฟขั้นเทพ ได้จังหวะช้อนหุ้นดีราคาถูกช่วงตกกระหน่ำ แนะนำแนวทางแก้ไขพอร์ต

อบรมเชิงปฏิบัติการเรียนกราฟเทคนิคขั้นเทพรุ่นที่ 21 วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคมนี้ อีกครั้งกับการฟันธงมิติเวลาTIME ZONEมหัศจรรย์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่นี่ที่เดียว พร้อมสูตรลับคัดหุ้นเด่นเล่นให้รวยด้วยชาร์ตเทคนิค+คำนวณหาราคาเป้าหมายทางพื้นฐานอย่างง่าย ได้หุ้นดีในยามตลาดหุ้นตกหนักในราคาถูก และแนะแนวการแก้ไขพอร์ตสำหรับท่านที่ติืดหุ้น พลิกสถานการณ์เอาทุนคืนอย่า่งไร? ด้วยลูกสูตรCreative Destruction ที่ผมพานักลงทุนเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสทองมาหลายครั้งในรอบ15ปีมานี้

พิเศษแจ้งรับสมาชิกรับหุ้นเด่นแม่นยำฉับไวก่อนใครวันนี้ ได้สิทธิ์เข้าเรียนฟรี โทรสอบถามที่ โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979


โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์

ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

บทความนี้จะล่าช้ากว่าที่ส่งให้สมาชิกอ่าน และไม่มีแนะนำหุ้นเด่น สำหรับหุ้นเด่นรายตัว แนะนำท่านสมาชิกอ่านที่www.tintancorp.comครับ

***หมายเหตุ:บทความนี้จะลงช้าไป 1 วัน สมัครสมาชิกเพื่อติดตามบทความนี้แบบupdateก่อนใคร ในช่วงก่อนเปิดทำการภาคเช้า อ่านชาร์ตประกอบ และฟันธงหุ้นเด่นรายตัว ก่อนเปิดตลาดทุกเช้า ที่ http://www.tontancorp.com/ หรือรับหุ้นเด่น และSET50 พร้อมจุดซื้อจุดขาย ข่าวด่วนข่าวร้อนก่อนใครผ่านทางSMS แม่นยำ กำไร สอบถามสมัครสมาชิก โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979

I.ว่าด้วยโมเดลวิกฤต 3 ช่วงของตลาดหุ้น รอบนี้จะเข้าข่ายนี้หรือไม่? เพื่อตอบโจทก์ที่วิตกกันว่าวิกฤตรอบนี้จะมีอนาคตไปทางใดกันแน่?



ชาร์ตที่1:ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ผมขอนำรูปแบบหรือโมเดลเวลาตลาดหุ้นเจอวิกฤติต่างๆ (วิกฤตเศรษฐกิจ,วิกฤตการเมือง,วิกฤตภัยพิบัติธรรมชาติ,วิกฤตโรคระบาด,วิกฤตสงคราม,วิกฤตการจลาจล เป็นต้น) โดยทั่วไปแล้ว ผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงด้วยกัน ดังนี้

ช่วงที่1:Panic sell นักลงทุนจะเทขายด้วยความตระหนกตกตื่นเพราะเกรงว่าผลลบจะหนักหน่วง เช่น รอบนี้ก็กลัวว่ากรีซจะล้มละลาย ฉุดยุโรปและทั้งโลกลากยาวดำดิ่งสู่วิกฤตการณ์ ทำให้ต่างเทขายแบบpanic sell ทำให้ตลาดหุ้นร่วงหนัก

ช่วงที่2:Sidewayซึมตัวรอข่าวที่ชัดเจน เป็นช่วงที่คนในตลาดหายตระหนก แต่ก็ไม่มีความหวังในทางที่ดี และยังปริวิตกต่ออนาคต ทำให้ฝ่ายซื้อก็เกร็ง ฝ่ายขายก็ขายจนพอแล้ว มักทำให้ตลาดช่วงนี้ซึมตัวซบเซา วอลุมเทรดเบาบางลง และรอคอยข่าวที่ชัดเจนว่า จะลงเอยอย่างไรแน่

