วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คัมภีร์หุ้นไทย(23พ.ค.): Time zoneสำคัญอยู่ที่24พ.ค.อาจเป็นวันที่ทำnew lowลึกกว่า1048เพื่อร่วงยาวในคลื่นC การไม่รีบร้อนช้อนหุ้นก็เป็นกลยุทธ์สำคัญครับ



อบรมสอนมือใหม่เล่นหุ้นให้รวย#รุ่นที่50 วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การเริ่มเล่นหุ้นอย่างศิษย์มีครู วิธีการคัดหุ้นเด่นเล่นหุ้นดีหนีหุ้นเน่า รู้เท่าทันหุ้นปั่น ทันเกมเจ้ามือ หาจังหวะเข้าออกให้ถูกต้อง หมดปัญหาติดหุ้น ตกรถ ขายหมู เริ่มต้นเรียนนับตั้งแต่ไม่เป็นไม่รู้เรื่องจนเก่ง สำหรับมือใหม่มีทดลองซื้อขายเสมือนจริงด้วยเงินจำลองท่านละ 1 ล้านบาท เก่งแล้วค่อยลงเงินจริง ปลอดภัยกว่า

เป็นหลักสูตรที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว 49 รุ่น ทั้งมือใหม่ และมือกลางเก่ากลางใหม่ที่ไม่รู้หลักไม่รู้วิธีเล่นหุ้นที่ถูกต้องยอมรับว่า เป็นหลักสูตรที่ต้องพูดตรงกันว่า "รู้งี้...มาเรียนตั้งนานแล้วจะได้รวยหุ้น หมดปัญหาขาดทุนติดหุ้น ขายหมู ลงทุนสะเปะสะปะ ต่อไปนี้จะได้ถูกทางซะที"

เปิดให้จองนี่นั่งแล้ว โทรสอบถามสำรองที่นั่ง 02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979


โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์
ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com

***สมัครสมาชิกเพื่อติดตามบทความนี้แบบupdateก่อนใคร ในช่วงก่อนเปิดทำการภาคเช้า อ่านชาร์ตประกอบ และฟันธงหุ้นเด่น ก่อนเปิดตลาดทุกเช้า ที่ http://www.tontancorp.com/ หรือรับหุ้นเด่น และSET50 พร้อมจุดซื้อจุดขาย ข่าวด่วนข่าวร้อนก่อนใครผ่านทางSMS แม่นยำ กำไร สอบถามสมัครสมาชิก โทร.02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979

**พิเศษสุด!สมัครสมาชิกช่วงนี้แล้ว จะได้สิทธิ์เข้าอบรมหุ้นกับอ.ณัฐวุฒิฟรีตลอดอายุสมาชิก**



I.ปัจจัยลบชี้นำ จับตาค่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจชี้ว่าฝรั่งจะขายหุ้น หลังจากมีการขายสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ น้ำมัน แล้วไปช้อนซื้อค่าเงินดอลลาร์(ช่วงนี้อาจฟื้นตัวระยะสั้นแล้วตกต่อ)


ชาร์ตที่1:Fund flow chart หรือการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย เมื่อวันศุกร์ ต่างชาติขายสุทธิ1400ล้านบาทเศษ

เมื่อพิจารณาจากชาร์ตการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติแล้ว มีความเป็นไปได้ว่านักลงทุนต่างชาติอาจซื้อใกล้สุทธิจนกระทั่งcompleteไปแล้วในรอบนี้ เมื่อเจอแนวต้านด่านนี้มีความเป็นไปได้ว่าอาจหันมาเล่นในทางขายหุ้น เท่าที่ประเมินอาจขายสุทธืในระยะต่อไปนี้ราวๆ2หมื่นล้านบาท หรืออาจมากถึง5หมื่นล้านบาทก็ได้(พิจารณาจากชาร์ต และประเมินความเสี่ยง) ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันให้ตลาดหุ้นตกรอบใหญ่ในรอบต่อไป

