ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ Live - ราหูคายหุ้นValueและDefensive ถึงรอบหุ้นดีที่โลกลืม มีเงินไหลเข้ามาดันแล้ว
ฟันธงหุ้นเด่นเล่นให้รวย โดยคัมภีร์หุ้น ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์
ปี 1997 มีหนังที่ตราตรึงเราอยู่หลายเรื่อง ทั้งThe Lion King ,ฟอเรสต์กั๊มพ์ และShawshank ผมยังเวียนดูหนังพวกนี้ไปมากกว่า20เที่ยว แม้มันจะผ่านมาเกือบ25ปี
เช่นเดียวกับย้อนไปสำรวจชีวิตตัวเอง เป็นวันเวลาที่น่าจดจำ
ผมเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่กำลังพบมรสุมใหญ่ ทั้งวิกฤตฟองสบู่แตก และนายทุนเศรษฐีสวนยางที่มั่งคั่งจากตลาดหุ้นปุบปับตายลง
ฟองสบู่แตกในกลางปีพ.ศ.2540 ผมพบว่าตัวเองกลายเป็นคนจนเฉียบพลัน จากเงินเดือนค่าจ้าง5หมื่น เหลือสัปดาห์ละ500 รถประจำตำแหน่งหายไป ต้องไปนั่งรถเมล์เหมือนเดิม บ้านช่องขาดส่งมีป้ายปิดประกาศยึด ลูกคนเดียวต้องส่งไปต่างจังหวัดให้แม่ยายเลี้ยง
ผมอยู่เคลียร์ภาระงานจนเกือบสิ้นปี 2540 ด้วยการทยอยให้นักข่าวกองบรรณาธิการ250คนทยอยลาออก หางานกันใหม่ หรือไม่ก็ฟ้องกรมแรงงานกันไปในรายที่คุยกันไม่รู้เรื่อง สุดท้ายเหลือนักข่าวทั้งกองบก.อยู่ 3 คน และเอาคอนโดฯจำนองได้เงินมาก้อนหนึ่ง มอบให้เจ้านายไปทำหนังสือพิมพ์ต่อ
"พี่รับไว้เถอะ นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ยืนยันว่าผมรักหนังสือพิมพ์ และรักเคารพพี่ เงินอาจจะไม่มาก แต่มันจำเป็นที่อาจจะช่วยให้มันไปรอดได้ ถ้ามันรอดไปได้ พี่มีเงินไถ่ถอนวันไหน ก็จัดการให้ผมหน่อย"ผมบอกเจ้านายคือชาญชัย สงวนวงศ์ ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น....โชคดีกิจการหนังสือพิมพ์นั้นรอดตายมาจากยุคฟองสบู่แตกปี2540 อีก 15 ปีต่อมา ชาญชัยนำเงินมาไถ่ถอนคอนโดฯให้ผม และปลดหนี้ก้อนนั้นด้วยGentleman agreement
ผมออกจากงานประจำมาตั้งตัว โดยที่ชาญชัยให้อุปกรณ์สำนักงานที่จำเป็นมาทั้งหมด ทั้งโทรศัพท์สำนักงาน โทรมือถือ เครื่องโทรสาร เครื่องปรินเตอร์ โต๊ะ เก่าอี้สำนักงาน และพี่หนุ่ย- อาจารย์สิปกร ขาวสะอาด สมทบพวกอุปกรณ์ต่างๆให้ กับหาลูกน้องมาช่วยงาน1รายเพื่อเริ่มกิจการใหม่
"เราจะเปิดสำนักข่าว บริการข่าวสารวงการหุ้นและการลงทุนแบบใหม่ แบบที่ไม่ต้องมีหนังสือพิมพ์ วิทยุ ไม่มีนักข่าวกองบรรณาธิการเป็นร้อย ไม่มีสำนักงานใหญ่โต ไม่มีเงินเดือนค่าจ้างหลายล้าน แต่คนจะชอบมัน เพราะมันสดรวดเร็วทันใจ ข่าวเกิดตอนนี้ คนจะได้ดูตอนนี้ ไม่ใช่รออ่านตามแผงหนังสือพิมพ์พรุ่งนี้"ผมอธิบายขายฝันเรื่องสำนักงานใหม่ให้ลูกน้องที่มีอยู่แค่คนเดียวของผมฟัง
