โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธาน
บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด
ชาร์ตที่1:ตลาดหุ้นโซนTIPจากปี2009ถึงปัจจุบัน-ตลาดหุ้นภูมิภาคอาเซียน
3 ตลาด คือThailand , Indonesia ,Philipines-T.I.P.นับว่ามีความอ่อนไหวต่อเรื่องเงินทุนไหลเข้า-ออก
และเศรษฐกิจของสหรัฐฯมาก
-โดยในช่วงปี2009 เมื่อสหรัฐฯเจอวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ก็ส่งผลให้ทุนไหลออกจากอเมริกา โดยจำนวนหนึ่งนั้นไหลเข้ามาลงทุนและเก็งกำไรในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ของตลาดโซนTIPนี้ ส่งผลให้3ตลาดโซนดังกล่าวนี้ปรับตัวสูงขึ้นสูงที่สุดกว่าโซนภูมิภาคใดในโลก
-โดยในช่วงปี2009 เมื่อสหรัฐฯเจอวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ก็ส่งผลให้ทุนไหลออกจากอเมริกา โดยจำนวนหนึ่งนั้นไหลเข้ามาลงทุนและเก็งกำไรในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ของตลาดโซนTIPนี้ ส่งผลให้3ตลาดโซนดังกล่าวนี้ปรับตัวสูงขึ้นสูงที่สุดกว่าโซนภูมิภาคใดในโลก
-อย่างไรก็ตามในปีที่แล้ว คือ2015นั้น
เกิดการคาดการณ์อย่างแพร่หลายว่าFEDจะขึ้นดอกเบี้ย
(ซึ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯพ้น
วิกฤตแล้ว
และกำลังจะดีขึ้น)ก็ส่งให้มีแรงขายเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ยจริงใน3ตลาดนี้
-แรงขายนั้นเกิดทั่วทั้งภูมิภาค
แต่ทว่าไทยโดนขายหนักที่สุด เรียกว่าOverreactedกว่าเพื่อน
คือมียอดขายสุทธิตลอดปีที่แล้วราวๆ4แสนล้านบาท ขณะที่I-อินโดนีเซีย
และฟิลิปปินส์ ยังคงมียอดซื้อสุทธิอยู่ราวๆตลาดละ 350 ล้านเหรียญฯ
หรือ12,000ล้านบาทเศษ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม
ตลาดหุ้นไทยอยู่รั้งท้ายเพื่อนในโซนนี้
-อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนมีนาคม
ปี2015นี้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง จากการคาดการณ์ว่าFEDไม่น่าขึ้นดอกเบี้ยมากมายนัก เพราะสภาพแวดล้อมภายนอกไม่ดี
ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นผลพลอยบวกให้โซนTIPหละครับ
หลังจากเงินทุนทะลักออกตลอดปีที่แล้ว ก็เลยจะไหลกลับมาในปีนี้ เพราะที่ผ่านมาก็ Overreacted มากเกินไปแล้ว
โดยสัปดาห์ก่อนเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา
คณะกรรมการFEDออกมายืนยันเรื่องนี้ว่า
จะขึ้นดอกเบี้ยเพียง2หนในปีนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่า จะขึ้น 4 หนในปีนี้
ส่งผลให้ตลาดหุ้นโซนTIPปรับตัวขึ้น อย่สงไรก็ตามก็จะพบว่า
เมื่อเปรียบเทียบ3ตลาดนี้ในช่วงเวลาเดียวกันคือ นับแต่ตกลงมาปีกลาย เพราะทุนไหลออก
จากความกังวลเงินทุนไหลออกเพราะFEDขึ้นดอกเบี้ย
จนล่าสุดฟื้นขึ้นมาเมื่อคลายความกังวลลง และมีข่าวดีหนุนเรื่องFEDจะลดปริมาณการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ พบว่าตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ขึ้นมาดีที่สุด