เนื่องจากพบความสัมพันธ์ที่สำคัญว่า

-หากนักลงทุนต่างชาติเล่นทางซื้อต่อเนื่อง ตลาดหุ้นไทยจะขึ้น
-ในทางตรงกันข้ามหากนักลงทุนต่างชาติขายต่อเนื่อง ตลาดหุ้นไทยจะตก



ชาร์ตที่2:Thai Baht index ดัชนีค่าเงินบาท ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่านักลงทุนต่างชาติจะเล่นทางซื้อหรือขาย โดยมีความสัมพันธ์ดังนี้

-หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เท่ากับนักลงทุนต่างชาติไหลเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาซื้อหุ้นมาก ทำให้หุ้นขึ้น
-ในทางตรงกันข้าม หากค่าเงินบาทอ่อนลง เท่ากับนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นทำกำไรเพื่อขนเงินออก ทำให้หุ้นตก

ช่วงที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นไทยขึ้น แต่รอบล่าสุดค่าเงินบาทแข็งขึ้น ทว่าไม่ทำนิวไฮ ก็เป็นไปได้ว่าค่าเงินบาทน่าจะพีคไปแล้ว มีแนวโน้มว่าจะอ่อนลงในระยะต่อไป โดยปกติหากเงินบาทอ่อนลง จะหมายถึงการที่นักลงทุนต่างชาติเทขายกำไรในตลาดหุ้น ดังนั้นช่วงต่อไปนี้ จะเห็นความสัมพันธ์ในการขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติออกมาอย่างต่อเนื่อง

ชาร์ตที่3:US DOLLAR INDEX CHART

ความสัมพันธ์ของค่าเงินดอลลาร์กับตลาดหุ้นไทย เป็นดังนี้

-หากค่าเงินดอลลาร์ตก จะทำให้ค่าเงินบาทแข็ง=หุ้นขึ้น(เพราะเงินทุนไหลเข้า)
-ในทางตรงกันข้าม หากค่าเงินดอลลาร์ขึ้น จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อน=หุ้นตก(เพราะฝรั่งขายทกำไรหุ้น ขนเงินดอลลาร์ที่เป็นกำไรออก หรือนำกำไรจากการขายหุ้นไปช้อนซื้อดอลลาร์ราคาถูก เพื่อทำกำไรสองต่อ)

พิจารณาจากชาร์ตเป็นไปได้ว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงมาตลิอดนั้น สามารถยืนเหนือแนวรับในกรอบdowntrend channelบริเวณ 72 จุดแล้วฟื้นตัวขึ้น ก็อาจชี้ว่าอาจจะทำจุดต่ำสุดไปแล้ว และล่าสุดได้ขึ้นผ่านแนวต้านdowntrendเขต74.5จุด ขึ้นมา

จะเป็นสัญญาณฟื้นตัวขึ้น และมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในระยะเป็นเดือนหรือหลายเดือนนับจากนี้

แปลเป็นไทยคือ ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ค่าเงินบาทจะอ่อน ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มจะลง เพราะฝรั่งต่างชาติจะขายนำกำไรออก หรือนำกำไรจากการขายหุ้นไปช้อนซื้อดอลลาร์ราคาถูก เพื่อทำกำไรสองต่อ
นอกจากนั้นให้สังเกตด้วยว่า อาจมีการขายทำกำไรสินค้าโภคภัณฑ์คือ ทองคำ โลหะ น้ำมัน และตลาดหุ้นจะตก(เพราะมีการขายทำกำไรในสินทรัพย์เหล่านี้ที่ขึ้นมาแพงแล้ว และนำเงินกำไรเปลี่ยนไปช้อนซื้อเงินดอลลาร์ที่ลงมาถึงจุดต่ำ เป็นการหากำไรของเฮดจ์ฟันด์ หรือกองทุนเก็งกำไรระยะสั้นของฝรั่ง)