"แล้วมันต้องทำไงครับพี่?"ลูกน้องผมฟังแล้วทำตาลอยๆไม่ค่อยเก็ต
ผมเล่าให้เขาฟังว่า ในเวลานั้นคือพ.ศ.2540 คนใช้วิทยุติดตามตัว หรือเครื่องเพจเจอร์ บี๊บๆกันแทบทุกคน เอาไว้ส่งข้อความสั้นๆครั้งละไม่เกิน20ตัวอักษรหากัน ทั้งไว้สั่งงานกัน หรือแม้แต่เอาไว้ส่งจีบกัน เราจะเอามันมาส่งข่าวหุ้นให้ลูกค้า ในแบบที่ส่งจากเราครั้งเดียวแล้วกระจายไปเป็นกรุ๊ป เราจะทำSET Gruop Call คือการส่งข้อมูลในแวดวงของตลาดหุ้นไทย...ข่าวที่เกิดขึ้นเวลานี้จะถูกส่งถึงลูกค้าในเวลานี้ ไม่ต้องรออ่านในหนังสือพิมพ์ฉบับวันพรุ่งนี้
"แล่วมันเคยมีใครทำไหมครับพี่?"ลูกน้องคนเดียวของผมซักแบบไม่แน่ใจ...ผมตอบว่าไม่เคยมีใครทำ นั่นแหละเราเลยจึงต้องมาทำมันไง ผมเชื่อว่ามันต้องมีคนอยากใช้บริการมันแน่ คนที่อยากได้ข้อมูลข่าวสารไวกว่าใคร ตัดสินใจประกอบการซื้อขายได้เร็วเกินใครตั้ง1วัน โดยมืออาชีพวงการข่าวหุ้นเศรษฐกิจอย่างเรา
ผมเอาเรื่องนี้ไปคุยกับผู้ให้บริการเพจเจอร์หลายราย แทบจะล้มเลิกไปหลายหน เพราะหาข้อตกลงธุรกิจยากเย็น แต่สุดท้ายก็ได้ข้อตกลงกับโฟนลิ้งค์ ที่เป็นธุรกิจในเครือของชินวัตร แต่ผมไม่ชอบข้อตกลงที่เขี้ยวลากและเอาเปรียบเลย บริษัทเครือชินวัตรรายนี้คิดค่าส่งข้อมูลรายกลุ่มที่ดูแพงมากๆ แต่หากไม่ตกลง เราก็เริ่มธุรกิจไม่ได้ ผมใช้เวลาเตรียมธุรกิจนานเกินไป ผ่านไปเกือบจะครึ่งปี ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามา และรอมันอย่างตื่นเต้น...ในที่สุดผมก็ต้องยอม
ลูกค้าให้การต้อนรับบริการSet Group Call ซึ่งต่อมาผมใช้ชื่อย่อเหลือเพียงว่าSETCALLล้นหลามเกินคาดหมาย ใครก็รอฟังเสียง"บี๊บๆ"ว่าSETCALLส่งข่าวสดข่าวร้อนหุ้นร้อนหุ้นแรงตัวไหนมาให้ โดยผมคิดค่าบริการเดือนละ1,500บาทต่อเครื่อง
ในปีต่อมา ผมเริ่มจัดกิจกรรมสัมมนาเปิดโผหุ้นเด่นจากวิทยากรระดับแม่เหล็กในเวลานั้น มีลูกค้าสมาชิกSET CALLเข้าร่วมงานคราวละไม่น้อยกว่าพันคนคึกคักกันมาก
ฮ็อตจนหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจต้องมาสัมภาษณ์ผมไปลงหน้าปก
แต่ทุกอย่างก็ไม่ง่ายราบรื่น พาร์ตเนอร์ธุรกิจของเรา คือโฟนลิ้งค์ให้ทนายยื่นโนติสว่าผมค้างค่าบริการจัดส่งกรุ๊ปคอลล์อยู่ 2 ล้านกว่าบาท
ผมโต้ว่า ตอนนั้นเพจเจอร์เสื่อมความนิยมลง คนเริ่มหันไปใช้โทรมือถือมากขึ้น ทางโฟนลิ้งค์ไปซื้อเครื่องเพจเจอร์มือสองมาแค่50บาท 100 บาท แล้วมาขายลูกค้าของผมที่จำเป็นต้องรับข้อมูลผ่านบี๊บๆเครื่องละ2,500บาท ยังจะมาเก็บค่าส่งข้อมูลอะไรกับผมอีกตั้งแพง "นายของพวกคุณนี่มันเขี้ยวเกินไปมั้ย ขี้ก็ไม่เหลือไว้ให้หมาแดก.."ผมฝากข้อความนี้ไปถึงบอสเครือชินวัตร
