วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์:ฝรั่งขายหนักไม่ต้องตกใจ เป็นรายการขายหุ้นBAYของGE ตลาดน่าจะเป็นการพักฐานแล้วขึ้นต่อไป ยังไม่พีคและเป็นขาลง แต่หากหลุดด่าน1258หรือ1245ลงไปจึงจะน่ากลัวว่าเป็นขาลง พร้อมกลยุทธ์การลงทุนสำคัญช่วงนี้ หากผ่านด่าน1275-1280ขึ้นไปได้จะยืนยันขึ้นต่อ


แค่"คลิ้ก"คุณก็สั่งซื้อคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส4/55ได้แล้ว โดยไม่ต้องยกหูโทรศัพท์ก็ยังรวยได้ที่www.facebook.com/tontancorp หมดเขตภายใน1ตุลาคมนี้เท่านั้น

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800
 โทรมือถือ087-7174979 087-7174939 http://www.facebook.com/tontancorp (สมัครสมาชิกเพื่อได้รับข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนใครๆ อย่าเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ทั้งผ่านSMSและอีเมล์ ให้คุณไม่ตกรถ ไม่ขายหมู ไม่ติดดอย เสมือนมีอาจารย์ณัฐวุฒิ คอยเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาการลงทุนอย่างใกล้ชิด สมัครตอนนี้ได้คู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส4/55ฟรีก่อนใคร)

1.ตรวจสอบปัจจัยภายนอกและภายในที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้น

*ปัจจัยภายในที่สำคัญ(Key Internal Factor)ฝรั่งเทขายหนัก6พันล้าน อาจเป็นแค่รายการขายหุ้นBAYของGEเมื่อวานนี้

สถิติโดยทั่วไปคือหากนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ มักทำให้ตลาดหุ้นไทยขึ้น แต่หากต่างชาติขายสุทธิมักทำให้ตลาดหุ้นไทยตก (เมื่อวานนี้ต่างชาติขายสุทธิ6,086ล้านบาท คาดว่าจะเป็นการขายในกระดานรายใหญ๋ของGEที่ขายหุ้นBAYออกมา โดยเมื่อวานนี้มีรายการบี๊กล็อตดังนี้

-BAY-F(ธนาคารกรุงศรีอยุธยากระดานต่างประเทศ) 315 ล้านหุ้นเศษ ราคาเฉลี่ย31.29บาท เป็นเงิน9,884ล้านบาท
-BAY 207ล้านหุ้น 207ล้านหุ้นเศษ ราคาเฉลี่ย31.20บาท เป็นเงิน 6,476ล้านบาท

การจะพยากรณ์ว่าต่างชาติจะซื้อหรือขายให้ดูที่อัตราแลกเปลี่ยนดังนี้

ชาร์ตที่1ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์:ค่าเงินบาทอ่อนลงมาจะมีแนวต้าน31.06บาท/ดอลลาร์ โดยล่าสุดอ่อนค่าลงมาที่ 31.03บาท/ดอลลาร์ แล้วกระเตื้องขึ้นมาเขต30.99ดอลลาร์(ดูเรียลไทม์ที่  http://www.bloomberg.com/quote/USDTHB:CUR )

ข้อสังเกตคือ:

ก.ในทางลบต่อตลาดหุ้น-หากอ่อนลงกว่านี้ แปลว่าฝรั่งคงจะขายหุ้นในกระดานจริงแน่ๆและยาวด้่วย(เพราะหากอ่อนกว่า31.06อาจอ่อนลงไป31.30ถัดไปเกือบๆ32บาท/ดอลลาร์)

ข.ในทางบวกต่อตลาดหุ้น-แต่หากไม่อ่อนกว่า31.06 แล้วแข็งไป30.85-30.73อีกรอบ แปลว่าเป็นแค่เรื่องGEขายหุ้นBAYแบบบิ๊กล็๋อตออกมาเมื่อวานนี้ จากนั้นฝรั่งก็ซื้อหุ้นไทยต่อครับ

หรือข้อ ค.ที่ผมเคยเตือนเอาไว้ในบทความก่อนๆหน้านี้คือค่าบาทแข็งมาเขตเป้าหมาย30.73แล้ว อ่อนลงเกิน31.06 ต่างชาติกลับมาขายต่อเนื่อง และคนไทย โดยเฉพาะรายย่อยมาซื้อสุทธิต่อจากนี้แล้วฝรั่งขายทุกวัน สุดท้ายหุ้นตก คนไทยกลายเป็นแมงเม่าติดหุ้น ข้อควรระวังที่สุดคือข้อนี้



II.หุ้นไทยพีคในคลื่น5ไปหรือยัง และต้องทำอย่างไรในเวลานี้?

คล้ายๆยอดคลื่น5แต่ว่าไม่เหมือน-ก่อนหน้านี้ผมได้เสนอว่าตลาดหุ้นไทย ได้ขึ้นมาที่ขาสุดท้ายของขาขึ้นแล้ว คือคลื่นที่5(Vในภาพ) โดยจิตวิทยาของฝูงชนในตลาดหุ้นมักมีความโลภ ไม่กลัวติดหุ้น กลัวแต่ตกรถ กลัวไม่ได้ซื้อ ขายตัวนั้นโดดใส่ตัวนี้ มีหุ้นประเภทเก็งกำไรไล่ราคากัน วอลุมหนาแน่นกว่าปกติ และหากวันใดวันหนึ่งตลาดเปิดกระโดดขึ้นแรงด้วยวอลุมซื้อขายเกินกว่าปกติ(แต่ไม่ใช่รายการบิ๊กล็อตนะครับ)แล้วถูกขายลงมาปิดโลว์ โดยฝรั่งขายหนาแน่น และรายย่อยมาซื้อหนักซัก3วันติด แสดงว่าเป็นยอดดอยของคลื่น5
 ชาร์ต 1:ข้อพิจารณาคืออยู่คลื่นที่ 5 และสภาพจิตวิทยาของตลาดก็ดูคล้ายๆทีเดียวครับ แต่ไม่เหมือนสูตรที่ผมว่าไว้ซะทีเดียว(เช่นวอลุมเยอะก็เพราะบิ๊กล็อต ฝรั่งขายหนัก รายย่อยซื้อมากก็เพราะบิ๊กล็อต ฟังๆเวลานี้ก็ยังไม่เข้าข่ายโลภกันมาก ดูท่าจะระแวดระวังภัยกันซะมากกว่า...) 
*ความเป็นไปได้ของพีคเขต1300+/-กับ1350-1400จุด ณ จุดใดคือยอดดอย?-ด้านล่างนี้เป็นชาร์ตที่ผมนำเสนอไปในบทความคราวก่อนครับว่าในคลื่น5ใหญ่ที่กำลังขึ้นมานี้ ยังขึ้นมาไม่ครบคลื่น น่าจะเป็นเพียงคลื่น3ย่อยของ5ใหญ่(ซึ่งมีtargetเขต1300+/-แล้วตกลงไปในคลื่น4ย่อย...ซึ่งควรเป็นเหตุการณ์ตกหนักเมื่อวานนี้ แต่ยังไม่พีคและลง น่าจะยังมีคลื่นที่5ย่อยอีกคลื่นที่อาจผ่าน1300ขึ้นไปพีคเขต1350หรือดีสุดขีดก็1400ตามที่เคยให้ความเห็นไว้)

ชาร์ตที่2:ผมเขียนไว้ในบทความครั้งก่อนว่า โดยมีความเป็นไปได้ว่าอาจขึ้นมาที่คลื่น3ย่อยในของคลื่น5ใหญ่(ตำแหน่งIIIในภาพ)เขต1300+/-แล้วมีการพักฐานลงคลื่นที่4เขต1245+/- จากนั้นเหวี่ยงขึ้นไปจบคลื่นที่5ของคลื่นที่5ใหญ่(ในตำแหน่งVในภาพ)อาจเป็นตั้งแต่1350ไปถึง1400จุด

*เป้าหมายของการตกปรับฐานควรเป็นการปิดGAP1270-1260แล้วขึ้นไปนิวไฮเพื่อพีคตั้งแต่1320-1350หรือล่าสุดขีด1400 อย่างไรก็ตามหากลงต่ำกว่าเขต1258หรือยืนยันด้วยการหลุดเขต1247ลงไป แสดงว่าหมดรอบขาขึ้น จะเปลี่ยนเป็นขาลง


ชาร์ตที่3:เมื่อให้เขต1290ที่ขึ้นไปวันก่อนเป็นยอดคลื่นที่ 3ย่อย และเกิดการตกลงมาคลื่นที่ 4 ย่อย ก็คาดการณ์ว่าจะมีเป้าหมายตกดังนี้

ก.กรณีดีที่สุด คือลงมาปิดGAPที่เคยเปิดไว้เขต1270-1260จุด แล้วฟื้นตัว(โดยอาจลงมาแค่1270เมื่อวานนี้ก็ได้ หรือจะตกต่อลงมาที่1260+/-ก็ได้ ขึ้นกับว่าหากวันนี้ฟื้นขึ้นจะไปผ่านด่าน1280หรือไม่ หรืออย่างแย่ควรปิดเหนือ1274ได้หรือไม่ หากใช่ก็แสดงว่าลงค่านี้แล้วก็จะขึ้นไปถัดไป1290-1300และไป1320-1350ต่อไปเพื่อพีคคลื่น5ของ5)

ข.กรณีกลางๆคือ ฟื้นไปไม่เกิน1280วันนี้แล้วลงหลุด1270จะลงไป1260-1258 แล้วซึมออกด้านข้างซะกระยะ โดยไม่ถอยลึกกว่าแนวรับUptrend1247แล้วขึ้นไปตามข้อ ก.

