วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คัมภีร์หุ้นไทย(25-28ตุลาคม2554):ทฤษฎีทำลายเชิงสร้างสรรค์(Creative Detruction)กับวิกฤตน้ำท่วมกรุงเทพฯ และหุ้นน้ำมัน+เคมีกับราคาน้ำมันโลก เล่นอย่างไรรวย




โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์

ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

บทความนี้จะล่าช้ากว่าที่ส่งให้สมาชิกอ่าน และไม่มีแนะนำหุ้นเด่น สำหรับหุ้นเด่นรายตัว แนะนำท่านสมาชิกอ่านที่www.tintancorp.comครับ

***หมายเหตุ:บทความนี้จะลงช้าไป 1 วัน สมัครสมาชิกเพื่อติดตามบทความนี้แบบupdateก่อนใคร ในช่วงก่อนเปิดทำการภาคเช้า อ่านชาร์ตประกอบ และฟันธงหุ้นเด่นรายตัว ก่อนเปิดตลาดทุกเช้า ที่ http://www.tontancorp.com/ หรือรับหุ้นเด่น และSET50 พร้อมจุดซื้อจุดขาย ข่าวด่วนข่าวร้อนก่อนใครผ่านทางSMS แม่นยำ กำไร สอบถามสมัครสมาชิก โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979


I.วิตกวิกฤตน้ำท่วมกรุงกับผลกระทบต่อตลาดหุ้น 3 ระยะ และกลุ่มที่มีผลกระทบได้เสีย?

*จับตา ครม.วันนี้ พิจารณาให้วันที่ 28-31 ต.ค.นี้ เป็นวันหยุด (แต่ตลาดหุ้น+แบงก์คงไม่ได้หยุด)

-ในการประชุม ครม.วันอังคารนี้(25ต.ค.) วาระสำคัญ จะมีการพิจารณาให้วันที่ 28 - 31 ตุลาคม นี้ เป็นวันหยุดราชการ ตามการเสนอของผู้ว่ารุงเทพมหานคร ( กทม.) เนื่องจากจะคาดว่าน้ำทะเลจะหนุนสูง และน้ำเหนือเริ่มเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครมากขึ้น จนทำลายแนวคันกั้นน้ำ ในหลายพื้นที่กทม. และล่าสุดคือบริเวณรอยต่อแนวคลองแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนเข้าสู่กรุงเทพฯ ชั้นใน อาทิ เขตบางพลัด เมื่อคืนที่ผ่านมา

*มูดี้ส คาด น้ำท่วมทำจีดีพีปีนี้หดเหลือโตแค่ 2.8% แต่ยันยังไม่กระทบเครดิตไทย เชื่อฐานะการคลังรองรับค่าเสียหายครั้งนี้ได้ -บริษัทมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้เปิดเผยรายงาน 'Weekly Credit Outlook' ล่าสุดเกี่ยวกับเหตุการณ์น่ำท่วมในประเทศไทย โดยคาดการณ์ว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจะส่งผลให้ไทยได้รับความเสียหายประมาณ 2 แสนล้านบาท (6.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือคิดเป็น 2% ของจีดีพีในปี 2554 และคาดว่าจีดีพีของไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 2.8% แต่ก็คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวขึ้นเหนือระดับ 4% ได้ในปี 2556

นอกจากนี้ มูดีส์ยืนยันว่า เหตุการณ์น้ำท่วมจะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีฐานะการคลังที่จะสามารถรองรับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ได้

*บทวิเคราะห์โมเดลการทำลายเชิงสร้างสรรค์( Creative destruction market) ต่อตลาดหุ้นในวิกฤตน้ำท่วม

-ระยะที่1 ความเครียดความกังวลและความวิตกเรื่องน้ำจะท่วมกรุงเทพฯท่ามกลางความไม่ชัดเจนว่าจะท่วมหรือไม่ท่วม ท่วมน้อยหรือมาก ท่วมนานหรือสั้น ทำให้คนกรุงเทพฯเกิดPanicไปทั่ว สังเกตจากการแห่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภถคกักตุน จนขาดตลาด การนำรถยนต์หนีน้ำขึ้นไปจอดบนทางยกระดับ ทางด่วน หรือสะพานต่างๆ เรื่องนี้ก็สะท้อนมาที่ตลาดหุ้นเช่นกัน

ชาร์ตที่1:Creative destruction marketที่ผมนำมาให้ดูบ่อยๆว่าเวลาเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นออกเป็น 3 ช่วง

*ช่วงแรกPanic sellหรือตกตื่นขาย เพราะเครียด กังวล คาดการณ์ในทางร้ายว่าจะส่งผลเสียหายมาก

