วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

OVER HEAT ต้องระวังตกปรับฐาน เขต970จุด+/-


คัมภีร์หุ้นไทย(4 ต.ค.):OVER HEAT ต้องระวังตกปรับฐาน

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 www.tontancorp.com ติดตามรายการเพื่อนนักลงทุน ทางTNN24(UBC07)จันทร์-ศุกร์ 13.10-13.30น.
**************

1.ข่าวกระทบหุ้นช่วงนี้ ฝรั่งยังซื้อต่อเนื่อง จับตาตลาดหุ้นไทยขึ้นทำnew highตามอินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์ที่นำหน้าไปก่อนนี้แล้ว JP MORGANให้เป้า1120จุด

ยอดสะสมประจำปี 2553


นักลงทุน ซื้อ % ซื้อ ขาย % ขาย สุทธิ


ลูกค้าทั่วไป 2,867,854.734 60.40 % 2,885,840.695 60.78 % -17,985.961
สถาบัน 345,343.541 7.27 % 372,650.516 7.85 % -27,306.975
ต่างประเทศ 934,868.328 19.69 % 892,620.740 18.80 % 42,247.588
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 599,993.536 12.64 % 596,948.212 12.57 % 3,045.324


*ต่างชาติซื้อหนัก แต่ก็ต้องดูว่ายอดเย็นนี้ออกมาอย่างไร จะเป็นตัวชี้ขาดว่ายังไหลเข้าลุยหุ้นต่อ หรือจะขายทำกำไร

-เมื่อวันศุกร์นี้ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก668ล้านบาท นับแต่ต้นปีเป็นต้นมาซื้อสุทธิรวม42,247ล้านบาท เท่าที่พิจารณาจากชาร์ตตอนนี้กำลังมาทดสอบแนวต้านสำคัญด่านหนึ่ง หากซื้อต่ออีกในช่วงวันนี้ก็ต้องคาดว่ายังจะซื้อต่ออีกมาก(แต่หากเริ่มขายก็น่าจับตามองว่าอาจเริ่มหันมาเล่นทางขายจริงจังก็ได้ ให้รอดูยอดซื้อหรือขายสุทธิเย็นวันนี้ประกอบ)

-ดาวโจนส์ ตลาดหุ้นอเมริกาวันศุกร์+41จุด ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นตาม รวมทั้งตลาดTIP (Thailand Indonesia Philipines)ที่ผมได้ให้ท่านสมาชิกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะขึ้นมาแรงเหมือนกัน จากการที่เงินร้อนไหลเข้ามาเหมือนกัน

ใน3ตลาดนี้ตลาดหุ้นอินโดนีเซียขึ้นแรงที่สุด ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ และไทยรั้งท้าย

*ความเห็น:เป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นไทยน่าจะขึ้นทำnew highตาม2ตลาดข้างต้น แต่ก็ให้พิจารณาดูด้วยว่าหากอีก2ตลาดไปทางไหน ไทยก็น่าจะไปด้วยเช่นกัน

JP MORGAN โบรกเกอร์ต่างประเทศให้เป้าหมายหุ้นไทยเพิ่มเป็น1,120จุดภายใน12เดือน โดยชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำ,ค่าเงินบาทแข็งเป็นปัจจัยหนุน ขณะที่บริษัทจดทะเบียนมีกำไรดีขึ้น ทำให้ราคาหุ้นตอนนี้ยังถูกอยู่

โดยหุ้นเด่นที่แนะนำประกอบด้วย KBANK-F SCB PTT ADVANC LH-F


-ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขึ้นนิวไฮกว่าพีคก่อนตอนปี2007 โดยrallyขึ้นหลังผ่านพีคเดิม2338จุด กำลังขึ้นทดสอบเป้าหมายแรก3500จุด หากผ่านจะไปด่านถัดไป3,700จุด

-ตลาดฟิลิปปินส์ขึ้นทำนิวไฮสูงกว่าพีคเดิมที่ทำไว้ในปี2007 หลังผ่านด่านพีคเดิม3896จุดก็เหวี่ยงขึ้นแรง ล่าสุด4140จุด เป้าหมายขึ้นด่านแรก4500-4700จุด

-ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่3ของเอเชียที่กำลังทำนิวไฮไล่หลัง2ตลาดข้างต้น โดยหลังผ่านพีคเก่า925จุด ก็กำลังขึ้นมาทดสอบแนวต้านuptrend channelบริเวณ 975 จุด ต้องจับตามองว่านจะผ่านด่าน975ได้หรือไม่ หากผ่านก็จะมีโอกาสขึ้นไปเป้าหมายถัดไป1100จุด+/-(แต่กรณีไม่ผ่านอาจเสี่ยงลงไปเขต925จุด+/-)

-*ค่าเงินบาท แข็งต่อเนื่องต้อนรับผู้ว่าฯคนใหม่


*ค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุดมาแถว30.10บาท/ดอลลาร์ หากไม่รีบวกกลับไปเหนือเขต30.37หรือ30.55ก็ยังอาจแข็งค่าต่อเนื่องไปที่แนวต้านเป้าหมายใหญ่ด่านถัดไป29.20บาท/ดอลลาร์

ทั้งนี้ก็ต้องดูว่าหลังจากดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล เข้ารับหน้าที่ผู้ว่าการแบงก์ชาติ อาจโดนแรงกดดันให้ออกมาตรการใหม่สกัดค่าเงินบาทที่แข็งตัว ส่งผลกระทบการส่งออกหรือไม่ อย่างไร

สรุปคือ-ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสมากที่จะทำnew highขึ้นต่อเนื่องตามอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ แต่ก็ให้ดูว่าต่างชาติจะเริ่มขายหุ้นจริงจังไหม และทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงหรือไม่ เพราะหากเข้าเกณฑ์นี้แปลว่า จะเป็นปัจจัยเสี่ยงให้หุ้นตกได้ในระยะต่อไป

2.SETทดสอบด่านสำคัญ975หากผ่านก็วิ่ง แต่เข้าเขตsuper overbought และเกิดBearish divergenceอาจเกิดการตกปรับฐานจากภาวะover heat


สถานการณ์-SETวิ่งขึ้นมาที่980จุด ผ่านด่านแนวต้านuptrend channelบริเวณ970จุด+/-ขึ้นมา

3.1 หากระยะเป็นสัปดาห์สามารถยืนเหนือด่านแนวต้านuptrend channelใหญ่แถว970+/-ได้เด็ดขาด และผ่านด่านนี้ขึ้นไปได้ ก็จะแกว่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านจิตวิทยา1000จุดต่อไป แต่จริงๆแล้วมีโอกาสมากกว่านั้นคือขึ้นไปเป้าหมาย1ใน3คือบริเวณ1100-1130จุด (ระยะกลางคือราวๆปีหน้าอาจขึ้นไปเป้าหมายใหญ่แถวๆ1469จุดก็ได้)

3.2กรณียืนเหนือด่าน970+/-ไม่ได้แล้วโดนขาย และหลุดแนวรับด่านแรก965ก็เสี่ยงตกปรับฐานลงไปตั้งแต่945หรือลึกๆบริเวณ925จุด+/-ได้

แนวโน้มระยะสั้น-เข้าเขตover heat มีสัญญาณลบทางเทคนิค ระวังตกปรับฐานลดความร้อนแรง


ชาร์ตรายวัน-มีสัญญาณลบเกิดขึ้นหลายตัว ทั้งเข้าเขตover heatเมื่อเครื่องมือstochasticsนั้น%kมาเขต95% ส่วนเครื่องมือRSIไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ตามการปรับตัวขึ้นของดัชนี เกิดภาวะที่เรียกว่าbearish divergence และชาร์ตแท่งเทียนรายวันเกิดรูปแบบhanging man ดังนั้นแม้จะปรับตัวขึ้นไป ก็อาจไปไม่เกิน985จุด+/-แล้วตกปรับฐาน หรือหากขึ้นไม่มีnew highเกินเขต981ก็อาจเสี่ยงตกเช่นกัน โดยวันนี้มีแนวรับ976-972จุด หากลงแค่นี้แล้วฟื้นก็อาจเป็นการปรับฐานลดความร้อนแรงเพื่อขึ้นต่อ