ข้อค.กรณีแย่สุดๆคือพีคหมดรอบ-หากลงไปลึกกว่าเขต1258-1260และทำท่าลงไปหลุดแนวรับuptrendเขต1245+/-แสดงว่าตลาดทำพีคไปแล้วและจะเปลี่ยนเป็นขาลงขนาดใหญ่

กลยุทธ์สำคัญมาก-รอดูทิศทางวันนี้

1.หากยืนเหนือ1270และหรือทำท่าผ่านด่าน1280แสดงว่าเป็นการพักฐานในคลื่น4ย่อยเพื่อขึ้นต่อไปจบพีค5เขตตั้งแต่1300-1400จุด (กรณีนี้ให้ถือหุ้น หรือซื้อหุ้น)

2.หากทำท่าลงหลุดลึกกว่าเขต1258-1260จุด ควรขายลดความเสี่ยง นำหุ้นที่มีกำไรขายก่อน

3.หากตล่าดระยะข้างหน้าทำท่าลงลึกกว่าเขต1245+/-ให้ขายหุ้นเอาทุน หรือขายเพื่อหยุดภาวะขาดทุน และขายเพื่อลดความเสี่ยงขาลงขนาดใหญ่

ณ ตอนนี้ผมให้น้ำหนักว่ามีโอกาสมากที่สุดที่จะเกิดข้อ ก รองลงไปข้อ ข และโอกาสน้อยคือข้อ ค แต่เพื่อความท่าประมาทควรคิดเรื่องการจัดการความเสี่ยงขาลงไว้ด้วยก็ดีครับ


วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

โบรกเกอร์พากันหันมาเชียร์ขายBANPUหลังจากข่าวแพ้คดี ผมแนะนำให้ดูด่านสุดท้าย390บาทประกอบการตัดสินใจสำหรับท่านที่ติดสูง



แค่"คลิ้ก"คุณก็สั่งซื้อคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส4/55ได้แล้ว โดยไม่ต้องยกหูโทรศัพท์ก็ยังรวยได้ที่www.facebook.com/tontancorp

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800
 โทรมือถือ/087-7174979 087-7174939 http://www.facebook.com/tontancorp


*ติดไว้ทำไงกับBANPUหลังศาลแพ่งให้แพ้คดีหงสาฯ-คำตอบคือชี้ขาดที่ด่าน390บาท

ชาร์ตที่1:เป้าตก390 ขณะที่เกิดRSI DIVERGENCEในช่วงภาคเช้าวันนีั้ หากยืนได้อาจฟื้นไป470+/-

ชาร์ตที่2:โครงสร้างใหญ่หากวัดจากพีค868บาท และฐาน140บาท กำลังลงมาเขตแนวรับสุดท้าย66.67%fibonacci retracementเขต382บาท หากไม่หลุดอาจฟื้นไป470 และเป้าหมายใหญ่เขตใกล้ๆ600ในระยะกลาง

สถานการณ์และแนวโน้ม-ศาลตัดสินให้แพ้คดีและชดใช้เกือบ3หมื่นล้านบาท ทำให้โบรกเกอร์ที่เคยเชียร์ซื้อหุ้นมาอย่างต่อเนื่องหันมาหั่นเป้าหมายราคาพื้นฐานลงไปเหลือตั้งแต่522บาทไปถึงแย่สุด363บาท(อ่านรายานที่ผมแนบมา) และแนะนำให้เหลือแค่ถือ หรือ ขาย หรือหลีกเลี่ยง มีเพียงบางเจ้าให้ซื้อช่วงอ่อนตัว

ราคาช่วงเช้าเปิดมาร่วงหนักหลุด400บาทลงไปลึกสุดที่390บาทแล้วมีแรงช้อนซื้อ โดยเมื่อพิจารณาทางเทคนิคพบว่าเขต390บาทเป็นแนวรับsupport lineที่แกว่งระหว่าง390-470บาท แนวต้านแรก420+/-

ในชาร์ตรายวันเมื่อพิจารณาค่าสัญญาณRSIพบว่า เกิดbullish divergenceซึ่งเป็นสัญญาณทางบวก กล่าวคือ ราคาหุ้นลงนิวโลว์ แต่สัญญาณRSIไม่ทำนิวโลว์ด้วย ก็อาจเป็นสัญญาณการกลัวตัวขึ้นก็เป็นไปได้(ดูถึงเฉพาะปิดทำการภาคเช้า)

ขณะที่โครงสร้างระยะกลางจากชาร์ตที่2พบว่า:โครงสร้างใหญ่หากวัดจากพีค868บาท และฐาน140บาท กำลังลงมาเขตแนวรับสุดท้าย66.67%fibonacci retracementเขต382บาท หากไม่หลุดอาจฟื้นไป470 และเป้าหมายใหญ่เขตใกล้ๆ600ในระยะกลาง

อย่างไรก็ตามหากหลุดด่าน390หรือ382บาทลงไปจะเป็นแนวโน้มnegativeมากๆคือลงไปเท่าไหร่ก็ได้หละครับงานนี้ หากหลุด

คำแนะนำ-สำหรับคนที่ติดดอยเอาไว้สูง ให้ทำดังนี้ 1.จับตาดูว่ายืนเหนือ390หรือ380ได้หรือไม่ในระยะนี้ หากได้ก็ถือรอฟื้นตัวกลับไป ด่านแรก420-424 ถัดไป470หากไม่มีนิวไฮเกินนี้ก็ขาย หรือ2.หากยืนเหนือ380-390ก็อาจซื้อเฉลี่ยต้นทุนแล้วไปรอขายออกหากขึ้นไปไม่ผ่าน470(หากผ่านจึงจะได้ลุ้นไป550-600ในระยะเป็นเดือน หรือเป็นไตรมาส) และ3.หากหลุดด่าน390หรือให้ชัวร์380บาทลงไป ให้ทำใจขายcut lossแล้วหาตัวอื่นลงทุนแก้ไขพอร์ตครับ
************
(รายงานข่าวและความเห็นของโบรกเกอร์)

*BANPU เผยศาลแพ่งพิพากษาชดใช้กว่า 2.9 หมื่นลบ.คดีหงสา เตรียมยื่นอุทธรณ์

บมจ.บ้านปู(BANPU) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากคดีแพ่งที่นายศิวะ งานทวี และกลุ่มของนายศิวะ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท บริษัทย่อย และผู้บริหารของบริษัท เป็นจำเลย เรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 63,500 ล้านบาท โดยกล่าวอ้างว่าทำการหลอกลวงโดยเข้าร่วมทำสัญญาร่วมทุนกับนายศิวะและพวก เพื่อประสงค์จะได้ข้อมูลสัมปทานเหมืองถ่านหิน รวมทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ที่เมืองหงสา ประเทศลาว และได้ใช้สิทธิไม่สุจริตในการรายงานเท็จทำให้รัฐบาลลาวยกเลิกสัปทานเหมืองถ่านหินและสัญญาก่อสร้างและดำเนินกิจการโรงงานผลิตไฟฟ้าของศิวะและพวก เพื่อบริษัทจะได้เข้าทำสัญญากับรัฐบาลลาวเองนั้น
          
ในวันที่ 20 ก.ย.55 ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้บริษัท และบริษัท บ้านปูเพาเวอร์ จำกัด ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นค่าข้อมูลจำนวน 4 พันล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และค่าขาดประโยชน์เป็นเงินรายปี ปี 2558-2570 ปีละ 860 ล้านบาท และปี 2571-2582 ปีละ 1,380 ล้านบาท 
          