ตามมาด้วยอินโดนีเซีย และรั้งบ๊วยคือตลาดหุ้นไทย
ชาร์ตที่2:ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์-ซึ่งเป็นผู้นำตลาดโซนTIP
ชาร์ตที่3:ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย รองแชมป์โซนTIP
ชาร์ตที่4:ตลาดหุ้นไทย ซึ่งรั้งบ๊วยในโซนTIP (หากดัชนีหุ้นไทยขึ้นพอๆกับตลาดฟิลิปปินส์แล้ว ใฝนเวลาล่าสุดนี้ ดัชนีSETควรอยู่แถวบริเวณ 1,450 จุด และหากจะอยู่ระดับเดียวกับอินโดนีเซียแล้ว ดัชนีSETก็น่าจะอยู่ ณ ระดับดัชนี 1420-1430จุดไปแล้ว
แต่ความจริงคือเราอยู่ที่ระดับ 1382 จุดเท่านั้น
เรื่องนี้ก็พิจารณาได้เป็น2กรณีหละครับ
กรณีแรก เชิงลบ-มันสะท้อนว่าปัจจัยพื้นฐานประเทศไทยแย่กว่าเพื่อนในภูมิภาค ที่ชัดๆก็คงเป็นเรื่องการเมืองที่ยังไม่รู้จะออกเหนือออกใต้ยังไง ขณะที่อีก2ประเทศเขามีเสถียรภาพ และไม่มีความเสี่ยงแบบเดียวกับเรา อีกเรื่องก็คงเป็นเรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการขนาดใหญ่ที่ยังไม่Activeกันเท่าที่ควร และเรื่องที่3 ผมเรียกว่า”เรื่องอื่นๆ”ที่พวกเราคนไทยไม่รู้ แต่ฝรั่งต่างชาติเขารู้ แล้วเขากังวลกัน ก็เลยไม่ได้ซื้อหุ้นไทยขึ้นไปเท่าๆกับอินโด+ฟิลิปปินส์
เรื่องนี้ก็พิจารณาได้เป็น2กรณีหละครับ
กรณีแรก เชิงลบ-มันสะท้อนว่าปัจจัยพื้นฐานประเทศไทยแย่กว่าเพื่อนในภูมิภาค ที่ชัดๆก็คงเป็นเรื่องการเมืองที่ยังไม่รู้จะออกเหนือออกใต้ยังไง ขณะที่อีก2ประเทศเขามีเสถียรภาพ และไม่มีความเสี่ยงแบบเดียวกับเรา อีกเรื่องก็คงเป็นเรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการขนาดใหญ่ที่ยังไม่Activeกันเท่าที่ควร และเรื่องที่3 ผมเรียกว่า”เรื่องอื่นๆ”ที่พวกเราคนไทยไม่รู้ แต่ฝรั่งต่างชาติเขารู้ แล้วเขากังวลกัน ก็เลยไม่ได้ซื้อหุ้นไทยขึ้นไปเท่าๆกับอินโด+ฟิลิปปินส์
กรณีที่2เชิงบวก-ดังที่ผมได้เล่าให้ฟังมาตลอดนั่นแหละครับว่าเงินที่ไหลเข้า-ไหลออกมาโซนภูมิภาคนี้มันเป็นเงินก้อนเดียวกัน
เจ้ามือเจ้าภาพคนเดียวกัน อยากเรียกว่ากองทุนเฮดจ์ฟันด์ก็ได้
หรืออยากเรียกอย่างไรก็ดี ดังนั้นการที่ตลาดหุ้นไทยเรารั้งท้ายเขาอยู่แบบนี้
มันจะอยู่แบบนี้ได้ไม่นาน เพราะ3ตลาดนี้ไปทางเดียวกันมาโดยตลอด
พออยู่รั้งท้ายเพื่อนมากๆก็ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าLaggard คืออ้าวเฮ้ย!แบบนี้หุ้นไทยก็ถูกสิเนี่ย
แทนที่จะไป1450 เท่าปินส์แล้วในตอนนี้ ดันมาอยู่แค่1382 อย่ากระนั้นเลย
แบบนี้ต้องซื้อซะแล้ว เพราะมีLaggard
หรือมีช่วงที่จะเหวี่ยงไปตามLeaderในภูมภาคอีกมาก
นี่ก็เป็นมุมมองทางบวกครับ
ชาร์ตที่5:ค่าเงินบาทอยู่ในทิศทางที่แข็งค่าขึ้น หลังจากทะลุผ่านแนวต้านสามเหลี่ยมบริเวณ35.17-35.20บาท/ดอลลาร์
คาดว่าน่าจะแข็งค่าต่อไปที่เป้าหมายเขต34.00-33.60บาท/ดอลลาร์ในระยะต่อไป