*ช่วงที่2หลังหายpanicแล้วก็จะซึมรอเหตุการณ์ที่ชัดเจนว่าจะเป็นแบบใดนแน่ ระหว่างนั้นคนก็จะเริ่มแยกแยะว่าใครได้ใครเสียจากวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยซื้อขายกัน ทำให้ตลาดซึม วอลุมบางหดตัว คนจะเบื่อๆตลาด คนที่สิ้นหวังก็อยากขาย

*ช่วงที่3เกิดเหตุการณ์ชัดเจนแล้ว เช่น ท่วมแน่ๆแล้ว หรือไม่ท่วมแน่ๆ ไม่ว่าอย่างไรตลาดหุ้นก็จะขึ้น เพราะได้ซึมซับเอาปัจจัยลบไว้ในช่วงที่1ไปหมดแล้ว

กลยุทธ์วิกฤตน้ำท่วม-ก็ทำเหมือนทุกวิกฤตนั่นแหละครับคือ

*ในช่วงที่1ที่คนเขาวิตกกังวลเทขายด้วยความตกตื่น ท่านไม่ควรไปสวนทาง หรือไปเถียงเขา ปล่อยให้ขายซะให้พอ (ผมคิดว่าช่วงนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในสัปดาห์ก่อนตอนตกจากเขต973ลงมาที่902จุด)

*ในช่วงที่2 ซึ่งตลาดจะซึมๆรอข่าวที่ชัดเจน วอลุมจะหดหาย บรรยากาศซื้อขายน่าเบื่อ ซึมกระทือ หรือแกว่งตัวในกรอบจำกัด รอข่าวชัดเจน(ตอนนี้ที่รอกันคือตอนช่วง28-31ต.ค.น่าจะเจอท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯซะที) นี่เป็นจังหวะดีโอกาสทองที่ท่านจะได้ซื้อของถูก และอย่าไปหมดใจเบื่อขายในช่วงนี้เป็นพอ

*ในช่วงที่3เมื่อเกิดความชัดเจนหายคลุมเครือ ขนาดน้ำท่วมกรุงเทพฯจมเป็นเมืองบาดาล หุ้นมันก็จะขึ้นเพราะหายกังวลแล้ว เรื่องเกิดแล้ว ราคาก็ตกไปในช่วงแรกแล้ว หุ้นจะขึ้น หากท่านเอาชัวร์ก็รอข่าวชัดๆแล้วซื้อซะ หรือ หากซื้อไว้ในช่วง2ก็รอขาย ปกติจะทำนิวไฮ(รอบล่าสุดมียอดไฮ973 หากชัดเจนก็จะขึ้นนิวไฮในรอบหน้า อาจเป็นเขต1000+/-)

II.กลุ่มไหนได้หรือเสีย

เสีย-พวกนิคมอุตสาหกรรม อย่างROJNA NNCL อาจรวมไปถึงผลเสียทางจิตวิทยาต่อกลุ่มแบงก์ที่ต้องปรับโครงสนร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลเสียหาย(สังเกตจาก2วันที่ผ่านมาแบงก์ลงหนัก แต่ผมคิดว่าหากเจอไฟต์บังคับก็คงหนีไม่พ้นแบงก์รัฐบาลอย่างKTB หรือพวก ธอส. ธกส.ครับ) นอกจากนั้นก็เป็นพวกบ้านจัดสรรที่คงหาคนซื้อไม่ได้ หรือขึ้นโครงการมาก็แย่ ต้องไปพิจารณาเป็นรายตัวไป แต่รวมๆพวกบ้านจัดสรรคงอ่วมจากน้ำท่วมแน่

ดี-พวกได้อานิสงส์ในตลาดดูจะมากกว่า ทั้งกลุ่มอุปโภคบริโภคที่คนแห่ตุนอย่างห้างBIGC MAKRO ROBINS CPALLพวกอาหารอย่างCPF TF พวกวัสดุก่อสร้างและสินค้าเกี่ยวกับบ้านอย่างTASCO SCC SCCC TPIPL HMPRO GLOBAL DCC หรือพวกสื่อสารที่คนต้องดูหรือใช้มากกว่าปกติอย่างBEC MCOT ADVANC DTAC TRUE

III.เป้าตกปรับฐาน และการทรงตัวในระยะที่2ของทฤษฎีสร้างสรรค์เชิงทำลาย


ชาร์ตที่2:รอบที่ผ่านมาตลาดหุ้นเราได้รับผลกระทบวิกฤตหนี้ในยุโรปเลยร่วงลงมาเขต843หรือเขต1ใน3ของโครงสร้างใหญ่(วัดจากพีค1148เมื่อต้นเดือนสิงหาคม กับฐาน380เมื่อเดือนพฤศจิกายน2551)แล้วฟื้น แต่ปัญหาคือขึ้นไปยังไม่ผ่านแนวต้านDowntrend ซึ่งสัปดาห์นี้(25-28)อยู่เขต970 ส่วนสัปดาห์หน้าลดลงมาแถว935จุด