อนึ่ง ด้วยความเคารพต่อศาลแพ่งบริษัทไม่เห็นด้วยต่อคำพิพากษาของศาลแพ่ง และจะใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อไป 

บริษัทขอเรียนว่าคำพิพากษาดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าหงสาแต่อย่างใด เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท หงสาเพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนแยกต่างหากจากบริษัท และโครงการดังกล่าวยังคงดำเนินการก่อสร้างตามแผนงานที่กำหนดไว้

*โบรกเกอร์พากันดาวน์เกรดเชียร์ขาย หลังจากเชียร์ซื้อมาตลอด

-พัฒนสินมองกรณีแย่สุดพื้นฐานลง363บาท

 BANPU ตลาดคาดราคาหุ้นลดลง 40-50 บาท(ทุก 10 บาทที่ลดลงมีผลต่อ SET 0.3จุด ) แนะนำ ขายต่อ/เปิด Short ศาลชั้นต้นตัดสินให้ คุณศิวะ กลุ่มบริษัทงานทวี ชนะคดี BANPU กรณีหลอกลวงเพื่อได้รับสัมปทานเหมืองถ่านหินโครงการหงสา โดยBANPUต้องจ่ายเงินให้3.2หมื่นลบ. แบ่งจ่ายใน25ปีตามสัมปทานของโครงการหงสา แบ่งเป็นปีนี้4พันลบ.(ประมาณ34%ของ NP) ปี 15-27 860ลบ./ปี 28-39 1.38พันลบ.(5%ของกำไร) ส่งผลTarget Price ปรับลด (Worst Caseลด17%เป็น363บ.จาก547บ.)  

-KTZIMICOลดเป้าลงเหลือ483บาท แต่หากลงลึกกว่า400แนะนำช้อนซื้อ เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ถ่านหินสูงขึ้นในจีน และราคาถ่านหินจะดีขึ้น

: Negative judgment on Hongsa case!  - BUY on weakness (TP of Bt483)

This unexpected court ruling will hit BANPU’s 2012 earnings and today’s share price hard. However, if the share price falls below Bt400, we recommend investors BUY on the weakness to speculate on 1) growing coal demand from back-to-normal coal inventories in China, 2) potential lower coal supplies from production cuts and 3) the potential bounce back of commodity prices after fresh capital injections by major countries. Our 12-month target price is cut by 13% to Bt483 from the change in methodology and the impact from this court ruling.  

-กิมเอ็งลดเป้าพื้นฐานเหลือ480บาท ให้เกรดแค่ถือ

กิมเอ็งรายงานว่า เมื่อBANPUแพ้คดีเราประเมินมูลค่าชดเชยดังกล่าวเป็นมูลค่าปัจจุบันทื่ 52 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้ราคาเหมาะสมของเราลดลงเหลือ 480 บาท ทำให้เราปรับลดคำแนะนำเชิงปัจจัยพื้นฐานลงเป็น ถือ สอดคล้องกับมุมมองในเชิงกลยุทธ์ที่ผ่านมาที่เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้น BANPU เนื่องจากเป็นการยากที่จะคาดคำตัดสินของศาลและตลาดถ่านหินที่ถูกกดดันจากอุปทานส่วนเกิน 

-CIMB Thaiหดเป้าลงเหลือ422บาท/หุ้น แนะนำขายเมื่อศาลตัดสินให้แพ้คดี

Although Banpu can still appeal the case, this unfavourable outcome will have a significantly negative impact on its share price, given that the market had expected the case to have no effect on the company. We downgrade Banpu from Neutral to Underperform and cut our earnings forecast for 2012 by 31% assuming that Banpu will need to provide only for the first upfront amount of THB5.4bn.  We also lower our SOP target price by 15% to THB422, assuming the damages will be paid in full, and earnings from the Hongsa project will be lost due to a prolonged delay
Sell on this fact given that the market had not expected this outcome. We believe this legal case will be an overhang on its share price as it is likely to drag on for a few more years. Fundamentally, Banpu’s earnings remains weak on lower ASP for coal given that coal prices remain on a downtrend
-ASPให้เป้า507บาท ระยะสั้นให้ขาย ระยะยาวให้ถือ
 
ฝ่ายวิจัยได้ทำการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2555 สะท้อนกรณีเลวร้ายสุดจาก
การตั้งสำรอง (Provision) เต็มมูลค่าเงินชดใช้ตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง ถึงแม้ทาง 
BANPU จะมีการใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ต่อไปก็ตาม เป็นจำนวน 3.1 หมื่นล้านบาท (One-time Expense) ซึ่งจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปี 2555 พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 1.92 หมื่นล้านบาท จากเดิมเป็นกำไรสุทธิ 1.17 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามคำพิพากษาดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าหงสาแต่อย่างใด เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท หงสาเพาเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนแยกต่างหากจาก BANPU โดยโครงการดังกล่าวยังคงดำเนินการก่อสร้างตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ ทำให้ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าหงสาที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 ไว้เช่นเดิม


ภายใต้ประมาณการใหม่ มูลค่าพื้นฐาน สิ้นปี 2555 อิงวิธี DCF เท่ากับ 507.04 บาท
ต่อหุ้น จากเดิม 621 บาทต่อหุ้น และปรับลดคำแนะนำเป็น ถือจากเดิม ซื้อเนื่องจากคาดในระยะสั้นคำพิพากษาของศาลแพ่งที่ให้ BANPU แพ้คดี และต้องชดใช้ต่าเสียหายมูลค่ามีนัยฯดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาหุ้น ดังนั้นนักลงทุนระยะสั้นที่ถือครองหุ้น BANPU อยู่แนะนำให้ขายไปก่อน เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อมูลค่าพื้นฐานถือว่ามีนัยฯ แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาว ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำถือ เนื่องจากหากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานแล้วพบว่าภาพรวมอุตสาหกรรมถ่านหินมี Downside ที่จำกัดแล้ว จากนี้น่าจะเห็นการฟื้นตัวของทั้งราคาถ่านหินได้ตามมาตร
การกระตุ้นเศรษบกิจต่างๆที่เกิดขึ้น อาทิ QE3 

เกียรตินาคิน:ลดเป้าพื้นฐานเหลือ522บาท แนะนำหลีกเลี่ยง

กรณีเลวร้ายที่สุด ราคาหุ้นยังมี Downside อีก 13% กรณีแย่ที่สุด หากท้ายที่สุด BANPU จำเป็นต้องชำระเงินค่าเสียหายทั้งหมด จะกระทบมูลค่าที่เหมาะสม 58 บาท ซึ่งจะทำให้มูลค่าเหมาะสมของ BANPU ลดลงจาก 580 บาท เหลือ 522 บาท เราประเมินว่าระยะสั้นราคาหุ้น BANPU มีโอกาสที่จะลดลงจาก (1) ผลกระทบของคำตัดสินของศาลฯ แต่จะไม่เกิดกรอบกรณีเลวร้ายที่สุดที่เราประเมินไว้ที่ 58 บาท ทำให้ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันยังมี Down Side ประมาณ 13% และ (2) มีความเป็นไปได้ที่ BANPU จะต้องตั้งสำรอง ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการปี 2555 พลิกกลับมาเป็นผลขาดทุน เป็น
ปัจจัยกดดันราคาหุ้น
               
คำแนะนำการลงทุน: ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนผลของคดี แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุน 
แม้ BANPU จะยังไม่ได้รับผลกระทบทางด้านกระแสเงินสด เนื่องจากผลของคดียังไม่เป็นที่สิ้นสุด โดย BANPU มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ แต่ประเด็นดังกล่าวจะเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ระยะสั้นเราแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนจนกว่าระดับราคาหุ้นจะตอบสนองเชิงลบต่อประเด็นดังกล่าว 

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์:น้ำมันดิ่งแรง...What's next?!