ชาร์ตที่4:ราคาน้ำมัน รอบที่ผ่านมาขึ้นไปเขตแนวต้าน114$แล้วลง และได้ลงมาทดสอบแนวรับด่าน95$ อย่างไรก็ตามเกิดการฟื้นตัวทางเทคนิค(technical rebound)ขึ้นมาเขต100.5$ แล้วลงอีกมาแถวๆ98$

แต่คาดว่าจะเป็นการฟื้นตัวระยะสั้นกรณีดีที่สุดอาจขึ้นมาเขต103หรือดีเกินคาด108แล้วตกต่อในรอบต่อไป และหากรอบต่อไปหากหลุด95$ ก็จะเสี่ยงลงต่อไปเขต88-90หรือกระทั่งเขต75-82$

ดังนั้นควรจับตาด่าน95$ให้ดีว่ารองรับได้หรือไม่ หากได้ก็จะเกิดการreboundสั้นๆอาจขึ้นไปเขต103หรือดีเกินคาด108$ ซึ่งจะทำให้หุ้นเครือPTTฟื้นไข้

แต่หากรอบต่อไปลงหลุด95$ ก็จะลงแรง แสดงว่าฝรั่งมีการขายน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์แล้วไปช้อนซื้อดอลลาร์เก็งกำไร ซึ่งจะยังผลให้หุ้นน้ำมันกลุ่มPTTลง และฉุดตลาดลงไปด้วย


ชาร์ตที่5:ทองคำโลก(spot gold & comex gold) เมื่อพิจารณาด้วยคลื่นElliot waveแล้ว มีความเป็นไปได้มากว่าจะทำพีคไปแล้วในคลื่นที่5ย่อย ของคลื่น5ใหญ่ ตอนนี้กำลังฟอร์มคลื่นa-b-c โดยหากหลุดด่าน1460$ลงไปอาจตามมาด้วยการลงแรง แต่ผมคิดว่าเนื่องจากนักลงทุนรายใหญ่อย่างกองทุนspiderยังมีการถือครองอยู่มาก อาจไม่ปล่อยลงแรง คงมีการเลี้ยงขายทำกำไรให้แกว่งในกรอบ1060-1550$โดยประมาณ คือเป็นการฟอร์มa-b-cไปซักระยะ

ทั้งนี้กองทุนspiderที่เคยซื้อทองคำสุทธิ1231ตันเมื่อวันที่ 18 เมษายน ได้ขายต่อเนื่องมาในรอบ 1 เดือน ราวๆ40 ตัน แต่เมื่อวันศุกร์มีการซื้อกลับในวันเดียว10ตัน หลังจากที่จอร์จ โซรอส เจ้าพ่อเฮดจ์ฟันด์ออกข่าวว่าขายทองในมือเกลี้ยงแล้ว ทำให้กองทุนspiderกลับมาถือครองทองในมือ1201ตัน (ดูที่ลิ้งค์ http://www.spdrgoldshares.com/sites/us/value/historical_archive/)

ล่าสุดฟื้นตัวขึ้นมาแถวเขต1510$

ดังที่ผมเขียนไปก่อนหน้านี้หลายวันทำการแล้วว่า หากผมเป็นผู้จัดการกองทุนspider และหากผมอยากระบายขายทองในมือมหาศาลขนาดนี้ ผมคงไม่ปล่อยร่วงลงแรงๆหรอก ยิ่งมีข่าวจอร์จ โซรอสเทขายทองคำเกลี้ยงพอร์ต ผมก็อาจจำเป็นต้องมีการเข้ามาช้อนซื้อพยุงไว้บ้าง เพื่อเรียกขวัญนักลงทุนรายย่อยว่า ผมยังคุมสถานการณ์ไว้ได้ดี เพื่อให้นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรรายย่อยมาช้อนซื้อตาม แล้วอาจไล่ราคาขึ้นให้คนแห่ตามมากๆ ทำท่าเหมือนจะขึ้น แล้วก็โรยขายไปเรื่อยๆ ระบายหมดเมื่อไหร่ค่อยทิ้งดิ่งในคลื่นC ตอนนั้นก็ตัวใครตัวมัน…!


