วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

มุมอินไซด์ (30เมษายน2556):อัพเดตหุ้นกลุ่มน้ำมัน เคมี เกษตร ESSO IRPC TOP PTTGC IVL STA และข้อเสนอให้เปลี่ยนตัวBANPUที่ย่ำแย่เสียหายจากขาลงไปเข้าหุ้นXXXXที่มีอนาคตโดดเด่น มีโอกาสขึ้นไปเขต65-80บาทแทน


โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 081-8311611 087-7174979 http://www.facebook.com/tontancorp



อัพเดตหุ้นน้ำมัน เคมี เกษตร โภคภัณฑ์


ชาร์ตราคาน้ำมันดิบโลก-เคลื่อนไหวอยู่ในคลื่นที่4ขนาดใหญ่ แบบไซด์เวย์ ที่มีกรอบเคลื่อนไหวระหว่างกรอบแนวรับเขต85$ กับกรอบแนวต้านเขต97.40-102$

เนื่องจากธรรมชาติของคลื่นที่4มักจะsideway ทำให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวเนื่องในกลุ่มพลังงาน น้ำมัน เคมี สินค้าเกษตร และโภคภัณฑ์ ก็พลอยแกว่งไซด์เวย์แคบไปด้วยครับ เวลาน้ำมันดิบโลกลง หุ้นพวกนี้ลง(ในกรอบไซด์เวย์ด้วย) เวลาแกว่งขึ้น ก็แกว่งขึ้น แต่ไม่ได้เป็นขาขึ้นที่ชัดเจน หรือเป็นขาลงที่เด่นชัด

ราคาน้ำมันที่แกว่งในลักษณะนี้ถือว่าอ่อนแอ หรือUnderperformกว่าดัชนีราคาหุ้นไทย(SET)ที่แกว่งตัวในช่วงทิศทางขาขึ้น(uptrend)ครับดังนั้นท่านจะสัมผัสได้ว่าหุ้นพวกนี้แย่หรืออ่อนแอกว่าตลาดหรือกลุ่มธุรกิจอื่นๆนั่นเอง

หุ้นพวกนี้จะเป็นขาขึ้นได้ก็คงต้องอิงกับทิศทางราคาน้ำมันโลกครับ หากน้ำมันโลกทะลุด่าน97.41หรือ100-102$ขึ้นไปจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้นไปด่านถัดไป115-120$ หุ้นพวกนี้จึงจะวิ่งขึ้นไปด้วย ตรงกันข้ามหากลงหลุด80-85$ลงไป หุ้นพวกนี้ก็มีแนวโน้มจะเป็นขาลงแต่หากไม่ไปไหนมาไหนแกว่งในกรอบ85-100$อย่างที่เป็นมาหุ้นพวกนี้ก็จะแกว่งซึมไซด์เวย์ต่อไป

กลยุทธ์ในการเทรดหุ้นเหล่านี้จึงยังต้องอิงทิศทางราคาน้ำมันดิบโลกต่อไปหละครับ วิธีเทรดมีอยู่3บบคือ

1.เทรดแบบไซด์เวย์ในกรอบ คือหากน้ำมันขึ้นไปไม่ผ่านด่าน97.41-102$ในช่วงนี้ก็นำหุ้นพวกนี้(PTT PTTEP PTTGC IRPC ESSO KSL IVL)ออกมาขาย เวลาตกลงไปเขต85-80$ก็เข้าช้อนซื้อ เด้งมาไม่ผ่านแนวต้านก็ขาย...ซึ่งจะพบว่าวิธีนี้ไม่น่าสนใจ เพราะแทนที่ท่านจะไปเทรดหุ้นที่มันไปในทิศทางเดียวกับตลาด(อย่างพวกสื่อสาร พัฒนาที่ดิน รับเหมา แบงก์ ค้าปลีก)ท่านก็มาเสียเวลากับหุ้นพวกนี้ที่แย่กว่าตลาดครับ

2.รอความชัดเจน...คือหากราคาน้ำมันโลกผ่านด่าน97.41หรือชัดๆผ่าน100$ขึ้นไป ค่อยมาfollow buyซื้อหุ้นพวกนี้จะดีกว่า ไม่ต้องเสียเวลารอ แม้ว่าอาจได้ซื้อราคาแพงขึ้นหน่อยก็ดีกว่าเสียเวลารอ หรือหากหลุดด่าน80$ลงไปก็ขายหุ้นพวกนี้เพื่อลดความเสี่ยงขาลง