แค่"คลิ้ก"คุณก็สั่งซื้อคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส4/55ได้แล้ว โดยไม่ต้องยกหูโทรศัพท์ก็ยังรวยได้ที่www.facebook.com/tontancorp

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800
 โทรมือถือ/087-7174979 087-7174939 http://www.facebook.com/tontancorp



น้ำมันดิ่ง What's next...?
1.ราคาน้ำมันดิ่งแรงกว่า 3 ดอลลาร์เมื่อคืนวันพุธ(19) หลังซาอุฯแย้มอาจช่วยเพิ่มกำลังผลิตเพื่อฉุดราคาให้ลดต่ำลง ขณะที่ทางการUSAเผยยอดตัวเลขปริมาณสำรองขยับขึ้นเพียบ...สรุปคือเป็นเรื่องของอุปสงค์-อุปทาน demand vs supp
lyครับ

2.ในทางSentimentรอบนี้ขึ้นมาจาก77$มาพีคที่100$ผมว่าก็คงเป็นธรรมดาว่าที่จะเจอแรงขายทำกำไร ลงมา

3.ในทางเทคนิคการโดนเทขายลงมา เมื่อใช้fibonacci retracementประเมินจากฐานรอบล่าสุด77และพีครอบล่าสุด100เมื่อลงมาเขต1ใน3(38.20%=91.65$)ลงมาจริงๆนี่91.25$ครับเมื่อคืนนี้ ส่วนเช้านี้อยู่แถว91.90$

หากพิจารณาจากDow theoryแล้วการลงมาเที่ยวนี้เป็นการทำฐานยกสูงขึ้นจากฐานเก่าที่เคยทำไว้เขต86-87$ที่ทำไว้รอบก่อน และเมื่อดูจากbolinger bandพบว่าร่วงลงมากระทั่งลึกกว่าbolinger band bottom สะท้อนว่าเข้าเขตsuper oversoldอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติื ส่วน%Kของmod sto.ลงมาเขต20%เท่ากับเขตoversoldของรอบก่อน

4.ข้อวินิจฉัย การร่วงลงมาจากเรื่องขึ้นไปเป้า100$และข่าวเรื่องover supplyได้ทำให้NYMEXร่วงลงจากแรงทำกำไร และลงมาถึงเป้าหมาย1ใน3=91$+/-ขณะที่เครื่องมือชี้ว่าเข้าเขตsuper oversoldอย่างมีนัยทางสถิติ จึงอาจหยุดลงที่เขตนี้แล้วฟื้น โดยมีเป้าหมายแรกด่าน95ถัดไป100$ และตามDow theoryอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากทำฐานยกสูงขึ้น รอบหน้าก็ึควรทำนายว่าจะมีนิวไฮสูงกว่าพีคเก่า100$

ส่วนผลกระทบต่อราคาหุ้นน้ำมันนั้น ก็คงส่งผลให้่เกิดความไม่เชื่อมั่นและขายทำกำไรหรือขายลดความเสี่ยงออกมา แต่เนื่องจากไม่พบนัยทางสถิติว่า มีความสัมพันธ์กันแบบปฏิกริืยาทันทีทันใดระหว่างราคาน้ำมันดิืบโลกกับราคาหุ้น(เช่น เที่ยวก่อนตอนNYMEXร่วงลงไป77$ หุ้นน้ำมันก็ทำbottomไปก่อนหน้านี้แล้ว หรือเที่ยวล่่าสุดเมื่อน้ำมันขึ้นไปแตะ100$ หุ้นน้ำมันก็ไม่ได้ขึ้นไปทำนิวไฮแต่อย่างใด ทว่ามีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัยแต่ไม่มีreactionทันทีทันใด)

การอัีพเดตหุ้นน้ำมันรายตัว จะแจ้งให้ท่านสมาชิกได้พิจารณาถึงเป้าหมายแนวรับ เป้าหมายแนวต้าน กลยุทธ์กา่รลงทุนต่อไป(ทางemailครับ)

ติดตามความเคลื่อนไหวน้ำมันดิบโลก(NYMEX)แบบเรียลไทม์ http://www.marketwatch.com/investing/future/crude%20oil%20-%20electronic

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ :มั่งคั่งมีความสุขกับหุ้นกระทิงในคลื่น5 ได้อย่างไรง่ายนิดเดียว แต่หากไม่รู้ก็เสี่ยงติดดอยเสียหายหมดตัว เพื่อเงินในกระเป๋าของคุณ-อ่านเลยครับ!


แค่"คลิ้ก"คุณก็สั่งซื้อคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส4/55ได้แล้ว โดยไม่ต้องยกหูโทรศัพท์ก็ยังรวยได้ที่www.facebook.com/tontancorp
ข่าวด่วน-สำหรับท่านที่พลาดงานอบรมกราฟพิชิตTFEXในรอบที่ผ่านมา ตอนนี้มีที่นั่งว่าง 5 ที่นั่ง งานวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายนนี้ โทรจองเลยครับโอกาสสุดท้าย087-7174979 หรือ087-717-4939

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 
www.tontancorp.com

หลังจากตลาดหุ้นไทยผ่านด่าน1,247จุด ที่่เคยเป็นพีคเก่าทำไว้ในเดือนพฤษภาคมแล้ว ก็คงจะเริ่มเข้า่สู่คลื่นที่ 5 หละครับ เป้าหมายขึ้นมีตั้งแต่1300 ถัดไป 1350 ดีสุดอาจเป็น1400จุดครับ

เทรดหุ้นให้รวยและมีความสุขในคลื่นที่ 5

ข้อสังเกตยอดคลื่น5(จิตวิทยาชี้นำตลาด)

1.ขึ้นแรงเร็วไว วอลุมบาน—อาจได้เห็นตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน
2.ตอนแรกๆคนจะกลัว แต่ยิ่งกลัวก็ยิ่งวิ่งไม่กล้าตามยิ่งขึ้น—อาจเป็นช่วงนี้ที่คนไม่กล้าตาม ขึ้นมารายย่อยก็
ขาย
3.มีข่าวลือเรื่องเป้าหมายราคา และมีการไล่ราคาแบบบ้าเลือด ยิ่งกลัวยิ่งวิ่งขึ้น เลิกกลัวไปเคาะตามเมื่อไหร่ ใช่เลย"ดอย"--น่าเป็นช่วงต่อไำป
4.หากขายผิดช่วงผิดวันแทบอยากร้องไห้ ราคาหนีกันไปเป็นโยชน์
5.เมื่อไหร่ที่รายย่อยกลับมาเป็นฝ่ายซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องซัก3วัน และราคาเปิดกระโดดขึ้นมาแรงๆ วันนั้นมักเป็น"ดอย" (รูปแบบคือisolate island)


โดยทั่วไปคนมักมองเห็นแต่แง่negativeของมัน ในแง่positiveมีดังนี้

-ขึ้นแรงเร็วชัน ถูกทางก็รวยไว ไม่ต้องเสียเวลารอ
-ราคาพักฐานนิดหน่อยแล้วขึ้น หากขายหมูแล้วซื้อคืนก็ยังกำไร(หากยังไม่
ดอยสุดๆ)
-ราคาจะวิ่งขึ้นall time highทำให้คุณกลัวในระยะต้นๆระยะกลางๆ แต่เมื่อไหร่ที่คุณเลิกกลัวและปักใจว่ามีแต่ข่าวดีเต็มตลาด หุ้นคงลงไม่เป็นแล้ว จะไปกลัวทำไมมีแต่ข่าวดีๆและวอลุมพีคตลาดแตก เปิดโดดมามากๆและวอลุมมากกว่าปกติ ในสถานการณ์นั้นคุณควร"กลัวให้เป็น"

รูปภาพ
****************

  เรียนกราฟเทคนิคง่ายนิดเดียว บทที่8:อีเลียตเวพ ไม่ใช่อีเดียตเวพ เรื่องง่ายๆอย่าไปทำให้มันยุ่ง รู้่แล้วรวย ไม่รู้ซวยหนักมาก

      
      
         โดยณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์เมื่อ 3 มีนาคม 2012 เวลา 16:13 น.
      
         
         
      
         วลาผมเปิดสอนกราฟ เรื่องอีเลียตเวพทีไร คนมาเรียนชอบบ่นว่า โห เรื่องนี้โคตรยากเลยครับจารย์ ผมมักตอบว่า ก็คุณไปทำให้มันยากเอง(นี่หว่า) ก็เอาให้มันง่ายเข้าว่าสิ คือเรื่องนี้จำไว้ง่ายๆว่าเป็นแค่การ"ต่อยอดเรื่องทฤษฎีแนวโน้ม"ของพระ อาจารย์ดาวแค่นั้นแหละครับ...ง่ายหรือยังทีนี้
      
         
         
      
         
      
         ท่านพระ อาจารย์อีเลียต (Ralph Nelson Elliot) ความจริงแกก็แค่อธิบายต่อยอดวิชาของอาจารย์ดาวเท่านั้นแหละครับ คืออาจารย์ดาวท่านบอกว่า หุ้นมีการเคลื่อนไหวเป็นแนวโน้ม มีขาขึ้น มีขาลง มีทรงๆ ท่านอาจารย์อีเลียตก็มาอธิบายต่อหน่อยนึงว่า แต่ผมขอเสริมหน่อยว่าในขาขึ้น ขาลง ขาซึมๆนี่มันแตกย่อยออกไปได้8ขาครับ หรือ 8 คลื่น แค่นี้เองจริงๆนะครับ คนที่อยากให้มันยากก็มาพูดมาสอนให้ยากจนกลายเป็นอีเดียตเวพไปซะงั้น ครูบาอาจารย์ท่านเสียหมด!
      