II.ตลาดน่าพีคไปแล้วตามที่เคยฟันธงว่าจะพีคในวันที่21เมษายน ส่วนวันที่24พฤษภาอาจตัดสินว่าจะตกยาวในคลื่นCไหม? อาจลงไปจบราว24มิถุนา ช้าสุด8กรกฎาคม


ชาร์ตที่6:ดังที่ท่านสมาชิกได้ติดตามความเห็นผมมาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ว่าเมื่อได้พิจารณาในมิติด้านราคา(pricing) และมิติด้านเวลา(Time Zone)นั้น ผมได้คาดการณ์ไว้หลายเดือนก่อนหน้านี้ ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย(SET)มีโอกาสของความน่าจะเป็นที่จะขึ้นมาพีคราวๆเขต 1100-1132จุด ราววันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมานี้

ซึ่งในความเป็นจริงเมื่อวันที่21เมษายนที่ผ่านมา SETขึ้นมาที่1113จุด คืออยู่ในเขตที่ประเมินไว้แถว1100-1130จุด แล้วพบกับการขายทำกำไรลงมา โดยลงไปลึกสุดที่1048 ซึ่งเป็นเป้าหมายแรกของการลง(บริเวณ1046-1050)แล้วฟื้น โดยฟื้นขึ้นไปสูงสุดที่1102จุด ไม่สามารถทำนิวไฮเกินพีคเก่า1113จุดได้ จากนั้นตกลงมาและแกว่งแคบๆในกรอบ1070-1080จุดในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา

ข้อพิจารณาในเรื่องTime zoneมีอยู่ต่อไปว่า จะมีวันที่มีนัยสำคัญในวันพรุ่งนี้(24พฤษภาคม) ซึ่งผมพิจารณาตีความว่า มีความเป็นไปได้ว่า หากSETหลุดเขต1070+/-ก็น่าจะตกลงไปเขตlowเก่า1048จุด และหากหลุด1048จะทิ้งดิ่งลงคลื่นC

พูดง่ายๆว่าเหตุการณ์นี้อาจเกิดในวันที่24พฤศภาคม คือทำnew lowลึกกว่า1048เพื่อร่วงยาวในคลื่นC โดยมีเป้าหมายลงไปราวๆ1000+/-


ชาร์ตที่7:เป็นชาร์ตSETรายวันและWave ช่วงนี้มีกรอบการแกว่งตัวแคบๆในกรอบแนวต้านวันนี้เขต1080-1082จุด แนวรับ1069-1073 โดยมีประเด็นที่ต้องติดตามคือ

-หากขึ้นผ่าน1080-1082 ซึ่งเป็นด่านแรกได้ จะมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นไปด่านต่อไป1090 และต้องลุ้นไปผ่านด่านนี้ให้ได้ จึงจะพอมีโอกาสขึ้นไปใกล้ๆเขต1100+/- กรณีนี้ก็ยังเน้นนำหุ้นที่ติดไว้ หรือช้อนซื้อไว้ขายทำกำไรออกเขต1092-1100จุด หรือเปิดขายหุ้น หากำไรขาลงที่เขตแนวต้าน

-ในทางตรงกันข้ามหากหลุดด่าน1070จุดลงไป และหากลงมาปิดเขตนี้หรือต่ำกว่านี้ จะเสี่ยงลงไปlowเก่าคือ1048 และมีโอกาสลงอีกไกลหากหลุดด่าน1048จุด