ช่วงที่3: Creation Destructive Marketหรือการสร้างสรรค์เชิงทำลาย หรือการอุบัติใหม่ ช่วงนี้คือสถานการณ์ชัดเจนแล้ว เช่น รอบนี้ก็จะสรุปชัดว่า ยุโรปจะช่วยกอบกู้วิกฤตในกรีซหรือไม่? ซึ่งโดยทั่วไปของโมเดลนี้ก็คือ ไม่ว่าผลสรุปสุดท้ายจะออกมาเช่นไร(ช่วยหรือไม่ช่วย/เกิดหรือไม่เกิดสงคราม,ใครจะแพ้หรือชนะเลือกตั้ง,ผลของการจลาจลทางการเมืองใครแพ้หรือชนะฯลฯ)ถือว่าจบข่าวที่วิตกกัน ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ตลาดหุ้นจะขึ้นทุกครั้งและขึ้นแรงและไปทำนิวไฮ สูงกว่ายอดพีครอบก่อนเสมอ

ข้อสรุป-หากพิจารณาจากชาร์ตของตลาดหุ้นโลกก็ต้องคาดว่าตลาดหุ้นโลกเวลานี้ผ่านช่วงที่1ไปแล้ว เวลานี้กำลังอยู่ในช่วงที่2คือซึมตัวรอผลสรุปที่ชัดเจน ส่วนช่วงที่3ก็เมื่อผลออกมาชัดเจนแล้วตลาดหุ้นจะขึ้นแรงและทำนิวไฮเหมือนทุกวิกฤตการณ์ที่เคยเจอมาหรือไม่ ไม่นานคงมีคำตอบ(ตามกำหนดการก็ต้องเป็นกลางเดือนพ.ย.จะเข้าสู่ช่วงที่3 ซึ่งก็นานพอดูสำหรับตลาดหุ้น)

ผมมักโดนถามประจำเวลานำโมเดลCreation Destructive Marketมาให้ดูว่าหากผลสรุปออกมาแย่มากๆมันไม่ฉุดให้หุ้นร่วงลงต่อหรือ คำตอบคือ สถิติที่ผ่านมาไม่ตกต่อครับ เพราะตลาดได้ซึมซับเอาปัจจัยลบไปหมดแล้วตั้งแต่ในช่วงระยะที่1ครับ


กลยุทธ์บันได 3 ขั้น-ข้อแนะนำทางกลยุทธ์ที่ผมแนะนำเสมอในช่วงเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆก็คือว่า ในช่วงที่1อย่าไปฝืนแรงขายและข่าวร้ายให้ขายตามน้ำ

แต่ในช่วงที่2หลังจากซึมมาระยะพอสมควร เป็นช่วงเวลาที่น่าช้อนซื้อหุ้นมาก หรือก็อย่าไปขายหุ้นทิ้ง

แต่หากคุณไม่มั่นใจก็คอยจนกว่าเข้าช่วงที่3คือมีข้อสรุปชัดเจน(ไม่ว่าข้อสรุปนั้นจะดีหรือแย่ขนาดไหน)ตลาดจะเริ่มขึ้น คุณค่อยไปfollow buy หรือถือหุ้นรอเอาทุนคืนจังหวะนั้น

II.เปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นต่างประเทศ จริงไหมที่ว่าเราไปทางเดียวกับฮ่องกง? และโมเดลของตลาดหุ้นยามวิกฤติคราวนี้จะเข้าข่ายบันได 3 ขั้นหรือไม่?