         
      
         ผม พาท่านไปดูตลาดหุ้นไทยในภาพใหญ่นะ ครับ สมัยมันแจ้งเกิดในปี1975 ที่100จุด ไปพีคสุด1789ในปี1994จนมาถึงยุคฟองสบู่แตก1997 ร่วงลงมาเหลือ200จุด เมื่อนำทฤษฎีคลื่นของอาจารย์อีเลียตมาอธิบายก็จะได้ความว่ามันเคลื่อนไหว ทั้งหมด 8 ขา หรือ 8 คลื่นใหญ่ๆ แบ่งเป็นช่วงของขาขึ้น 5 คลื่น ผมใช้เลขโรมันกำกับไว้ ดังนี้ -คลื่นลูกที่I ที่ขึ้นจาก100มาที่250จุด โดยทั่วไปคลื่นลูกนี้จะขึ้นสั้นที่สุด เพราะอารมณ์จิตวิทยาของฝูงชนขาดความเชื่อมั่นต่อตลาด จิตวิทยาเปราะบางเล่นไปกลัวไป สภาพการเมือง เศรษฐกิจ จิตวิทยาสังคมเปราะบาง ช่วงเวลานั้นคือประเทศรอบบ้านเรากลายเป็นคอมมิวนิสต์หมด คนกลัวว่าเมืองไทยจะโดมิโน่เสร็จคอมฯก็เล่นไปกลัวไป -คลื่นลูกที่II เป็นการตกลงมาปรับฐาน แต่ต้องมีจุดต่ำยกสูงขึ้นกว่าจุดฐานของลูกที่I โดยทั่วไปสภาพจิตวิทยาฝูงชนในตลาดหุ้นคือไม่แน่ใจในทิศทางของข้อมูลข่าวสาร บ้านเมืองเศรษฐกิจครับ ก็ซึมกระทือเป็นแนวโน้มซึมไซด์เวย์ -คลื่นลูกที่IIIเป็นแนวโน้มขาขึ้่นที่วิ่งขึ้นยาวที่สุดในบรรดาคลื่นต่างๆ หากขึ้นไปพ้นจุดสูงของยอดคลื่นที่Iท่านนับว่าเป็นคลื่น3จะขึ้นไปไกลที่สุด โดยทั่วไปอาจยาวกว่าคลื่นที่1ราวเท่าครึ่ง หรือ สอง สาม สี่ ห้าเท่าไม่ขัดศรัทธาว่ากันตามสะดวก โดยทั่วไปสภาพจิตวิทยาฝูงชนจะมีความเชื่อมั่น ตอนนั้นหมดยุครัฐบาลป๋าเปรม ประเทศไทยพ้นภัยคอมฯ รัฐบาลน้าชาติมาดนักซิ่งเข้ามา เน้นพัฒนาเศรษฐกิจ เปิดรับเงินทุนไหลเข้า หุ้นก็ขึ้นพรวดพราดไปที่1200จุดครับ แต่คนในตลาดมักใช้เหตุผลในการตัดสินใจซื้อขาย ดูพื้นฐานดี มีปันผล ค่าROEดี PEต่ำ อนาคตมีแล้วก็เล่นกัน พอราคาหุ้นขึ้่นไปจนเต็มมูลค่า หรือเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริงก็ขายกัน -ลูกคลื่นที่4 เป็นการตกปรับฐานอีกยกหนึ่ง แต่มักเป็นแบบสลับฟันปลา sideway upนะครับลูกนี้ เพราะจิตวิทยาฝูงชนรู้่ดีว่า การตกลงมานี้เป็นการเปลี่ยนต้นทุนกัน คนกำไรขายออกมา คนตกรถหรือขายหมู ก็หาจังหวะซื้อ ราคาหุ้นถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทำให้sideway upแบบzig-zagสลับฟันปลาขึ้น ฐานหรือจุดต่ำของ4ไม่ควรย้อนลงไปลึกกว่ายอดคลื่น1นะครับ ข้อควรจำ -ลูกที่5เป็นขาขึ้นระลอกสุดท้าย เรียกว่าลูกบ้าเที่ยวสุดท้าย เมื่อราคาขึ้นไปทะลุผ่านด่านยอดของคลื่น3คือลูกบ้ามาเยือน จิตวิทยาฝูงชนจะเต็มไปด้วยความโลภเข้าครอบงำ ไม่สนใจทั้งสิ้นพื้นฐงพื้นฐาน พีองพีอีไม่เกี่ยว ไล่ราคากันบ้าเลือด โดยทั่วไปพวกหุ้นเก็งกำไรอย่างวอร์แรนต์ หรือดิลิเวทีฟวอร์แรนต์แนวๆนี้่จะยึดครองตลาด วิ่งทีวันละ100% บ้าเลือดขนาด5-600%นี่มีกันเกลื่อน โดยทั่วไปมักขึ้นแบบชันครับ
      
         
      
         เมื่อ ขึ้นไปชันปรี๊ด ใช้เวลาอย่างไว บ้าเลือด แมงเม่าบินว่อนตลาด มูลค่าการซื้อขายทะลักล้นกว่าปกติ แล้วสวรรค์ก็ล่มลงพรวดครับ การลงมาเที่ยวแรกเราเรียกว่าคลื่น a ที่ผมใส่ตัวAกำกับไว้ครับ -ในคลื่นaนี้คนในตลาดยังปักใจว่าตลาดหุ้นยังไม่หมดขาขึ้น แค่ตกมาให้เก็บของ มักทำให้ราคาเด้้งขึ้นไปพอสมควร -การเด้งขึ้นไปนั้นเรียกว่าคลื่นb ครับ จุดพิจารณาสำคัญก็คือว่าไม่ทำจุดสูงใหม่ หรือnew highไปกว่ายอดของคลื่นที่5 จากนั้นมักเคลื่อนไหวแบบsidewayออกด้านข้างนานพอควร ช่วงนี้ขาใหญ่อย่างฝรั่งมักได้โอกาสรินขายไปเรื่อยๆ แมงเม่าก็ช้อนไปเพลิน พอขาใหญ่ หรือเจ้ามือมันปล่อยของหมดเมื่อไหร่ คราวนี้มันเอาตาย กระทืบตู้ม -เมื่อราคาลงมาหลุดลึกกว่าฐานคลื่นaนั่นแหละครับท่านเรียกว่าคลื่นCผมเรียก ว่า นรก is coming มันจะเทพรวดไหลลงราวกับลงลิฟต์ ดูไม่ออก หนีไม่ทัน มีตาย หรือสาหัสครับ โดยทั่วไปจุดสิ้นสุดของคลื่นCมักไม่ย้อนไปลึกกว่าฐานของคลื่นที่2สรุป ง่ายๆอีกทีEliott Waveคืออะไร? คำตอบง่ายๆคือเป็นการอธิบายเรื่องแนวโน้มให้ละเอียดขึ้นก็เท่านั้นเองแหล เะครับประโยชน์ของมันก็คือว่า่ หากท่านมองแนวโน้มได้ ทายtrendเป็น ท่านจะได้คำตอบว่าตอนนี้มันอยู่ตรงไหนของแนวโน้ม-หากเป็นขาที่1ท่านก็จะได้ รู้ว่า อ้อ มันก็คงไปไม่เท่าไหร่หรอกนะ เราเป็นtraderเล่นสั้นก็ขาย หากเราเป็นlongterm investorก็ถือลืมแล้วกัน-หากเราทราบว่าอ้อนี่ลูกที่2เพราะเห็นมันลงมาแล้ว ซึมยาว แต่ฐานไม่ลึกกว่าฐานของ1เราก็จะได้กล้าๆเก็บหุ้น หรือติดไว้ก็ใจคอยังไหว-หากเรารู้ว่าคลื่นที่3มาแล้ว ท่านก็จะได้กล้าๆถือทนให้กำไรงอกงามไปเรื่อยๆไม่ชิงขายหมูไปซื้อหมาจนอารมณ์ เสียอยู่เรื่อยๆ-หากเรารู้ว่ามันลงมาคลื่น4จะได้กล้าๆเข้าช้อนซื้อหุ้นไว้รอ ขายคคลื่น5-หากเห็นพุ่งปรี๊ดชันๆมาอย่างไว ท่านก็อาจกล้าจะแบ่งพอร์ตมาเล่นหุ้นเก็งกำไรพวกวอร์แรนต์ หรือDWกับเขาซัก10-20%แล้วเตือนตนไว้ตลอดว่ามันขึ้นไปไม่ทำนิวไฮเมื่อไหร่ ราคาเริ่มถอยมีนิวโลว์ กูโยนทิ้งหมด ล้างปอดล้างไส้ -หากท่านเห็นกตกโครมลงมาแล้วยึกๆยักๆนั่นแสดงว่ามันฟอร์ม คลื่นA-Bก็หาจังหวะเข้าออกให้เป็นเล่นได้ กำไรดีหากไม่หลงทาง-หากยึกยักมานานพอควรแล้วราคาหลุดฐานของaพรวดลงมา นรก is coming มีตายแน่ๆหากไม่ยอมทิ้ง หรือไม่ยอม"ขายทำขาดทุน"(stop loss) เห็นไหมครับว่า Elliott Waveง่ายนิดเดียว ไม่จริงหรอกที่ใครว่ามันยากมันหิน เ้พราะไปทำให้มันยากเองตอนหน้าผมจะยกตัวอย่างให้ดูอีกทีแบบคล้ายๆเดิมแต่ เป็นCycleใหม่ มาถึงCycleปัจจุบัน
      