-หากยังไม่ผ่านด้านใดด้านหนึ่งก็จะแกว่งแคบๆในกรอบ1070-1080ต่อไปอีกวัน
*และเมื่อพิจารณาคลื่นElliot waveของSETในรอบนี้ ซึ่งเป็นminortrendของTrendย่อยจะพบว่า จากที่เคยประเมินไว้รอบก่อนว่าSETวิ่งขึ้นไปที่คลื่น5ย่อยของคลื่น3ใหญ่ ที่ผ่านมาก็ร่วงลง เป็นไปได้ว่าเขต1045-1050 เป็นคลื่นaของการลงเที่ยวนี้ และน่าจะtechnical reboundขึ้นไปคลื่นbย่อย ซึ่งการฟื้นขึ้นไปเขต1102จุด ไม่สามารถขึ้นไปถึงพีคเก่า1113หรือไม่สามารถทำนิวไฮได้นั้น น่าพิจารณาว่าเป็นคลื่นb

ส่วนที่กำลังลงมานี้ก็ดูว่าหากช่วงนี้หรือสัปดาห์นี้(ตามTime zoneน่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ในวันที่24พฤษภาคม) ทำหลุดต่ำกว่า1070 ก็น่าจะลงไปเขต1048 และเสี่ยงหลุด1048จะเป็นการยืนยันลงคลื่นcซึ่งจะร่วงลงอย่างแรง เร็วและไม่อาจฟื้นตัว

เว้นแต่ช่วงนี้ยืนเหนือเขต1070-1073ได้ ยังได้ลุ้นการแกว่งในกรอบ1070-1090โดยประมาณ (กรณีดีเกินคาดคือแนวต้านdowntrendใหญ่1098) เป็นการformคลื่นa-b-c

สรุป-ตลาดหุ้นยังคงเสี่ยงอยู่ในขาลง หลังจากขึ้นไปรอบล่าสุดได้เพียงเขต 1102 จุด ไม่สามารถทำนิวไฮเกินพีคที่ทำไว้1113จุดได้ อาจพิจารณาว่าเป็นการฟื้นขึ้นในคลื่นb หากช่วงนี้ยืนเขตแนวรับย่อย1070ไม่อยู่ ก็อาจเสี่ยงลงไปlowเก่า1048 และหากหลุดlowเก่าจะตกยาวในคลื่นc โดยเป้าหมายลงอาจเป็นเขต1000+/-เป็นอย่างน้อย

โดยเมื่อพิจารณาจากtime zoneก็อาจลงไปถึงวันที่24พฤษภาคมเป็นอย่างเร็ว หรืออย่างช้า24มิถุนายน หรือยืดเยื้อถึง7กรกฎาคม ดังนั้นสำหรับผู้ที่ติดหุ้นอยู่ ก็รอขายออกเมื่อเกิดการฟื้นตัวไปที่เขตเป้าหมายแถว1082หรือ1090จุด (คนเล่นสั้นก็อาจซื้อไม่เกิน30-50%ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากน้ำมันลง แล้วไปรอขขายช่วงSETฟื้นขึ้นไปเป้าหมาย) และจากนั้นก็ยังควรอิงกับทิศทางลงต่อไป โดยคาดว่าปัจจัยสำคัญคือต่างชาติน่าหันมาเล่นทางขายต่อเนื่องในระยะต่อไป จะเป็นปัจจัยกดดันสำคัญ

กลยุทธ์หลักๆ-ก็คือยังไม่ต้องไปรีบร้อนซื้อหรอกครับ เพราะเป็นตลาดขาลง ซื้อก็เสี่ยงจะติดหุ้นเปล่าๆ หากจะเทรดหุ้นก็เน้นเทรดหากำไรขาลง เช่น การช็อตหุ้น หรือช็อตSET50ที่เขตแนวต้าน

สมาชิกใหม่ๆมักมาบ่นว่า บทวิเคราะห์ไม่เห็นมีให้ซื้อหุ้นเลย โบรกเกอร์อื่นกับมาร์เก็ตติ้งหาหุ้นให้เล่นทุกวัน ท่านก็ต้องถามตัวเองให้ดีว่าเล่นทุกวันนั้น มันได้หรือเสีย คุ้มไหมกับการติดหุ้น ส่วนคำแนะนำของผมนั้นจะแนะนำให้ลงทุนได้จริงๆ สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดเป็นหลัก หลักการก็มีง่ายๆหากมองว่าตลาดหุ้นจะลง แล้วจะไปซื้อทำไมหละครับ มีหุ้นก็นำออกมาขายตอนมันเด้งขึ้นเป้าหมาย