ชาร์ตที่2:หุ้นไทย เทียบไปแล้วคือเราตกเขต1ใน3retracement (เมื่อคำนวณจากยอดพีค1148และจากฐานที่ขึ้นมาจาก380จุดเมื่อปี2551) กล่าวคือเทียบเท่ามาตรฐานโลกคือดัชนีดาวโจนส์ และพอๆกับโซนเดียวกับเราคือTIP

หุ้นไทย เทียบไปแล้วคือเราตกเขต1ใน3retracement (เมื่อคำนวณจากยอดพีค1148และจากฐานที่ขึ้นมาจาก380จุดเมื่อปี2551) กล่าวคือเทียบเท่ามาตรฐานโลกคือดัชนีดาวโจนส์ และพอๆกับโซนเดียวกับเราคือTIP เพียงแต่เราลงมากกว่าอินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์

-เขต1ใน3ที่ว่านี้ตัวเลขอนุกรมไฟโบนัชชี่=850จุด+/- เมื่อวานก่อนลงลึกสุด843ปิด ดีที่ว่าฟื้นกลับมาปิดที่38.20%retracement=855จุดได้ เลยฟื้นต่อ เมื่อวานปิดที่862จุด

-ข้อที่ต้องพิจารณาก็คือ หากเราแย่พอๆกับฮ่องกง(ซึ่งคนไทยมักไปคิดว่าเราขึ้นหรือลงตามฮ่องกง) หุ้นไทยเราเวลานี้ก็ต้องลงไปเขต50%retracement=764จุดเป็นอย่างน้อย หรือต้องตกลงไปเขต2ใน3=673หรือ636 เท่ากับตลาดฮ่องกงไปแล้ว แต่ความจริงคือเราลงมาแค่เขต1ใน3เท่านั้น(เทียบเท่าแล้วหุ้นฮ่องกง=19000-20000จุด)


หากจะบอกว่าเราเหมือนหรือคล้ายใครมากกว่า คำตอบคือเหมือนกับดาวโจนส์ และคล้ายกับอีก2ตลาดในโซนTIP


II.เปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นต่างประเทศ จริงไหมที่ว่าเราไปทางเดียวกับฮ่องกง?

2.1ตลาดหุ้นยุโรปซึ่งนำตลาดหุ้นทั่วโลกตกรอบนี้ ตอนนี้ดูเหมือนจะมีสัญญาณฟื้นตัว หรืออาจต่ำสุดไปแล้ว

ชาร์ตที่1:ดัชนีDAXตลาดหุ้นเยอรมัน ซึ่งเป็นภาพตัวแทนของตลาดหุ้นยุโรปที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ นำตลาดหุ้นทั่วโลกลงในรอบนี้ ได้ตกจากพีค7600จุด ลงมาถึงแนวรับสุดท้ายเขต4900จุด แล้วฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับเกิดBullish divergenceในRSIของชาร์ตรายวัน

ประเด็นนี้เป็นการจุดประกายว่า น่าจะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นยุโรปอาจจะยืนยันจบขาลง แล้วเปลี่ยนเป็นขาขึ้น หรือไซด์เวย์ จะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ลงหนักตามยุโรป มีโอกาสฟื้นไข้ตามในระยะต่อไป

2.2ตลาดหุ้เนอเมริกาตกน้อยกว่ายุโรป แต่มีด่านสำคัญแถว10500เป็นปราการรับด่านสำคัญ

ชาร์ตที่2:ส่วนตลาดหุ้นอเมริกา ร่วงลงน้อยกว่ายุโรป คือลงมาเขต1ใน3fibonacci retracement(ขณะที่ยุโรปอย่างเยอรมันตกไปถึงเขต2ใน3) ดัชนีดาวโจนส์ทำรูปแบบDouble bottomเขต10600+/-ก็อาจหยุดไหลลงแล้วฟื้นตัวขึ้น หรือแกว่งไซด์ เวย์ซึมตัวออกข้าง(แม้เมื่อคืนวันศุกร์ตกหนักก็ยังอยู่ในกรอบไซด์เวย์อยู่ จะน่าห่วงก็คือหากหลุดเขต10500ลงไปจึงจะเป็นทิศทางขาลงต่อไป)