รูปภาพ 

  เรียนกราฟเทคนิคง่ายนิดเดียว บทที่8.1:อีเลียตเวพ ไม่ใช่อีเดียตเวพ วัฏสงสารของตลาด วงจรอุบาทว์หากคุณดูไม่รู้ อ่านคลื่นไม่เป็น

      
      
         โดยณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์เมื่อ 3 มีนาคม 2012 เวลา 17:14 น.
      
         
         
      
         บทนี้คือเป็นบทย่อย ของบทที่ 8 เป็นการยกตัวอย่างต่อยอดของเก่า แบบ ฉายซ้ำ หน้าตาคล้ายๆของเดิม แต่คนละยุคเท่านั้นเองครับ อันนี้เป็นหน้าตาของCycleที่สองของตลาดหุ้นไทย กล่าวคือหลังร่วงลงมาคลื่นCในปี2541แถว200จุด ก็ขึ้นคลื่นที่1ในยุครัฐบาลชวน2แล้วลงพักตัวในคลื่น2 พอรัฐบาลทักษิณเข้ามา โชคดีเจอคลื่น3วิ่งยาว แล้วพัก 4 มาจบคลื่น5หลังปฏิวัติ9กันยา ยุครัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์แถว925 แล้วลงaเด้งไปbสมัยรัฐบาลสมัคร จากนั้นพอมีม็อบพันธมิตร ผสมกับแฮมเบอร์เกอร์ ไครซีสก็รูดนรกลงคลื่นc ไปดูกัน
      
         
      
         อัน แรกอาจารย์ดาวเรียกว่าขาขึ้นนะ ครับ จุดต่ำทำฐานสูงขึ้น เวลาขึ้นมีนิวไฮ หรือจุดสูงใหม่ อาจารย์อีเลียตแกก็มาเติมว่า ขาขึ้นนี่มี 5 คลื่น เมื่อนำทฤษฎีคลื่นของอาจารย์อีเลียตมาอธิบายCycleนี้่ก็จะได้ความว่า หลังลงจบคลื่นCหลังฟองสบู่แตกปี2540-2541 ก็นับ1กันใหม่ ผมใช้เลขโรมันกำกับไว้ ดังนี้ -คลื่นลูกที่I ที่ขึ้นจาก200มาที่500จุด โดยทั่วไปคลื่นลูกนี้จะขึ้นสั้นที่สุด เพราะอารมณ์จิตวิทยาของฝูงชนขาดความเชื่อมั่นต่อตลาด จิตวิทยาเปราะบางเล่นไปกลัวไป สภาพการเมือง เศรษฐกิจ จิตวิทยาสังคมเปราะบาง ช่วงเวลานั้นคือหลังฟองสบู่แตก ปิดแบงก์ ปิดไฟแนนซ์ระนาว ประเทศเราต้องเข้าIMF คนกลัวว่าเมืองไทยเจ๊งแล้ว กลัวจะล้มละลายก็เล่นไปกลัวไป -คลื่นลูกที่II เป็นการตกลงมาปรับฐาน แต่ต้องมีจุดต่ำยกสูงขึ้นกว่าจุดฐานของลูกที่I โดยทั่วไปสภาพจิตวิทยาฝูงชนในตลาดหุ้นคือไม่แน่ใจในทิศทางของข้อมูลข่าวสาร บ้านเมืองเศรษฐกิจครับ กลัวว่าจะมีปิดแบงก์ ปิดไฟแนนซ์อีก กลัวารพัด แต่ก็ไม่มีข่าวซวยซ้ำมา ก็ซึมกระทือเป็นแนวโน้มซึมไซด์เวย์ -คลื่นลูกที่IIIเป็นแนวโน้มขาขึ้่นที่วิ่งขึ้นยาวที่สุดในบรรดาคลื่นต่างๆ หากขึ้นไปพ้นจุดสูงของยอดคลื่นที่Iท่านนับว่าเป็นคลื่น3จะขึ้นไปไกลที่สุด โดยทั่วไปอาจยาวกว่าคลื่นที่1ราวเท่าครึ่ง หรือ สอง สาม สี่ ห้าเท่าไม่ขัดศรัทธาว่ากันตามสะดวก โดยทั่วไปสภาพจิตวิทยาฝูงชนจะมีความเชื่อมั่น ตอนนั้นหมดยุครัฐบาลชวน2 รัฐบาลทักษิณเข้ามา ก็เอาPTTมาจดทะเบียนหาตังค์ไปใช้หนี้ แล้วก็ใช้หนีIMFได้ไวเกินคาด เน้นพัฒนาเศรษฐกิจ เปิดรับเงินทุนไหลเข้า หุ้นก็ขึ้นพรวดพราดไปที่800จุดครับ แต่คนในตลาดมักใช้เหตุผลในการตัดสินใจซื้อขาย ดูพื้นฐานดี มีปันผล ค่าROEดี PEต่ำ อนาคตมีแล้วก็เล่นกัน พอราคาหุ้นขึ้่นไปจนเต็มมูลค่า หรือเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริงก็ขายกัน หุ้นอย่างPTTขึ้นจากแถว30มาจะ200ได้ แล้วก็ขายทำกำไรกัน -ลูกคลื่นที่4 เป็นการตกปรับฐานอีกยกหนึ่ง แต่มักเป็นแบบสลับฟันปลา sideway upนะครับลูกนี้ เพราะจิตวิทยาฝูงชนรู้่ดีว่า การตกลงมานี้เป็นการเปลี่ยนต้นทุนกัน คนกำไรขายออกมา คนตกรถหรือขายหมู ก็หาจังหวะซื้อ ราคาหุ้นถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทำให้sideway upแบบzig-zagสลับฟันปลาขึ้น ฐานหรือจุดต่ำของ4ไม่ควรย้อนลงไปลึกกว่ายอดคลื่น1นะครับ ข้อควรจำ -ลูกที่5เป็นขาขึ้นระลอกสุดท้าย เรียกว่าลูกบ้าเที่ยวสุดท้าย เมื่อราคาขึ้นไปทะลุผ่านด่านยอดของคลื่น3คือลูกบ้ามาเยือน จิตวิทยาฝูงชนจะเต็มไปด้วยความโลภเข้าครอบงำ ไม่สนใจทั้งสิ้นพื้นฐงพื้นฐาน พีองพีอีไม่เกี่ยว ไล่ราคากันบ้าเลือด โดยทั่วไปพวกหุ้นเก็งกำไรอย่างวอร์แรนต์ หรือดิลิเวทีฟวอร์แรนต์แนวๆนี้่จะยึดครองตลาด วิ่งทีวันละ100% บ้าเลือดขนาด5-600%นี่มีกันเกลื่อน โดยทั่วไปมักขึ้นแบบชันครับ
      
         
      