การลงนี้ก็ต้องคาดว่ามีกรอบแนวรับใหญ่เขต900-843จุดโดยประมาณ ซึ่งผมคิดว่าไม่ควรแย่กว่านี้ เหตุก็ดังที่เคยแจ้งไปว่า

1.วิกฤตหนี้ยุโรปได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยไปเพียงพอแล้ว ตอนนี้เข้าช่วงระยะที่2หรือระยะที่3 หุ้นไทยก็รับข่าวนี้ไปเยอะเพียงพอแล้ว

2.วิกฤตน้ำท่วมก็ซัดหุ้นเราตกหนักๆในช่วง1แล้วในสัปดาห์ก่อน และคาดว่าจะเข้าช่วง2ในสัปดาห์นี้คือซึมและน่าเบื่อหน่ายในระยะนี้(ก็ต้องสังเกตว่าซึมและวอลุมหาย และน่าเบื่อหรือยัง หากใช่ก็อยู่ในระยะที่2ครับ)


ชาร์ตที่3:ดังนั้นหากเจอวิกฤตน้ำท่วมควรจะมีฐานในการตกแค่ไหน เมื่อวัดจากพีครอบล่าสุด973และฐาน843จะออกมาเท่ากับด่านแรกๆ908ถัดไป893-885จุด แนวต้านตอนนี้ก็จะเป็น924,930-935และ970

คาดว่าหากเป็นช่วง2ซึมๆ ตลอดสัปดาห์นี้ก็อาจแกว่งในกรอบ900-935โดยประมาณ คือขึ้นก็ไม่เกินต้าน935ลงก็แถว900หากล้ำลงไปหน่อยก็890+/-

ดังนั้นข้อพิจารณาสำคัญก็อยู่ตรงนี้คือ

1.อาจแกว่งซึมในกรอบ900-935เพื่อรอข่าวชัดเจน(รอให้ท่วมชัดๆ จะได้รู้หมู่หรือจ่า)
2.กรณีดีเกินคาดคือขึ้นเกิน935จะไปต่อ แต่ไม่น่าเกิน970
3.กรณีแย่กว่าคาดหลุดลึกกว่า900อาจลงไป893หรือใกล้ๆ843ที่เป็นโลว์เก่า

แต่คาดว่าจะเป็นไปตามข้อ1 หรือ 2 มากกว่าครับ

หากไม่ย่อลงไปเกิน885-893หรือไม่ล้ำลงไปหาโลว์เก่าเขต843ก็แปลว่าฐานอยู่ตรงนี้คืออาจจะตั้งแต่900-885แล้วซึมในระยะที่2 และหากเด้งก็ไปติดแถวๆ925-935 จนกว่าจะผ่านแนวต้านDowntrendหรือทำนิวไฮใหม่เกิน970-973จึงจะวิ่งขึ้นไปในระยะที่3คือไปเขต1000+/-

IV.หุ้นน้ำมันกับน้ำมันโลกเป็นไปตามที่ฟันธงไว้

หุ้นกลุ่มPTT และหุ้นเคมี หุ้นน้ำมัน(PTT PTTEP TOP IRPC BCP ESSO PTTGCเป็นต้น) ยังให้ดูสัมพันธ์กับน้ำมันโลก

ซึ่งช่วงที่ผ่านมาตอนที่ราคาหุ้นเหล่านี้ร่วงลงมาหนักนั้น ผมได้ชี้ให้ท่านสมาชิกเห็นว่า มันมีความสัมพันธ์กับการร่วงลงของราคาน้ำมันโลกWTI ซึ่งตอนนั้นได้ตกถึงด่านสุดท้ายเขต75-77$ และไม่หลุดตามที่คาดไว้ ต่อมาได้ผ่านด่าน83$ ผมจึงทำนายว่าจะขึ้นต่อไปเขต95$ ซึ่งจะนำพาหุ้นเครือPTT และหุ้นน้ำมัน+เคมี ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