2.3ฮ่องกงอาจลงมาเขต2ใน3ราวๆ16000-15450แล้วหยุดไหลลง

ชาร์ตที่3:ดัชนีหุ้นฮ่องกงลงมามากกว่าอเมริกา ดัชนีหุ้นฮ่องกงลงมามากกว่าอเมริกา ล่าสุดเมื่อวานก่อนลงมาลึกสุดที่16170จุด ลงมาเท่ากับยุโรป คือเขต2ใน3retracement บริเวณ16140-15450 ก็เป็นไปได้อาจลงมาเท่ายุโรปแล้วฟื้น หรือเข้าสู่ช่วงที่2ของวิกฤต(โดยหากผ่านเขต17800จะเป็นการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง)

2.4ตลาดหุ้นไทยลงมาเขต1ใน3เท่าๆกับอเมริกาและตลาดTIPไม่ได้ร่วงตามฮ่องกง

เวลาที่ฝรั่งต่างชาติมาลงทุนในโซนตลาดหุ้นบ้านเราเขาจะเรียกว่าTIP-Thailand,Indonesia,Philippines ซึ่งจะพบว่าเราจะคล้ายๆกลุ่มนี้มากกว่าฮ่องกง กล่าวคือขณะที่ฮ่องกงลงไปเขต2ใน3แต่ของเราเพิ่งตกลงมาเขต1ใน3(เมื่อคำนวณจากยอดพีค1148และจากฐานที่ขึ้นมาจาก380จุดเมื่อปี2551)


ชาร์ตที่4:ตลาดเอินโดนีเซียล่าสุดลงมาใกล้เขต1ใน3ลงน้อยกว่าหุ้นไทยเล็กน้อย

ชาร์ตที่5:เช่นเดียวกับตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่ลงมาใกล้เขต1ใน3ตกน้อยกว่าไทยเล็กน้อยเช่นกัน

ชาร์ตที่6:หุ้นไทย เทียบไปแล้วคือเราตกเขต1ใน3retracement (เมื่อคำนวณจากยอดพีค1148และจากฐานที่ขึ้นมาจาก380จุดเมื่อปี2551) กล่าวคือเทียบเท่ามาตรฐานโลกคือดัชนีดาวโจนส์ และพอๆกับโซนเดียวกับเราคือTIP

-เขต1ใน3ที่ว่านี้ตัวเลขอนุกรมไฟโบนัชชี่=892หรือ855จุด โดยในสัปดาห์ก่อนหุ่นไทยเราตกมาแล้วที่867จุด ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ว่านี้
-หากเราแย่พอๆกับฮ่องกง(ซึ่งคนไทยมักไปคิดว่าเราขึ้นหรือลงตามฮ่องกง)เราต้องลงไปเขต50%retracement=764จุดไปแล้ว หรือลงไปเขต2ใน3=673หรือ636ไปแล้ว

ข้อสรุป-ดังนั้นก็ควรเข้าใจให้ถูกว่าหุ้นไทยไม่ได้ขึ้นหรือลงแบบเดียวกับฮ่องกงนะครับ ของเราตอนนี้จะไปทางเดียวกับดาวโจนส์ หรือTIPเป็นหลัก คือลงมาเขต1ใน3 ก็คือบริเวณ850+/- หากยืนได้มีโอกาสจะเด้งรีบาวนด์ หรือกระทั่งเป็นจุดต่ำสุดก่อนการฟื้นขึ้นรอบใหญ่(ซึ่งต้องดูตลาดยุโรปประกอบเป็นหลักว่าเขตนี้พอหรือยัง?)