ซึ่งการที่ทิศทางค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นนั้น แปลได้ว่า
เงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มไหลเข้าต่อเนื่อง และจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น คือหุ้นจะมีแนวโน้มขึ้น
ชาร์ตที่6:ยอดซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ เพิ่งเกิดสัญญาณว่าฝรั่งจะซื้อ(อีกยาว)-ชาร์ตนี้เป็นภาพการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย(ฝรั่ง)ในรอบ10ปีที่ผ่านมา(คือจากปี2006มาถึงตอนนี้2016) ซึ่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ผมเคยเล่าให้ฟังว่าฝรั่งได้ขายสุทธิหุ้นไทยจนหมดเกลี่้ยงแล้ว(นับได้ราวๆ4แสนล้านบาทเศษ) จนกระทั่งไม่มีหุ้นในมือแล้ว
จึงเชื่อว่าเป็นการยืมหุ้นมาขาย
ดังนั้นผมจึงทำนาย(ในตอนนั้น)ว่าฝรั่งจะกลับมาซื้อเพื่อส่งมอบคืนแก่เจ้าของในช่วงฤดูกาลXDซึ่งจะกินเวลาไปถึงกลางเดือนพฤษภาคม (ดูลิ้งค์บทความเก่าที่ผมเขียนไว้เมื่อ27มกราคมที่นี่
https://www.facebook.com/tontancorp/posts/1104104192967177 )
https://www.facebook.com/tontancorp/posts/1104104192967177 )
อย่างไรก็ตามในชาร์ตล่าสุดที่นำมาแสดงนี้พบว่า ฝรั่งได้ซื้อกระทั่งทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นมา ผมเลยคิดว่า
งานนี้ก็ชักจะยังไงแล้ว อาจจะไม่ใช่แค่ซื้อหุ้นเพื่อส่งมอบคืนก่อนXD(หรือShort covering)แล้วหละครับ
อาจจะกลับมาอยู่ทางซื้อแบบซื้อยาวๆไปเลย
ส่วนสาเหตุนั้นผมคิดว่าอาจเนื่องมาจากที่FEDบอกว่าจะขึ้นดอกเบี้ยแค่2หนในปีนี้ แทนที่จะเป็น4หนแบบที่เคยกลัวๆกันครับ
เงินทุนที่ทะลักไหลออก4แสนล้านบาทเศษเมื่อปีกลาย
ก็เลยจะไหลกลับครับ
ภาพที่7:บทวิจัยของบริษัทCredit Suisse-ชี้ว่าหลังจากFEDบอกว่าจะขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้มากนั้น หากนำไปเทียบสถิติในอดีตแล้วถือเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นย่านเอเชีย(ยกเว้นญี่ปุ่น)
โดยคาดว่ายังคงมีUpsideให้หุ้นเอเชียขึ้นไปได้อีกราว13%ในช่วงปีนี้ โดยให้คำแนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นวัฏจักร(Cyclical)มากกว่าหุ้นปกป้องความเสี่ยง(Defensive)
ก็คือหุ้นพวกกลุ่ม พลังงาน,เทคโนโลยี,วัสดุก่อสร้าง,อุตสาหกรรม
และการบริโภคตามวัฏจักร
...............
...............
เต็มแล้ว เต็มอีก ต้องเพิ่มให้อีกรอบ เป็นรอบที่ 4 ใน วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายนนี้งานอบรม “ลงทุนหุ้นให้มั่งคั่งทั้งสั้น+ยาว กับณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์”
สิ้นสุดการรอคอย 2 ปีที่ผมงดจัดกิจกรรมงานฝึกอ
* คนที่เน้นลงทุนยาวเป็นปีไปถ
* คนเล่นสั้นเพียงเดือนเดียวไ
* ฟันธงตลาดหุ้นขึ้นรอบใหม่ ทั้งรอบเดือนพฤษภาคม และ
รอบ Election Rally ปลายปีนี้
* ลงทุนหุ้นกลุ่มไหน ประเภทไหน ? รวย !