การไม่ซื้อหุ้น ก็เป็นกลยุทธ์การลงทุนชนิดหนึ่งนะครับ และเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญมากๆด้วย เพราะทำให้ท่านไม่ติดหุ้น ไม่เสียเงิน ไม่เครียดเวลาหุ้นตก..จริงหรือเปล่าหละครับ?

III.SET50


ชาร์ตที่8:SET50 เมื่อพิจารณาจากโครงสร้าง(คำนวณจากฐานรอบนี้638เมื่อ11กุมภาพันธ์ และยอด 790 เมื่อ21เมษายน) ช่วงที่ผ่านมานี้ลงไปลึกสุดที่735 ใกล้กับเป้าหมายที่คำนวณไว้แถว 739-732 แล้วฟื้นตัวขึ้น โดยประเมินว่าจะขึ้นไปไม่เกินแนวต้านdowntrend~780จุด ปรากฎว่าขึ้นไปจริงที่778จุดแล้วลง

ช่วงนี้แกว่งแคบๆต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ปิดที่753จุด

-ช่วงนี้มีแนวต้านแรก756 แนวรับ748-750 หากผ่านต้านอาจขึ้นไปเขต762(กรณีผ่านด่านนี้ได้ในช่วง2-3วันนี้จะขึ้นไปทดสอบด่านใหญ่770จุด ดีเกินคาดคือต้านdowntrend~778จุด)

-แนวรับด่าน750-748 กรณีหลุดจะลงไปlowเก่า735 (และหากหลุดlowเก่า735จะลงคลื่นcไปเขต714 หรือเขต700-690จุดเป็นอย่างน้อย)

-หรืออาจแกว่งในกรอบแนวรับ750+/-กับต้าน760จุดในช่วงนี้


กลยุทธ์-1.คนเล่นสั้นอาจเข้าช้อนซื้อเมื่อยืนเหนือเขตแนวรับ748ได้ แล้วลุ้นไปขายทำกำไรที่แนวต้านเป้าหมายข้างต้น ด่านแรก756-762

*แต่ทำท่าหลุด748ให้หันมาขายตามน้ำเพราะจะลงไปlowเก่า735เป็นอย่างน้อย หรือลงไป700-690ในระยะต่อไป

2.คนเล่นรอบใหญ่ จับตามอง SETว่า ยังเป็นขาลงใช่ไหม หากใช่ก็อิงเทรดSET50 ขาลงต่อไป อย่าไปฝืนเล่นทางขึ้นเพราะท่านจะเสียหาย เช่นรอขึ้นไปอาจไม่เกิน756-760แล้วรอเล่นทางขาย หากำไรขาลง หรือขายตามน้ำหากหลุด748ลงไปในวันนี้


**************


หลักสูตรสอนมือใหม่*รุ่นที่ 50*


โดย -อาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธาน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินรายการเพื่อนนักลงทุน TNN24 ผู้เขียนหนังสือทีเด็ดรวยหุ้นพันล้าน และคุ่มือหุ้นไทย2554 รวยหุ้นปีกระต่านทอง

ที่ ห้องอบรมเชิงปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ถนนรามคำแหง 160 (ซอยมีสทีน) โทร.02-9275800

*ด้วยค่าเรียนคุ้มค่าที่สุดเพียงท่านละ3,000 บ.2 ท่าน5,000บ.