เว้นแต่ว่าเราจะหลุดเขต1ใน3 หรือ850+/-ลงไปเด็ดขาด อันนั้นก็น่าหวั่นวิตกว่าจะลงตามฮ่องกงลงไปตั้งแต่50%=765หรือ2ใน3คือตั้งแต่675-635 แต่ผมคิดว่าไม่น่าใช่ เพราะหากของเราจะตามฮ่องกงก็ควรหลุด850ไปแล้ว คือSETตอนนี้ต้องลงไปเล่นแถวเขต635-675ไปแล้วหากเราจะเหมือนฮ่องกงนะครับ

ในตอนนี้ที่ฮ่องกงร่วงลงแรงมาเขต2ใน3คือราวๆ16000-15000จุด ก็ต้องดูว่าหยุดไหลเขตนี้ตามยุโรปที่ลงนำหน้าไปแล้วและหยุดไหลหรือไม่ หากใช่แล้วเด้งได้ ของเราก็น่าหยุดลงไม่เกิน1ใน3คือแย่สุด850+/-

หากพิจารณาจากโมเดล 3 ช่วงวิกฤต ก็ต้องคิดว่าเวลานี้เราอาจอยู่ช่วงที่ 2 คือซึมตัวในกรอบระหว่าง 850-950จุดไปซักระยะ จนกว่าทางยุโรปจะชัดเจนแล้วเข้าสู่ช่วง 3 เราจึงจะขึ้นช่วง 3 ไปด้วย


กลยุทธ์-ก็คงต้องทำให้สอดคล้องกับแนวโน้มที่ว่านี้คือ หากเราไม่ลงลึกกว่าเขต1ใน3 แถวบริเวณ850/- ก็น่าเข้าช้อนซื้อไว้ หากเราคิดว่าเวลานี้วิกฤตหนี้ยุโรปอยู่ช่วงที่2ใกล้เข้าสู่ช่วงที่3แล้ว เพราะมีโอกาสฟื้นไปเขต945หรือ960จุดได้ หรืออยากขายก็ไปรอเขตนั้น หรือแม้กระทั่งเข้าสู่ช่วง3ไปทำนิวไฮรอบใหม่เกิน1148ที่ทำไว้ ทั้งนี้เว้นแต่หลุดเขต850ลงไปเด็ดขาดภายในสัปดาห์นี้ ก็ต้องไปอิงเล่นขาลง เพราะเสี่ยงลงไปตั้งแต่765หรือ675-635จุดได้

*********

อบรมเชิงปฏิบัติการเรียนกราฟขั้นเทพ ได้จังหวะช้อนหุ้นดีราคาถูกช่วงตกกระหน่ำ แนะนำแนวทางแก้ไขพอร์ต


อบรมเชิงปฏิบัติการเรียนกราฟเทคนิคขั้นเทพรุ่นที่ 21 วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคมนี้ อีกครั้งกับการฟันธงมิติเวลาTIME ZONEมหัศจรรย์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่นี่ที่เดียว พร้อมสูตรลับคัดหุ้นเด่นเล่นให้รวยด้วยชาร์ตเทคนิค+คำนวณหาราคาเป้าหมายทางพื้นฐานอย่างง่าย ได้หุ้นดีในยามตลาดหุ้นตกหนักในราคาถูก และแนะแนวการแก้ไขพอร์ตสำหรับท่านที่ติืดหุ้น พลิกสถานการณ์เอาทุนคืนอย่า่งไร?