ได้ผลครับ ทางโฟนลิ้งค์เลิกทวงไปพักใหญ่ แต่ในที่สุดก็ตามไล่บี้ผมไปทุกบาททุกสตางค์อยู่นั่นเอง....โทรศัพท์มือถือเข้ามาทดแทน บริการของเราเลยเลิกใช้เพจเจอร์อีก4-5ปีต่อมา และส่งข้อความผ่านทางโทรมือถือแทน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยื่นโนติสว่าให้ผมเลิกใช้เครื่องหมายการค้าSETCALL เพราะตลาดฯจะเอาชื่อนี้ไปใช้ในกิจการคอลล์เซ็นเตอร์ หากไม่ยอมก็จะฟ้อง...ผมเลยบอกฝ่ายกฎหมายของเราว่า ช่างมันเถอะปล่อยให้เขาไป คนไม่ได้เชื่อถือเราเพราะว่าแบรนด์ของเรานั้นชื่ออะไรหรอก เขาเชื่อมั่นก็เพราะเราเป็นมืออาชีพที่เขาเชื่อมั่นได้ นั่นแหละสำคัญที่สุด
...
หมายเหตุ:1.ผมถูกยื่นโนติสจะดำเนินคดีจากคุณทักษิณ ชินวตร ครั้งแรก ในตอนเป็นบรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์ไทยไฟแนนเชียลเมื่อปี2538 เพราะเราไปลงข่าวพลาดว่าเขาใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศไปสร้างผลประโยชน์ทับซ้อน(Conflict of interest) เรื่องจบลงที่การไกล่เกลี่ยและแก้ไขข่าวให้
ในปี2564 ทักษิณรู้จักกันในนามของโทนี วู้ดซั่ม ใช้สื่อสารแพลตฟอร์มคลับเฮาส์ให้คนไทยยังจดจำเขาได้ ส่วนผมนิยมใช้FacebookและYoutubeในการสื่อสารกับผู้คนแทน"บี๊บๆ"และหนังสือพิมพ์
2.อีก5ปีต่อมาหลังจากผมเริ่มกิจการในปลายปี2540 คือในปี2545 สำนักงานกลต.สั่งให้ผมไปขึ้นทะเบียนเป็นบริษัทหลักทรัพย์ ประเภทที่ปรึกษาการลงทุน สังกัดกับกลต. โดยเขาเห็นว่าที่ผมส่ง"บี๊บๆ"ไปนั้นเป็นกิจการที่เกี่ยวกับการเป็นทีป่รึกษาการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ แม้ว่าผมจะได้โต้แย้งว่ามันเป็น"บริการข้อมูลข่าวสารแบบดิจิตอล"ก็ตาม
กิจการของผมเลยได้กลายเป็น บริษัทหลักทรัพย์ โดยไม่ยินดีและเต็มใจมานับจากนั้น จนมาถึงตอนนี้
....
ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ -ประวัติสังเขป
By ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ เลขที่ใบอนุญาต12888
By ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ เลขที่ใบอนุญาต12888
บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษการลงทุนต้นธารคอร์ปอเรชั่น
1.อะไรคือปรากฎการณ์ Sell in Mayในตลาดหุ้น แลวปีนี้จะเจออีกมั้ย? เราควรกำหนดวางแผนรับมือยังไง คลิกชมรายละเอียดได้เลยครับ