         คราว นี้ก็เข้าขาลงแบบที่อาจารย์ดาว ว่าไว้ แต่อาจา่ีรย์อีเลียตมาต่อยอดหน่อยว่า ขาลงมี3ลูกใหญ่ A B C เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังวิ่งไปคลื่น5เมื่อขึ้นไปชันปรี๊ด ใช้เวลาอย่างไว บ้าเลือด แมงเม่าบินว่อนตลาด มูลค่าการซื้อขายทะลักล้นกว่าปกติ แล้วสวรรค์ก็ล่มลงพรวดครับ การลงมาเที่ยวแรกเราเรียกว่าคลื่น a ที่ผมใส่ตัวAกำกับไว้ครับ -ในคลื่นaนี้คนในตลาดยังปักใจว่าตลาดหุ้นยังไม่หมดขาขึ้น แค่ตกมาให้เก็บของ มักทำให้ราคาเด้้งขึ้นไปพอสมควร -การเด้งขึ้นไปนั้นเรียกว่าคลื่นb ครับ จุดพิจารณาสำคัญก็คือว่าไม่ทำจุดสูงใหม่ หรือnew highไปกว่ายอดของคลื่นที่5 จากนั้นมักเคลื่อนไหวแบบsidewayออกด้านข้างนานพอควร ช่วงนี้ขาใหญ่อย่างฝรั่งมักได้โอกาสรินขายไปเรื่อยๆ แมงเม่าก็ช้อนไปเพลิน พอขาใหญ่ หรือเจ้ามือมันปล่อยของหมดเมื่อไหร่ คราวนี้มันเอาตาย กระทืบตู้ม -เมื่อราคาลงมาหลุดลึกกว่าฐานคลื่นaนั่นแหละครับท่านเรียกว่าคลื่นCผมเรียก ว่า นรก is coming มันจะเทพรวดไหลลงราวกับลงลิฟต์ ดูไม่ออก หนีไม่ทัน มีตาย หรือสาหัสครับ โดยทั่วไปจุดสิ้นสุดของคลื่นCมักไม่ย้อนไปลึกกว่าฐานของคลื่นที่2ครับ
      
         
      
         พอ จบคลื่นCก็นับ1ใหม่ อย่างหุ้นไทยตอนนี้ผมนับเป็นCycleที่3 กล่าวคือ -ลงไปCเที่ยวล่าสุดปี2008ตอนฟองสบู่เมกาแตกครับ -จากนั้นขึ้นมาคลื่น1แถว750จุดปี2009 -แล้วลงซึมคลื่น2ในปี2009นั่นแหละ -แล้ววิ่งขึ้่นคลื่น3มียอดที่1148ในวันที่1สิงหาคม2011 แต่คลื่น3ของเที่ยวนี้กระจอกไปหน่อยคือขึ้นมาแค่เท่าเดียวของคลื่น1ครับ -แล้วลงมาคลื่น4ปลายปีที่แล้วตอนยุโรปฝีแตก -เวลานี้จึงควรวินิจฉัยว่าเริ่มเข้าคลื่นที่5เพราะผ่านยอดของคลื่น3บริเวณ 1148มาแล้วครับโจทย์ มีอยู่ว่า หากขาที่กำลังมานี้เป็นคลื่นที่ 5 จะมีคุณลักษณะสำคัญแบบไหน อารมณ์จิตวิทยาของฝูงชนในตลาดจะเป็นเช่นไร หุ้นประเภทไหนจะเป็นจ่าฝูงของตลาด และทำอย่างไรท่านจึงจะรวย และควรทำอย่างไรท่านจึงจะซวย โดนกินหมดตัวจงตอบคำถามให้ถูกต้อง คำตอบอยู่ที่ตัวคุณเองง

 เรียนกราฟเทคนิคง่ายนิดเดียว บทที่8.2:ไขข้อข้องใจอีเลียตเวพ ทำยังไงไม่ให้มั่วกลายเป็นอีเดียตเวพ

      
      
         โดยณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์เมื่อ 3 มีนาคม 2012 เวลา 18:04 น.
      
         
         
      
         คนที่เคยนับคลื่นElliot Wave โดยเฉพาะหน้าใหม่ มักมีคำถามต่อทฤษฎีนี้หลายๆข้อต่อไปนี้ ผมเลยขอถามเอง เออเองแทนใจท่านก็แล้วกัน
      
         
      
         ข้อ1อาจารย์ ครับ คลื่นมันเยอะไปหมด ผมคลื่นไส้ครับ? คำตอบไม่ได้เยอะหรอกมีแค่8คลื่น ขาขึ้นมี5คือ 1 2 3 4 5 โดยเป็นวิ่้งขึ้น1 3 5 และปรับตัวปรับฐาน 2 กับ 4 ส่วนขาลงมี3คลื่น A B C เหตุที่คุณว่าเยอะไปหมดเ้พราะมีพวกไปทำให้มันยุ่งใส่คลื่นD E F G HไปยันZให้มันมั่วเข้าไว้ ให้ดูแค่นี้พอ "เอาอยู่"ว่างั้น
      
         
      
         ข้อ2อาจารย์ คะ หนูนับคลื่นผิด ต้องทำไง? คำตอบ ก็นับใหม่ให้มันถูกครับ อย่างในภาพนี้คลื่นที่Iใหญ่มันก็จะมี5คลื่นย่อยแทรกอยู่เห็นไหมครับ 1 2 3 4 5 และเป็นไปตามคุณสมบัติที่เรียนมาคือ 1 สั้น 2 ซึม 3 ยาว 4ลงซิกแซ้ก 5 วิ่งชันแล้วตก แต่เมื่อตกมาไม่มีทำa b cลงนรก แสดงว่าเป็น 2 ใหญ่ เดี๋ยวมีขึ้น3ใหญ่
      
         
      
         ำไงอ ย่างภาพของคลื่น3ใหญ่ก็มี5คลื่น ย่อยแทรกอยู่ประกอบกันเป็นคลื่น3ใหญ่ ดังนั้นหากมองว่าเวลานี้กำลังขึ้นคลื่น5ใหญ่ก็นับไปให้มี5คลื่นย่้อยแทรกใน นี้ ก็จะรู้ว่าเราอยู่ตรงไหน
      
         
      
         อาจารย์ ครับ ทำไมเวลาถามพวกนับเวพ ไม่เคยเห็นมันตอบตรงกันเลยครับ ตกลงใครมันมั่วครับ? คำตอบคือไม่มีใครมั่วครับ ถูกทุกคน มันขึ้นกับว่าเขามี"มิติด้านเวลา"ในการนับคลื่นอย่างไร อย่างในภาพนี้เป็นSUPER MAJOR TREND(นี่กะจะหนีภาษาฝรั่งเต็มที่ ยังหนีไม่พ้น)คือมองเทร็นด์ตัวพ่อ ตอนนี้ก็แค่ก่อตัวจะขึ้นคลื่นที่3เองนะครับ
      
         
      
         แต่ หากเป็นMAJOR TRENDก็อยู่ในวัฏจักรที่3อย่างที่สอนไปในบทก่อนๆครับ หากย่อยลงไปในtrendเล็กๆอย่างminor trendหรือsub-minort trend หรือชาร์ตรายนาที หรือreal timeมันก็จะเป็นคลื่นที่ไม่เหมือนกันเลยครับ แต่หลักใหญ่ให้จับCycleให้ถูกครับ ดูTRENDให้เป็นก็เอาอยู่ครับ
      
         
      
         อาจารย์ คะ อีเดียตเวพนี่ดูหุ้นรายตัวได้ไหมคะ? ตอบ ดูได้หมดแหละครับ จะรายตัว หรือSET50 TFEX ทองคำ น้ำมัน ค่าเงิน สารพัด ดูอย่างหุ้นรายตัวที่ยกตัวอย่างมานี่ไงครับ ความฝันของนักทฤษฎีคลื่นอีเลียตคือได้ซื้อคลื่นC แล้วไปขายยอดคลื่นที่5ของคลื่นที่5ถือว่าสำเร็จวิชาสุดยอด นอนตายตาหลับครับ
      
         คำ ถามสุดท้าย เป็นคำถามยอดฮิตเลยครับ  อาจารย์คะ ไหนว่าง่ายนิดเดียว หนูอ่านๆมาคลื่นไส้ค่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลยคำตอบ ยังงี้นะจ๊ะเ้ธอว์ คิดง่ายๆว่าเรื่องนี้เป็นแค่การต่อยอดเรื่องแนวโน้่ม ที่มีขาขึ้น ขาลง ขาทรงๆ ก็มาเติมหน่อยว่าขาขึ้นมี5ขา ขาลงมี3ขา่ เราก็มาดูว่าตอนนี้อยู่ขาขึ้นหรือขาลง แล้วหน้าตาของมันนะ อยู่ตรงไหนของขาขึ้น ขาลงแน่ หากดูคร่าวๆได้ ก็ช่วยให้เราวางหมากวางกลยุทธถูกต้องไงสรุปอีกที  Eliott Waveคืออะไร? คำตอบง่ายๆคือเป็นการอธิบายเรื่องแนวโน้มให้ละเอียดขึ้นก็เท่านั้นเองแหล เะครับประโยชน์ของมันก็คือว่า่ หากท่านมองแนวโน้มได้ ทายtrendเป็น ท่านจะได้คำตอบว่าตอนนี้มันอยู่ตรงไหนของแนวโน้ม-หากเป็นขาที่1ท่านก็จะได้ รู้ว่า อ้อ มันก็คงไปไม่เท่าไหร่หรอกนะ เราเป็นtraderเล่นสั้นก็ขาย หากเราเป็นlongterm investorก็ถือลืมแล้วกัน
      