-ราคาน้ำมันดิบโลกล่าสุดฟื้นมาเขต93$ หลังลงมาถึงด่านสุดท้ายเขต77$ ซึ่งผมให้จับตามองว่านั่นจะเป็นเป้าหมายการลงจบแล้วจะฟื้นตัว ซึ่งเป็นไปตามคาดว่าพอลงจบก็จะพาหุ้นเครือPTTและหุ้นน้ำมันฟื้นไข้ได้ โดยหลังจากผ่านแนวต้านแรก83$ จะฟื้นตัวจริงจังมีเป้าหมายต่อไป96$และระยะกลาง110-115$ จะนำหุ้นกลุ่มPTTรวมทั้งหุ้นน้ำมัน เคมีฟื้นตัวตามครับ

อย่างไรก็ตามเขต95$+/-นั้นอาจมีการพักฐานซักยกก่อนก็ได้นะครับ อาจทำให้หุ้นเครือPTTพวกน้ำมัน และเคมีพักตัวตามไปด้วยก็ได้

หากท่านใดซื้อขายหุ้นเครือPTT น้ำมัน เคมี ต้องดูเรื่องนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญนะครับ เหมือนที่ผมเคยเตือนเอาไว้ครับ หุ้นพวกนี้เป็นหุ้นโภคภัณฑ์ หรือคอมมอดิตี้ส์ ราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงผันผวนกับราคาน้ำมัน หรือเคมีในตลาดโลก ท่านต้องเล่นเป็นรอบตามcycleของมัน จะไปบอกว่า”ซื้อแล้วถือยาว”ไม่ได้


*PTTGC ราคาเป้าหมายปัจจัยพื้นฐานและจังหวะเข้าออก


-นักวิเคราะห์7สำนักให้ราคาเป้าหมายทางปัจจัยพื้นฐานเฉลี่ยที่ประมาณ 77 บาท (ดูเพิ่มเติมที่ลิ้งค์ http://www.settrade.com/AnalystConsensus/C04_10_stock_saa_p1.jsp?selectPage=10&txtSymbol=pttgc )


-ขณะที่ก่อนหน้านี้โบรกเกอร์SCBSให้เป้าหมายไว้ถึง 105บาท

-หากเอาราคาเฉลี่ยกันแล้วก็ตกราว 80 บาท เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่กลับเข้ามาซื้อขายแถว 54 บาทจึงนำบทวิจัยมาให้ได้พิจารณาว่า หากท่านใดติดสูงก็เป็นโอกาสจะถือหรือถัวเฉลี่ยต้นทุนได้ครับ เมื่อวานนี้ราคาปิดที่ 62 บาท

แนวโน้มทางเทคนิค-ช่วงนี้มีกรอบแนวรับเขต59-60บาท ต้านแรกก็62.50หากผ่านจะไป65-72บาทได้ต่อไป

คำแนะนำ-หากท่านติดหุ้นPTTCH+PTTARไว้สูงก่อนจะควบรวมกิจการเป็นPTTGCก็น่าถือนะครับ หรือหาจังหวะถัวเพื่อลดต้นทุน ส่วนท่านสมาชิกที่เข้าซื้อตอน54บาทในสัปดาห์ก่อน ตอนเข้าทำการซื้อขายวันแรกในชื่อPTTGCก็ดูอาการช่วงนี้ประกอบ หากมีนิวไฮเกิน62.50อาจได้ลุ้นชึ้นไป65-72ค่อยปล่อยขายทกำไรก็ดีครับ ไหนๆก็ไหน



ชาร์ตที่4:ส่วนSET50รอบล่าสุดขึ้นไป682แล้วลง เมื่อวันศุกร์ปิดที่631

มีแนวรับช่วงนี้ด่านแรกเขต626 หากหลุดจะลงด่านถัดไปเขต620-613,607หากไม่ต่ำกว่านี้ก็จะซึมออกข้าง มีแนวต้านแรกๆเขต640-645ถัดไป660,670

1.หากอยู่ในช่วง2คือซึมตามคาดการณ์น่าแกว่งในกรอบ625-605ต้านเขต640-645ไม่เกิน660

2.กรณีดีเกินคาดต้องไปผ่านแนวต้านเขต640-645จึงจะขึ้นไปต่อเขต660-670ได้ต่อไป

3.กรณีแย่คือหลุดเขต615-605ก็อาจเสี่ยงลงไปโลว์เก่าเขต570ได้ต่อไป

ดังนั้นสัปดาห์นี้สำหรับคนเทรดดิ้งระยะสั้นอาจต้องอิงในกรอบที่1ที่กล่าวไปข้างต้น คือเทรดในภาวะซึม ลงแนวรับเข้าซื้อ ขึ้นไปหากไม่ดีกว่า640-645ก็ขายก่อน

สำหรับแนวโน้มตลาดระยะกลางจากนี้นไปถึงสิ้นปีหรือปีใหม่ แนะนำให้กลับไปอ่านบทความของวันก่อนหน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น