พิเศษแจ้งรับสมาชิกรับหุ้นเด่นแม่นยำฉับไวก่อนใครวันนี้ ได้สิทธิ์เข้าเรียนฟรี โทรสอบถามที่ โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979



กำหนดการ หลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการเรียนกราฟเทคนิคชั้นสูง เพื่อการซื้อขายหุ้นอย่างแม่นยำสำหรับมือเซียน(เทคนิคขั้นเทพ)รุนที่ 20 วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายนนี้ รีบจองก่อนที่นั่งเต็ม

สอนแบบจัดเต็มไม่มีกั๊กโดย-อาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธาน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TNN24

สถานที่ –ห้องประชุมฝึกอบรม บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ถนนรามคำแหง 160

วัน/เวลา เวลา-08.30-17.30 น. วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2554

โปรแกรมที่ใช้ฝึกอบรม-โปรแกรมกราฟAPEX-IRS(มีอาจารย์ช.โชติวงศ์ เจ้าของ และefinancethai(หากมีอยู่แล้วก็ลงโปรแกรมมาด้วย หากไม่มีหรือไม่เคยใช้ ที่ห้องฝึกอบรมเตรียมไว้ให้แล้ว)

โปรแกรมมาร่วมสอนด้วย ในหัวข้อคัดหุ้นเด่นด้วยโปรแกรมAPEX-IRS)

กำหนดการฝึกอบรม

08.30-09.00-ลงทะเบียนเรียน

09.00-10.30-ทบทวนและฝึกปฏิบัติการเรื่องแนวโน้ม(แนวโน้มขาขึ้น ,แนวโน้มขาลง,แนวโน้มซึมตัว และการใช้เส้นแนวโน้มTrend line) เพื่อรู้หัวใจหลักของการวิเคราะห์ทางเทคนิค จะได้รู้ว่าหุ้นกำลังจะขึ้นหรือจะตก หรือทรงๆ พร้อมกับกลยุทธ์ลงทุน หรือเก็งกำไรที่สอดคล้องกับแนวโน้ม

-ทบทวนการใช้กราฟแท่งเทียน(Candle stick)ที่บอกสัญญาณว่าหุ้นจะขึ้นหรือตกอย่างแม่นยำ และทบทวนการใช้เครื่องมือเทคนิคอย่างง่ายที่ให้ผลแม่นยำในการลงทุน (อย่างย่อพอสังเขป)

10.30-10.45-พักรับประทานอาหารว่าง

10.45.12.30 น.-ต่อยอดแนวโน้ม ด้วยทฤษฎีคลื่น Elliot Wave และฝึกปฏิบัติการนับคลื่น ทั้งคลื่นของแนวโน้มระยะยาว(Major trend),ระยะสั้น(Minor trend),ระยะสั้นมากระดับนาที(Sub-minor trend) ช่วยให้รู้ว่าตอนนี้หากตลาดเป็นขาขึ้น อยู่ช่วงไหนของขาขึ้น ตีนดอย กลางดอย ปลายดอย หรือยอดดอย (คลื่นขาขึ้น 1-2-3-4-5) และขาลง ตกถึงไหนแล้ว ตอนนี้จบหรือยัง หรือมีลงต่ออีกยาว?(คลื่นa-b-c) พร้อมกับฝึกปฏิบัติการนับคลื่นของหุ้นที่เราลงทุนอยู่ หรือสนใจเข้าลงทุน ให้แม่นยำไม่หลงทาง

12.30-13.15 น.พักรับประทานอาหารเที่ยง

13.15-14.30 น.-การใช้ตัวเลขอนุกรมมหัศจรรย์Fibonacci numberเพื่อหาราคา(Pricing)ที่เป็นจุดซื้อ,จุดขาย,แนวรับ(ราคาที่น่าซื้อ) แนวต้าน(ราคาที่น่าขายทำกำไร)

การใช้Fibonacci numberคำนวณหาจุดซื้อ+จุดขายในแนวโน้มขาขึ้น,แนวโน้มขาลงและแนวโน้มแกว่งออกด้านข้าง(แต่ละแนวโน้มใช้สูตรการคำนวณและตีเส้นแนวรับและแนวต้านแตกต่างกันไป)อย่างแม่นยำราวกับจับวาง โดยลงมือปฏิบัติจริง
14.30-14.45 พักรับประทานอาหารว่าง