* สอนวิธีสแกนหาหุ้นเด่นด้วยต
* ฝึกวิธีใช้กราฟเทคนิคให้แม่
* ปรับพอร์ตสำหรับหุ้นติดดอย
* เปิดเผยเคล็ดลับโมเดลDestru
พลิกวิกฤตเป็นโอกาสรวยหุ้น
กำหนดการงานฝึกอบรม-วันที่ 10 เมษายน 2559 เวลา 08.30-17.00 น.
ลงทะเบียน 08.30 น.-สถานที่ ห้องฝึกอบรม บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาก
ช่วงที่ 1 ฟันธงหุ้นไทย และการปรับพอร์ตลงทุนปี 2559
* ฟันธงตลาดหุ้นไทยในระยะยาว 20 ปี (2015-2035)
พร้อมคู่มือการลงทุนสำหรับน
* ฟันธงตลาดหุ้นไทยตลอดปี 2559 แกว่งกรอบ 1200-1600 จุด
* ปัจจัยลบ, ปัจจัยบวก, ปัจจัย Election Rally
* เป้าหมายการขึ้นของปีนี้เท่
หรือ New High?
* จะขึ้นถึงเป้าหมายเมื่อไหร่
* กลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญ เต็มพอร์ต หรือครึ่งพอร์ต หรือปรับพอร์ต ?
วิธีการ : อาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ บรรยาย เวลา 09.00-10.00 น.
ช่วงที่ 2 สแกนหา 5 หุ้นเด่นเล่นให้รวย ลงทุนให้มั่งคั่ง
ทั้งพอร์ตเล่นสั้นและนักลงท
* รู้จัก 5 ประเภทหุ้นเด่นเล่นให้รวย อย่าสะเปะสะปะปนกัน ไม่งั้นซวย
* อบรมวิธีคัดสรร Scan หุ้นเด่น 5 ประเภท คือ หุ้นบลูชิพ , หุ้นGrowth,
หุ้นตามรอบวัฏจักร, หุ้นTurnaround , หุ้นปันผลดีและปลอดภัย
แถมด้วย SET 50 FUTURES ภาคปฏิบัติ
* จัดพอร์ตหุ้นเด่นเล่นให้รวย
ด้วย 2 ประเภทหุ้นเด่นที่สุด
* จัดพอร์ตการลงทุน สำหรับผู้ลงทุนระยะยาวด้วย 5 หุ้นเด่น
* ปรับพอร์ตการลงทุน สำหรับพอร์ตหุ้นติดดอย
วิธีการ : อาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ บรรยาย และ ฝึกอบรมภาคปฏิบัติแก่ผู้เข้
เวลา 10.00-12.00 น.
เรียนจบแล้ว สามารถนำความรู้เรื่องการคั
สไตล์อาจารย์ณัฐวุฒิ ไปประกอบการซื้อขายลงทุนแบบ
ช่วงที่ 3 ฟันธงหุ้นไทยสไตล์ณัฐวุฒิ ด้วยกราฟเทคนิค
ให้แม่นยำขั้นเทพราวจับวาง
* วิธีเรียนลัดให้เข้าถึงหัวใ
ได้ว่า หุ้นจะขึ้นหรือตก
* การใช้สูตรมหัศจรรย์ Fibonacci คำนวณหาเป้าหมายขึ้น เป้าหมายตก
เป้าหมายซื้อ เป้าหมายขายได้แม่นยำ ไม่พลาดเป้า
แก้อาการ ขายหมู , ตกรถ , ผิดทาง , ติดหุ้น ได้ชงัด
* วิธีดูยอดดอยในช่วงตลาดขาขึ
ให้แม่นเพะ และซื้อขายได้อย่างเฉียบขาด
* วิธีใช้กราฟทางเทคนิคจับทาง
ไม่ให้หลอกกินตับเราได้ เขาจะหลอกไปเชือดเราก็รู้
หลอกทุบเอาของถูก เราก็ทันเกม
(มีสอนที่นี่ที่เดียว กล้ารับประกันครับ ตัวอย่างของจริงมีให้ดูชัดๆ
วิธีการ : อาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ บรรยาย และ นำพาผู้เข้าเรียนทำเวิร์คช็
ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์1เคร
กราฟ ASPEN และ Efinancethai
เวลา 13.00-16.00 น.