         -หากเราทราบว่าอ้อนี่ ลูก ที่2เพราะเห็นมันลงมาแล้วซึมยาว แต่ฐานไม่ลึกกว่าฐานของ1เราก็จะได้กล้าๆเก็บหุ้น หรือติดไว้ก็ใจคอยังไหว-หากเรารู้ว่าคลื่นที่3มาแล้ว ท่านก็จะได้กล้าๆถือทนให้กำไรงอกงามไปเรื่อยๆไม่ชิงขายหมูไปซื้อหมาจนอารมณ์ เสียอยู่เรื่อยๆ-หากเรารู้ว่ามันลงมาคลื่น4จะได้กล้าๆเข้าช้อนซื้อหุ้นไว้รอ ขายคคลื่น5-หากเห็นพุ่งปรี๊ดชันๆมาอย่างไว ท่านก็อาจกล้าจะแบ่งพอร์ตมาเล่นหุ้นเก็งกำไรพวกวอร์แรนต์ หรือDWกับเขาซัก10-20%แล้วเตือนตนไว้ตลอดว่ามันขึ้นไปไม่ทำนิวไฮเมื่อไหร่ ราคาเริ่มถอยมีนิวโลว์ กูโยนทิ้งหมด ล้างปอดล้างไส้ -หากท่านเห็นตกโครมลงมาแล้วยึกๆยักๆนั่นแสดงว่ามันฟอร์ม คลื่นA-Bก็หาจังหวะเข้าออกให้เป็นเล่นได้ กำไรดีหากไม่หลงทาง-หากยึกยักมานานพอควรแล้วราคาหลุดฐานของaพรวดลงมา นรก is coming มีตายแน่ๆหากไม่ยอมทิ้ง หรือไม่ยอม"ขายทำขาดทุน"(stop loss) เห็นไหมครับว่า Elliott Waveง่ายนิดเดียว ไม่จริงหรอกที่ใครว่ามันยากมันหิน คำถามแถม ท้าย แต่อาจารย์ครับ/คะ กรูก็ยังมึุนๆอยู่ดี ไหนเมิงว่าง่ายนิดเดียว ที่เหลือยากหมด....กรำ!!เจอแบบนี้ก็ไม่รู้จะยังไง ผมก็ไปไม่เป็นหละครับ หาเวลามาเข้าคอร์สเรียนแล้วกัน จะได้แจ่มแจ้งแดงแจ๋
      



วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

หุ้นไทยแพงไปหรือยัง? เป้าหมายขึ้นหลังจากผ่านพีคเก่า1247จะไปเท่าไหร่1300-1400? และต้องทำอย่างไร?


แค่"คลิ้ก"คุณก็สั่งซื้อคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส4/55ได้แล้ว โดยไม่ต้องยกหูโทรศัพท์ก็ยังรวยได้ที่www.facebook.com/tontancorp

โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800
www.tontancorp.com


-ก่อนหน้านี้ผมมักได้ยินคำพูดว่า หุ้นจะเอาอะไรไปขึ้นได้ ปัจจัยแวดล้อมในประเทศ ต่างประเทศแย่ไปหมด พอมาเมื่อวันศุกร์ก่อน(7กันยายน)ขึ้นมาทำนิวไฮเกินพีคเก่าที่ทำไว้ตอนเดือนพฤษภาคม ผมได้ยินคนพูดกันใหม่ว่าถึงขึ่นมาทำนิวไฮได้ก้ถอะ แต่ตอนนี้แพงแล้วนะหุ้นไทย...เช่นนั้นก็ให้ดูตารางนี้ประกอบครับ เป็นหลักเป็นฐานดี ไม่ต้องใช้ความรู้สึกกัน(ดูลิ้งค์อัพเดตล่าสุดhttp://www.fundsupermart.com/main/articleFiles/webarticles/7298/SG/20120907.pdf )

เนื่องจากตัวเล็กมากให้คลิ้กอ่านตามลิ้งค์ และผมขออธิบายประกอบดังนี้

 หุ้นไทยถูกหรือแพงในตอนนี้?

1.การจะดูว่าราคาหุ้นถูกหรือแพงนั้น มืออาชีพเขาไม่ได้ดูกันว่าตอนนี้เกิน1250จุดถือว่าแพง ก่อนหน้านี้อยู่แถว1000จุดเรียกว่าถูกนะครับ นักลงทุนมืออาชีพเขาดูกันที่ค่าP/E หรืออัตราส่วนของราคาต่อกำไร 
เช่นในปีค.ศ.2009ที่ผ่านมาดัชนีSET=750จุด แต่เวลานั้นค่าP/E=28เท่า ส่วนตอนนี้ล่าสุดSET=1250แต่ค่าP/E=17.40เท่า แสดงว่าในเวลานี้หุ้นไทยถูกกว่าตอนปี2009ครับ
2.ตามสถิติหุ้นไทยนั้นเคยค่าP/Eแพงสุดๆคือ31.49เท่าในตอนปี1994 คือก่อนฟองสบู่แตกในปี1997 และเคยถูกสุดคือ3.37เท่าในปี2001ครับ

หากถามว่าเวลานี้ค่าP/E17.40เท่าเป็นไง คำตอบคือไม่ถูก แต่ก็ไม่แพง อยู่ตรง"กลางๆ"พอดีระหว่างที่เคยถูกสุด3เท่า และเคยแพงสุด31เท่าครับ

3.อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ประเมิน(ตามตารางข้างต้น)นี้ว่าอนาคตหุ้นไทยจะไม่แพง เพราะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจะทำกำไรดีขึ้น จึงจะทำให้ค่าP/Eจะลดลงมา เหลือ13.50เท่า ในสิ้นปีนี้ ส่วนปีหน้า2013=11.30เท่า ปี2014=10.10เท่า

2.ตามสถิติหุ้นไทยนั้นเคยค่าP/Eแพงสุดๆคือ31.49เท่าในตอนปี1994 คือก่อนฟองสบู่แตกในปี1997 และเคยถูกสุดคือ3.37เท่าในปี2001ครับ

หากถามว่าเวลานี้ค่าP/E17.40
เท่าเป็นไง คำตอบคือไม่ถูก แต่ก็ไม่แพง อยู่ตรง"กลางๆ"พอดีระหว่างที่เคยถูกสุด3เท่า และเคยแพงสุด31เท่าครับ

3.อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ประเมิน(ตามตารางข้างต้น)นี้ว่าอนาคตหุ้นไทยจะไม่แพง เพราะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจะทำกำไรดีขึ้น จึงจะทำให้ค่าP/Eจะลดลงมา เหลือ13.50เท่า ในสิ้นปีนี้ ส่วนปีหน้า2013=11.30เท่า ปี2014=10.10เท่า

หากถามว่าเวลานี้ค่าP/E17.40เท่าเป็นไง คำตอบคือไม่ถูก แต่ก็ไม่แพง อยู่ตรง"กลางๆ"พอดีระหว่างที่เคยถูกสุด3เท่า และเคยแพงสุด31เท่าครับ
3.อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ประเมิน(ตามตารางข้างต้น)นี้ว่าอนาคตหุ้นไทยจะไม่แพง เพราะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจะทำกำไรดีขึ้น จึงจะทำให้ค่าP/Eจะลดลงมา เหลือ13.50เท่า ในสิ้นปีนี้ ส่วนปีหน้า2013=11.30เท่า ปี2014=10.10เท่า

3.อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ประเมิน(ตามตารางข้างต้น)นี้ว่าอนาคตหุ้นไทยจะไม่แพง เพราะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจะทำกำไรดีขึ้น จึงจะทำให้ค่าP/Eจะลดลงมา เหลือ13.50เท่า ในสิ้นปีนี้ ส่วนปีหน้า2013=11.30เท่า ปี2014=10.10เท่า



นี่เป็นหลักเกณฑ์การตัดสินว่าหุ้นไทยแพงหรือถูกตามหลักของมืออาชีพนะครับ พวกเราก็ต้องคิดและทำแบบมืออาชีพ ต้องเลิกซื้อขายหุ้นแบบมวยวัดหรือแมงเม่า เพราะจะเสียโอกาสมากในการลงทุน