14.45-16.00 น. การใช้ตัวเลขอนุกรมมหัศจรรย์Fibonacci number ประกอบกับแนวโน้มและทฤษฎีคลื่นเพื่อหามิติเวลา(Timing หรือ Time Zoneมหัศจรรย์)ว่าเวลาไหนที่น่าเข้าซื้อ ต้องใช้เวลาถือครองไปนานเท่าไหร่ เวลาไหนที่คาดการณ์ว่าจะพีคถึงยอดดอย เพื่อขายทำกำไร และเวลาไหนที่ตลาดหุ้นจะลงไปbpttom outเพื่อควานหาจุดซื้อที่เขตต่ำสุด หรือพ้นจุดต่ำสุด หลักสูตรนี้มีสอนที่นี่ที่เดียว พิสูจน์ความแม่นยำราวกับจับวางโดยอาจารย์ณัฐวุฒิมานานกว่า 15 ปี เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ


16.00-17.00น. รูปแบบราคา(Price pattern)ที่บ่งบอกถึงการเตรียมการจะเปลี่ยนแนวโน้ม(กำลังจะเปลี่ยนทางจากขาลงเป็นขาขึ้น หรือเปลี่ยนทางจากขาขึ้นไปเป็นขาลง) เช่น รูปแบบหัวและไหล่ ,รูปแบบ 2ยอดหรือ3ยอดดอย(Double top & triple top) รูปแบบ2ก้น3ก้น(Double top &triple top),รูปแบบที่บ่งบอกถึงการต่อเนื่องของแนวโน้ม คือยังขึ้นหรือตกต่อ และรูปแบบกำลังเลือกทางว่าจะไปทางใดทางหนึ่ง หากดูเป็นมีสิทธิ์รวยไม่รู้เรื่อง หากดูไม่เป็นมีสิทธิ์งานเข้าซวยเสียหายหลายล้าน (เช่น รูปแบบสามเหลี่ยม,สี่เหลี่ยม) เป็นต้น


17.00-17.30 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของค่าเงินดอลลาร์,ค่าเงินบาท,ตลาดทองคำ,น้ำมัน,ตลาดหุ้นต่างประเทศ และการซื้อขายของนักลงทุนรายใหญ่(ฝรั่งและกองทุน)ที่มีผลต่อการขึ้นหรือตกของตลาดหุ้น และราคาหุ้นที่เราลงทุนไว้ หรือสนใจจะเข้าลงทุน และบรรยายกลยุทธ์ลงทุนเล่นหุ้นให้รวยหลังเลือกตั้ง3ก.ค.รอบนี้ขึ้นไปถึง7ตุลาคม พร้อม 4 หุ้นเด่นเน้นผลตอบแทนงามกำไรก้อนใหญ่


17.30-17.45น.-นำความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาตลอดวัน นำมาบูรณาการ หรือผสมกันเป็นสูตรคัมภีร์เทคนิครวยหุ้นขั้นเทพด้วยตัวคุณเอง โดยสามารถบอกได้ว่า หุ้นที่เราลงทุนไว้ หรือสนใจอยู่น่าซื้อ หรือน่าขาย น่าซื้อราคาไหน น่าขายราคาไหน น่าซื้อหรือขายเมื่อใด น่าถือครองไปนานค่าไหน โดยใช้องค์ความรู้ที่เรียนมาเพื่อนำไปเพิ่มพูนกำไรให้มั่งคั่งกว่าเดิม

*พิเศษแนะนำหุ้นเด่นที่สุดในตลาดเวลานี้ 4 หุ้นที่เด่นทั้งทางเทคนิคและพื้นฐาน ให้ท่านนำไปลงทุนให้รวย และได้วิชาไปประกอบการซื้อขายตลอดชีวิต


พิเศษแจ้งรับสมาชิกรับหุ้นเด่นแม่นยำฉับไวก่อนใครวันนี้ ได้สิทธิ์เข้าเรียนฟรี โทรสอบถามที่ โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979