อัพเดตรายตัว และจุดที่น่าไปขาย(*หากน้ำมันโลกไม่ผ่านด่าน100$ในระยะต่อไปนี้)

อัพเดตรายตัว และจุดที่น่าไปขาย(*หากน้ำมันโลกไม่ผ่านด่าน100$ในระยะต่อไปนี้)


*ESSO ทำฐานเหนือ9บาทฟื้นขึ้น กรอบต้านบน10.40ถัดไป12บาท
*IRPC ทำฐานแน่นเหนือ3.76ตอนนี้กำลังผ่านด่านแรก4.00-4.10 รอไปขายกรอบบน4.60-4.90บาท(มีกระแสข่าวเรื่องมอร์แกนสแตนลีย์ เป็นวาณิชธนกิจ จะนำไปควบรวมกับPTTGC แต่ข่าวยังไม่ยืนยัน)
*PTTGC สร้างฐานเหนือ65 ล่าสุดผ่านด่านแรก70 น่าขึ้นไปเขต75ถัดไป82-85 รอขายด้านบน
*TOP ทำฐานเหนือด่าน60 ไปรอขายเป้าเขต73 หรือกรอบบนเขต77-80บาท
*IVL ทำฐานยกสูงขึ้น ถือไปรอขาย30-35บาท แต่รอนานหน่อย(เป้าหมายแรก25 ถัดไป30)
*STA ลงมาย่ำฐานเหนือฐานรับ14-15บาท และซึมตัว เหมือนเก็บหุ้นอยู่ ราคายางโลกลงตกต่ำตามน้ำมัน คาดว่าคงฟื้นตามราคาน้ำมันเช่นกัน

เป็นหุ้นเด่นรายปี ที่แนะนำซื้อถือยาว1ถึง2ปี ราคาฐานเขต14-15เป็นเขตน่าซื้อ แล้วไปรอขายกรอบบน20-25บาท(แต่หากท่านใดไม่อยากเสียเวลารอ แนะนำให้ไปเล่นตัวอื่นตามกระแส แบบTCAP THAI ่JAS BWG KCE ROJNA SIRIจะดีกว่านะครับ โดยเฉพาะท่านที่เล่นแบบเทรดดิ้ง)

*BANPU ยังคงแย่กว่าตลาดอย่างต่อเนื่อง แกว่งตัวในแนวโน้มขาลงที่ลงนิวโลว์จนน่าเหนื่อยใจครับ ระยะกลางกรอบบนสุดแถว500 ช่วงนี้กรอบแนวตกอยู่แถว340-330ต้าน370 ถัดไป400

หากจะถือก็ต้องทำใจหละครับว่ายาว ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว เพราะลงนิวโลว์ หากไม่อยากถือหรืออยากติดให้ปวดใจ ผมว่าเปลี่ยนตัวไปเข้าXXXXเลยครับ ตัวนี้ตอนนี้อยู่แถวใกล้ๆ50 มีโอกาสไป60-80บาท น่าจะชดเชยความเสียหายจากBANPUได้ครับ

ด้านล่างนี่คือXXXXครับ

ผ่านแนวต้านสำคัญเขต42จะแกว่งขึ้นไปเป้าแรก55 ถัดไป65 เป้าหมายใหญ่ระยะเป็นปีก็80บาท (เทรดP/E11เท่า เท่ากับหุ้นในกลุ่มเดียวกัน หากกำไรปีนี้7.00-7.50 ก็ควรมีราคาเหมาะสมเขต75-80บาทครับ)

คำแนะนำ-สวิตตัวBANPUที่ขาดทุน มาเข้าXXXXแทน เพื่อชดเชยความเสียหาย และกลับมาฟื้นกำไร



วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์:หากคิดขายหุ้นไปช้อนทอง ฟังทางนี้ก่อน นรก อิส คัมมิ่ง รู้จักคลื่นCกันไหมครับ?!!(เปิดจดหมายน้อยถึงกูรูทองเมืองไทยเมื่อ2ปีก่อน ผมว่าทองพีคไปแล้วครับที่1927$และจะร่วงครั้งใหญ่ได้ต่อไป)



โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 087-7174979 081-8311611 http://www.facebook.com/tontancorp 


ภาพอดีตของตลาดหุ้นไทยใครจะคิดตกจาก1800เหลือ200จุด-คลื่นCก็คือการร่วงลงลิฟต์ ไม่เปิดโอกาสให้คนที่ข้อนซื้อได้ทำกำไรเลย..ด้านบนนี้เป็นภาพของหุ้นไทยตอนปี2540ครับ หลังจากไปพีคที่่คลื่น5บริเวณ 1789 จุดแล้วก็ฟอร์มตัวในคลื่นa-bระหว่าง1200กับ1500จุดอยู่นานพอสมควร พอหลุดฐานของคลื่นaเขต1200ก็ร่วงลงในคลื่นcมาทำจุดต่ำสุด200จุด
ทองคำโลกหากผมพยากรณ์ว่าจะลงไปลึกกว่า700ใครจะไปเชื่อ?!-ทองคำหลังจากไปทำพีคคลื่น5บริเวณ1920$แล้วก็ฟอร์มตัวในคลื่นA-Bระหว่าง1500ไปถึง1800$มาระยะหนึ่ง ล่าสุดหลุดฐานคลื่นaเขต1500$ ก็จึงอาจเริ่มนับ1เข้าสู่Wave C

นี่อาจไม่ใช่เวลาช้อน แต่คือเวลาstop loss หากจะบอกว่าปลายทางของWave Cอาจลึกกว่า700$บางทีอาจทำให้คุณควรลังเลที่จะเข้าช้อนซื้อ หรือหากติดดอยไว้ก็จะได้กล้าจะตัดใจกันก็ได้นะครับ..?!

งื่อนไขที่คำพยากรณ์นี้จะถูกต้องคือ 1.ทองมีพีคคลื่น5ไปแล้วที่1927$ 2.ทำคลื่นaและbไปแล้วในกรอบ1500ถึง1800$ตลอดปีเศษที่ผ่านมา 3.ลงไปเที่ยวนี้พังด่านย่อยๆตามแนวต่างๆคือ1400 1285 1000และลงไปลึกกว่าคลื่น4เขต700แต่ไม้ลึกกว่าคลื่น2บริเวณ300$ 4.ผมต้องนับคลื่นใหญ่ๆที่ว่ามาแล้วนั้นไม่ผิดด้วย(ผมไม่มีconflict of interestใดๆกับทองคำ เจตนาในการpostนี้คือกลัวคนแห่มาช้อนเพราะนึกว่าลงมามากแล้ว กลัวจะติดกันนั่นแหละ)


*********
จดหมายฉบับนี้ผมส่งถึงบุคคลที่ทรงอิทธิพลต่อวงการทองคำท่านหนึ่ง(เพื่อความเหมาะสม ผมขอเรียกท่านผู้นี้ว่า"ด๊อกเตอร์โกลด์"ของเมืองไทย เมื่อวันที่24กันยายน 2554(เวลานั้นspot goldขึ้นไป1927$)ลองอ่านกันดูนะครับ

urgent call from Nat ทองๆ

-COMEX GOLDระยะกลาง ทองร่วงลงมาหลังมีภาพnegativeแบบหอคอยคู่เขต1920$ จะมีเป้าหมายการตกของเส้นแนวรับUptrend lineของWEEKLY CHART~1450-1550$โดยประมาณ อาจฟอร์มตัวเป็นคลื่นaก่อนฟื้นไปทำb

-Elliot Waveของทอง เป็นไปได้หรือไม่ว่าภาพระยะยาวอาจทำพีคไปแล้วในยอดคลื่นที่5 เพราะsentimentของMass phsycologyนั้นเกิดบรรยากาศ”ตื่นทอง”อย่างสมบูรณ์ และพร้อมจะเปลี่ยนเป็นขาลงอย่างสมบูรณ์ และเมื่อใดหลุดฐานของคลื่นA ก็เป็นไปได้ที่จะลงคลื่นC

-ตามทฤษฎี่คลื่นElliot waveหากพีคที่คลื่น5ไปแล้วลงสู่คลื่นcจะเป็นการตกหนักอย่างที่คาดไม่ถึง