แต่หากหลุดแนวรับ972ลงไปก็อาจเสี่ยงปรับฐานลึกลงไปเขต965-960จุด+/-ได้ต่อไป

จึงน่ากังวลว่าหากวิ่งขึ้นวันนี้จะมีแนวต้านบริเวณ985จุด+/- ก็อาจพบแรงขายทำกำไรให้เกิดการตกปรับฐานลงมาบริเวณ970จุด+/- หรือแถว960-965จุดได้

กลยุทธ์การลงทุน


ก.ในทางบวก หากขึ้นดัชนีหุ้นสัปดาห์นี้ยืนเหนือด่านuptrendด่าน 975 จุด+/- ก็จะได้ลุ้นขึ้นไป1,100จุด+/- อย่างไรก็ตามจะเจอแนวต้านด่านแรกบริเวณ985+/- และเนื่องจากมีสัญญาณทางลบจากเครื่องมือทางเทคนิคดังได้กล่าวไป ก็ควรระวังที่จะไม่ไล่ราคา อาจรอให้ตกปรับฐานลงมาเขต975หรือ970+/- หรือ960-965จุด+/-จะได้ต้นทุนที่ดีกว่า

แนะนำ-ถือหุ้นแบงก์ที่แนะนำไปคือBBL KBANK SCB KTB ตัวใดตัวหนึ่ง หรือถือต่อไปหากซื้อไว้แล้ว หรือหุ้นที่มีสัญญาณฟื้นตัวอย่าง PTTAR (ซื้อหากผ่านด่าน26.50 เป้าหมายเขต32-35บาท) หรือกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากคาดว่าแบงก์จะชะลอขึ้นดอกเบี้ย อย่างที่ดินหรือรับเหมา เช่น QH TRC(ดูรายละเอียดในกระทิงทองส่องหุ้น www.tontancorp.com)

จากนั้นดูว่าหากเกิดการตกปรับฐานลงมาจะยืนเหนือด่าน965จุด+/-ได้หรือไม่ หากไม่ได้อาจขายลดความเสี่ยง แต่หากได้ก็ถือรอวิ่งขึ้นรอบใหญ่ไป1100จุด+/-

ข.ในทางลบ หากตกปรับฐานลงมายืนเหนือ970จุด+/- ไม่ได้ในวันนี้ หรือทำท่าลงปิดลึกกว่า965 ก็เสี่ยงจะตกปรับฐาน หรืออาจเป็นขาลง น่านำหุ้นออกมาขาย

4.SET50 –over heatอาจตกลดความร้อนแรง


แนวโน้มระยะกลาง หรือรอบใหญ่-ผ่านแนวต้าน uptrend channel บริเวณ 660 จุดได้ มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านเป้าหมายรอบใหญ่บริเวณ 690 -700จุด ถัดไป720 แนวต้านเป้าหมายใหญ่ระยะเป็นเดือน755จุด

ส่วนแนวโน้มระยะสั้น-ช่วงวันนี้มีแนวรับ679ถัดไป675 หรือลึกๆ672 แนวต้าน685จุด+/- อย่างไรก็ตามเกิดสัญญาณทางลบทั้งover heatและbearish divergence หากวิ่งขึ้นไปแนวต้านอาจพบแรงขายลงมาเขตแนวรับได้

ดังนั้นสำหรับผู้เล่นtradingระยะสั้น ควรทำดังนี้

สำหรับผู้เล่นสั้น-หากวิ่งขึ้นไปเขต685จุด+/- ไม่น่าไล่ซื้อ และหากมีแรงขาย ก็อาจเปิดขายระยะสั้น และรอซื้อหากตกปรับฐานลงมาเขต675หรือ670จุด

ส่วนท่านที่เล่นรอบใหญ่-อิงSETว่าจะยืนเหนือด่าน970+/-จุดได้หรือไม่ หากได้ ก็tradeโดยอิงทางขาขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น