กำหนดการ วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม 2554

ภาคเช้า-ภาคทฤษฎี

08.30 น. ลงทะเบียน
09.00-10.45 น. อาจารย์ณัฐวุฒิบรรยาย

-การลงทุนในตลาดหุ้น ต่างกับการเล่นพนันอย่างไร?
-การลงทุนในตลาดหุ้นคืออะไร ทำไมจึงควรเอาจริง ไม่ใช่”เล่น”หุ้น
-ประสบการณ์จริงของผู้ประสบความสำเร็จร่ำรวยจากตลาดหุ้น และประสบการณ์จริงของผู้ที่ล้มเหลวเสียหายขาดทุนจากตลาดหุ้น
-ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการลงทุนหุ้น ที่ทำให้ล้มเหลวเสียหาย
-ทำไมเราจึงควรลงทุน
-เริ่มต้นการลงทุนอย่างไร ต้องใช้เงินเบื้องต้นเท่าไหร่
-ปัจจัยความสำเร็จหรือล้มเหลวในการลงทุน
-ช่องทางการลงทุนหุ้น รู้จักกับตลาดหุ้น,ตราสารหนี้,กองทุนรวม,กองทุนLTF-RMF และตราสารอนุพันธ์อย่างง่าย พร้อมกับวิธีการลงทุนในแต่ละช่องทาง พร้อมตัวอย่างของจริง
-รู้จักขั้นตอนการซื้อขายลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดอนุพันธ์
-วิธีการลงทุนแบบต่างๆ เช่น การลงทุนเพื่อรับเงินปันผล,การลงทุนเพื่อหากำไรส่วนต่าง,การลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้น
-กฎไปสู่ความสำเร็จร่ำรวย และข้อห้ามเพื่อไม่ให้เสียหายจากการลงทุนหุ้น
-Do & Don’tในการลงทุน
-คุณสมบัติ 8 ข้อไปสู่ความร่ำรวยมั่งคั่ง

10.45-11.00 น. พักรับประทานอาหารว่าง

11.00-12.00 น. คุณอุบลรัตน์บรรยายการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น และตลาดอนุพันธ์
-การเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น
-การเปิดบัญชีซื้อขายตลาดอนุพันธ์ เช่น ดัชนีหุ้นล่วงหน้า และตลาดค้าทองคำล่วงหน้า
-ขั้นตอนการสั่งซื้อ หรือคำสั่งขาย
-วิธีการซื้อหรือขายเพื่อทำกำไร หรือตัดภาวะขาดทุนไม่ให้ติดหุ้น
-วิธีการซื้อขายทางอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเอง

12.00-13.00 พักรับประทานเที่ยง

ภาคบ่าย-ภาคปฏิบัติ

13.00-15.00 น. การวิเคราะห์แนวโน้มขาขึ้น,ขาลง,ซึมตัวด้วยชาร์ตเทคนิค

15.00-15.30 น.พักรับประทานอาหารว่าง

-วิเคราะห์แรงวัดของราคาเพื่อหาจุดเป้าหมาย,อัตราแรงเหวี่ยงของโมเมนตั้มด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และเส้นค่าเฉลี่ยต่างๆเช่น bolinger band,parabolic,stochastics,macd,rsi

16.30-17.00 น.สรุปผลการเรียนการสอน ทดลองเปิดการซื้อขายจำลองเสมือนจริง ด้วยเงินสมมุติคนละ1ล้านบาท

ขั้นตอนการสมัคร

-สอบถามสำรองที่นั่ง โทร 02-9275800 โทรมือถือ087-7174939/087-7174979/087-7178979

-ส่งแฟกซ์หลักฐานการชำระเงิน มาที่หมายเลข :02-927-5881-02-9275880 E-Mail: tontan2008@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ชำระเงินผ่านธนาคารในนามบัญชี บริษัหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเภท ออมทรัพย์

1. ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 056-0-25774-3
2. ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 735-2-38116-5
3. ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสุขาภิบาล3 เลขที่บัญชี 136-2-18236-6

" บริหารความเสี่ยง เลี่ยงขาดทุน ทวีคูณกำไร "

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น