-หากด๊อกเตอร์โกลด์สนใจเรื่องทฤษฎีElliot wave theoryก็ลองเสิร์ซหาอ่านในgoogleเพิ่มเติมได้ครับ และหาชื่อ"ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์,กราฟเทคนิคง่ายนิดเ้ดียว" ผมแลกเปลี่ยนมาในทางวิชาการ และโดยความรักใคร่นับถือ หากมีอะไรจะแลกเปลี่ยนก็โดยความยินดีครับ/ณัฏฐ์ 24 กันยายน 2554

(ผมรู้สึกดีขึ้นเหมือนกันที่ด๊อกเตอร์โกลด์พาคนหันมาอยู่ช็อตตั้งแต่เขต1700$เป็นต้นมาครับ แม้จะช้าไปบ้าง แต่ก็นับว่าทันการณ์)

5หุ้นเด่นเล่นให้รวยไตรมาส2/2566อยู่ในหนังสือเล่มนี้ โทรด่วนก่อนจะตกรถ 087-7174979

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

หากท่านหลงทางอยู่ โปรดดูแผนที่ เราอยู่ตรงนี้( บางตอนจากหนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส2/2556)




โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 087-7174979 081-8311611 http://www.facebook.com/tontancorp 

หากท่านหลงทางอยู่ โปรดดูแผนที่ เราอยู่ตรงนี้( บางตอนจากหนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส2/2556)

แนวโน้มการปรับฐานก่อนทะยานขึ้นในไตรมาส2/56 พร้อมจุดซื้อ VSจุดขาย และการบริหารจัดการความเสี่ยง


ชาร์ตที่2:มุมมองทางเทคนิคในภาพระยะกลาง –เมื่อใช้ทฤษฎีคลื่นElliott waveมาประยุกต์วิเคราะห์จะอธิบายได้ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส2/2556อยู่ในรอยต่อระหว่างคลื่น4ย่อย(4ในภาพ)ต่อช่วงกับคลื่น5ย่อย(5ในภาพ)ของคลื่น5ใหญ่(Vในภาพ) อธิบายได้ดังนี้

*คลื่นที่1ใหญ่ของแนวโน้มนี้(Iในภาพ)ขึ้นมาจากเขต380จุดในปี 2551 มามีจุดพีคเขต 750 จุดในปี 2552

*คลื่นที่2ใหญ่(II) ลงมาปรับฐานเขต650จุดในปี2552

*คลื่นที่3ใหญ่(IIIในภาพ)ขึ้นมาพีคเขต1150จุดในปี2554

*คลื่นที่ 4ใหญ่(IVในภาพ)ตกปรับฐานลงมาเขต845จุดในปี2554

*คลื่นที่ 5 ใหญ่(Vในภาพ)เนื่องจากคลื่นIIIใหญ่สั้น เลยมาเกิดคลื่นVใหญ่ยืดตัว จะแบ่งเป็น 5 คลื่นย่อย ดังนี้

-คลื่นที่ 1 ย่อยของคลื่นVใหญ่ขึ้นมาพีคที่เขต1250จุดในเดือนพฤษภาคม 2555(1ในภาพ)
-คลื่นที่ 2 ย่อยของคลื่นVใหญ่ตกพักฐานลงมาเขต1100จุดในเดือนมิถุนายน2555(2ในภาพ)
-คลื่นที่ 3ย่อยของคลื่นVใหญ่ ขึ้นมาพีคเขต 1601 จุดในเดือนมีนาคม 2556

-คลื่นที่ 4 ย่อยของคลื่น5ใหญ่ มีเป้าหมายตกพักฐานเขต1420หรือ1450-1465 หรือ1480จุด(คือหากลงลึกสุดก็แถว1400จุดต้นๆ หรือกลางๆก็อาจเกิดไปแล้วเขต1465-1480)


โดยสถิติแล้วการตกปรับฐานคลื่นที่ 4 จะเป็นแบบZig-Zag sideway up หรือทำฐานยกสูงขึ้น และทำจุดไฮยกสูงขึ้นครับ