เรียนจบแล้ว สามารถนำความรู้เรื่องกราฟเ
ไปประกอบการซื้อขายลงทุนแม่
ช่วงที่ 4 จิตวิทยาตลาดหุ้น ฉีกกฎการลงทุนโลกตะลึง
* อารมณ์จิตวิทยาของฝูงชน กับ วงจรอุบาทว์ตลาดหุ้น
* วิกฤตการณ์และมหาอุบัติภัยช
และพลิกให้รวยทันใจด้วยสูตร
3 ขั้นตอน
* อารมณ์จิตวิทยาของมวลชนกับท
* กรณีศึกษา สูตรสำเร็จพลิกวิกฤตเป็นโอก
รวยหุ้นด้วย Creative Destruction Model 3 ขั้นตอน
วิธีการ : อาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ บรรยาย เวลา 16.00-17.00 น.
รับอภิสิทธิ์ อภินันทนาการ ฟรี ! ทันที ... เมื่อสำรองที่นั่ง
1. หนังสือ 10 สูตรสำเร็จทีเด็ดรวยหุ้น 1,000 ล้าน
2. หนังสือ จิตวิทยาตลาดหุ้น ฉีกกฎการลงทุนโลกตะลึง
3. หนังสือ คู่มือลงทุนตลาดหุ้นไทย 20 ปี (2015-2035)
4. คลุกหุ้นวงในByณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ (ผ่านห้องLINE)
5. คัมภีร์หุ้นไทยรายสัปดาห์ฉบ
*** สำรองที่นั่งก่อน รับสิทธิ์ก่อน ไม่ต้องรอถึงวันงาน ***
วิธีการสำรองที่นั่ง
1. ชำระเงินผ่านธนาคารกสิกรไทย
2. แจ้ง ชื่อ สกุล เบอร์โทร ID LINE พร้อมแนบหลักฐานการชำระเงิน
PROMOTION
รับส่วนลด 300.-บาท เหลือ 3,400.-บาท เมื่อชำระภายในวันที่ 29 มี.ค.นี้
จากราคาเต็ม 3,700.-บาท / 1 ที่นั่ง / คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง / อาหารเที่ยง 1 มื้อ เบรก 2 เบรก
`..........`
คอมพิวเตอร์ :1 ท่าน ต่อ 1 เครื่อง ที่ห้องฝึกอบรมมีไว้ให้แล้ว
ยกเว้นกรณีท่านจะนำมาลงโปรแ
โปรแกรมที่ใช้ฝึกอบรม :โปรแกรมกราฟ ASPEN ( APEX-IRS) เป็นหลัก และใช้ eFinancethai สำหรับการเทรดในระยะสั้นมาก
เอกสารประกอบการฝึกอบรม :มีเอกสารประกอบการฝึกอบรม พร้อมกับกระดาษและปากกาสำหร
อาหารและเบรก :มีอาหารเที่ยง 1 มื้อ และ เบรก 2 เบรก รับประทานที่ห้องจัดเลี้ยงข
สถานที่จอดรถ :จอดบริเวณด้านหน้าบริษัทฯ และบริเวณสโมสรหมู่บ้านฯ
สถานที่ฝึกอบรม :ห้องฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ
แนะนำการเดินทาง : ให้ท่านSearch ใน Google Maps คำว่า “ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาก
ในกรุงเทพฯ :เมื่อท่านอยู่บน ถนนรามคำแหง มุ่งหน้าไปมีนบุรี ให้ท่านมองฝั่งซ้ายมือ พอผ่านธนาคารกสิกร สาขาถนนรามคำแหง 151 เลขซอยเป็นเลขคี่ เมื่อเห็นป้าย ซอยรามคำแหง 155 ให้เข้าเลนกลาง ผ่านHonda สุขาภิบาล 3 นับไป 3 สะพานลอย พอผ่านสะพานข้ามคลองให้เข้า
จากต่างจังหวัด:-กรณี ไม่พักค้าง ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ บอกแท็กซี่ให้มาส่งกลางซอยม
-กรณี พักค้าง มีที่พักใกล้สถานที่ฝึกอบรม
รายเดือน อยู่ห่างจากสถานที่ฝึกอบรมเ
* ขอให้ท่าน มีความสุข มั่งคั่ง โชคดี มีกำไร ปลอดภัยในการลงทุน ทุกท่านครับ *
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น