-คลื่นที่ 5ย่อยของคลื่นที่ 5 ใหญ่ จากนั้นคาดว่าจะปรับตัวขึ้นไปในคลื่น 5ย่อยของคลื่น5ใหญ่ ซึ่งมีเป้าหมายการขึ้นไปตั้งแต่เขต1630 หรือ1660 หรือหรือ1695-1735 กรณีดีที่สุดอาจขึ้นไปเขต1790จุด ซึ่งเป็นจุดที่เคยสูงที่สุดที่เคยทำไว้เมื่อเกือบ20ปีก่อน(เว้นแต่คลื่น5ย่อยจะยืดตัว จึงจะทำสถิติall time highขึ้นไปเขต1911 หรือ2100จุดในปีนี้)


ข้อสรุปของแนวโน้มหุ้นไทยในไตรมาส2/2556-จะเกิดการตกปรับฐานในช่วงต้นไตรมาสนี้ อาจมีเป้าหมายตกปรับฐานแย่สุดก็เขต1420 หรือ1450-1465หรือ1480 จากนั้นจะขึ้นไปในคลื่นที่5ย่อยของคลื่นVใหญ่ อาจกินบริเวณขาขึ้นน้อยที่สุดคือ1630 -1660 กลางๆเขต1700-1735 ดีที่สุดอาจเป็น1790 กรณีดีเกินคาด1911จุด เรื่องนี้จึงควรจะเกิดขึ้นในไตรมาส2นี้นะครับ(คือช่วงเดือนเมษายน ไปถึงมิถุนายน เป็นอย่างช้า)

กลยุทธ์สำคัญ

1.สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ทนต่อภาวะผันผวนของตลาดได้ดี ก็แนะนำถือหุ้นที่มีในพอร์ตไปเลยครับ หากทำใจได้ว่าลงมาอย่างมากก็แถว1400ต้นๆ หรือกลางๆก็1450-1465

2.หากหาจังหวะซื้อให้ทำได้2แบบ

*แบบแรก อ่อนตัวลงมาเขต1420หรือ1450-1465 หรือ1480ก็เป็นเขตที่เข้าซื้อหุ้น
*แบบที่สอง อันนี้ชัวร์กว่าครับ คือรอขึ้นไปแล้วผ่านพีคเก่าของคลื่น3ย่อย คือให้ผ่านเขต1601ขึ้นไป แล้วค่อยซื้อตามน้ำในทิศทางขาขึ้น(follow buy) กรณีนี้ไม่ต้องเสียเวลารอเสียเวลาลุ้น

จากนั้นรอไปขายที่เป้าหมาย โดยถือทดสอบด่านต่างๆ ด่านแรก1630 ถัดไป1660 หากไม่ผ่านด่านนี้ก็ขาย แต่หากผ่านได้ไปลุ้นขายเขต1695-1735จุด และหากทำท่าผ่านด่านนี้ได้ก็อาจมีการrallyรอบใหญ่ไปรอขาย1850หรือ1911-1935จุด

ผมให้น้ำหนักมากว่าจะขึ้นไปเขต1735จุด+/- บนพื้นฐานค่าP/Eระดับ14.70-15เท่า บนสมมุติฐานบริษัทมีกำไรขยายตัว ณ สิ้นปีนี้ราว21%ครับ

3.การจัดการความเสี่ยง-กรณีที่ผมคาดการณ์ผิด-หากSETลงไปลึกกว่าเขต1400ในช่วงไตรมาสนี้ ก็แปลว่าผมผิดนะครับ ตลาดเสี่ยงเปลี่ยนทางเป็นขาลงขนาดใหญ่ที่อาจลงไปเขต1290 หรือกระทั่ง1100จุดได้ ควรจะนำหุ้นที่กำไรหรือใกล้ทุนออกมาขาย

5หุ้นเด่นเล่นให้รวยไตรมาส2/2566อยู่ในหนังสือเล่มนี้ โทรด่วนก่อนจะตกรถ 087-7174979

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

ความบางตอนจากหนังสือคู่มือหุ้นไทยไตรมาส2ที่จะเผยแพร่ต่อผู้สั่งซื้อ(และท่านสมาชิก)ในวันนี้



โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ที่ปรึกษาการลงทุนใบอนุญาตเลขที่12888 บลป.ต้นธารคอร์ปอเรชั่น โทร.029275800 087-7174979 081-8311611 http://www.facebook.com/tontancorp 


ความบางตอนจากหนังสือคู่มือหุ้นไทยไตรมาส2ที่จะเผยแพร่ต่อผู้สั่งซื้อ(และท่านสมาชิก)ในวันนี้

3.3 External factors วิกฤตการณ์คาบสมุทรเกาหลี และวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป กับทฤษฎีทำลายเชิงสร้างสรรค์ การพลิกวิกฤตเป็นโอกาสทองของการลงทุน

-วิกฤตยูโรโซน ก็คงอยู่คู่กับตลาดหุ้นโลกไปตลอดปีนี้
-ส่วนสงคราม หลังจากจบในโซนอาหรับ อาฟกานิสถานแล้วก็มาเกิดวิกฤตการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีอีกทีครับ 

ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ สามารถใช้สูตรตำราทฤษฎี “ทำลายเชิงสร้างสรรค์ การพลิกวิกฤตเป็นโอกาสทองของการลงทุน”ที่ผมพูดและเขียนบ่อยๆมาประยุกต์ใช้ในการลงทุนได้ โดยขอสรุปดังนี้ครับ เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ใดๆ(สงครามเกาหลี,วิกฤตยูโรโซน,วิกฤตการณ์การเมือง,ภัยพิบัติต่างๆ)จะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น และสูตรในการลงทุนดังต่อไปนี้ เพื่อพลิกวิกฤตเป็นโอกาส




3ช่วงของการทำลายเชิงสร้างสรรค์ในตลาดหุ้น-วิกฤตการณ์ต่างๆที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นนั้น จะมีรูปแบบ(pattern)ที่เหมือนกันทุกครั้ง คือพอจะแบ่งได้ 3 ระยะด้วยกัน

ชาร์ตที่2:ตัวอย่างของตลาดหุ้นไทยกับวิกฤตการณ์ม็อบแช่แข็งประเทศไทยเมื่อปลายปี2555ที่แบ่งเป็น3ช่วง คือช่วงแรกตกหนัก ช่วงสองทรงๆซึมๆ ช่วงสุดท้ายพอจบม็อบก็วิ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่

ชาร์ตที่3:Model 3 phaseของตลาดหุ้นไทยในวิกฤตการณ์คาบสมุทรเกาหลีล่าสุดที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนเมษายน น่าจะผ่านช่วงที่ 1 มาอยู่ในช่วงที่ 2 ตอนนี้ก็แค่รอ”กระสุนนัดแรก” หรือรอ”ประกาศหยุดยิง”ก็จะเข้าสู่ช่วงที่3คือเด้งขึ้นแล้วrallyไปทำnew high..?

- ระยะแรก (เฟส1) ก่อนจะเกิดวิกฤตการณ์ ระหว่างที่ฮึ่มฮั่มใส่กันไปมาว่าจะก่อหวอดก่อการจลาจล หรือจะก่อสงครามกันนั้น ตลาดหุ้นมักจะตกกันแบบโลกาวินาศ เพราะความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจว่าจะบานปลายไปเป็นวิกฤตการณ์ใหญ่ กลัวจะเกิดทุพภิกขภัยสารพัด ทำให้คนในตลาดหุ้นเทขายหนีตายกันจ้าละหวั่น...ความกลัวทำให้หุ้นตกหนัก

- ระยะที่สอง (เฟส2) ในช่วงระหว่างเตรียมพร้อมไพร่พลเสบียงกรัง และออกข่าวจะเปิดเกมถล่มกัน ให้บรรลัยกันไปข้าง ตลาดหุ้นมักจะซึมกระทือ คนเลิกเล่นหุ้นกันไปส่วนใหญ่ รอดูความชัดเจน กรอบความเคลื่อนไหวมักจะแคบๆ เพราะคนทำใจได้แล้วว่าเลี่ยงภาวะสงครามไม่ได้แน่ แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้ามาเล่นในตลาด…ความทรมานคือการรอคอย ตลาดหุ้นช่วงนี้จึงมักซึมๆทรงๆตัว วอลุมหดหาย

- ระยะที่สาม (เฟส3) นับตั้งแต่ช่วงเปิดสงครามใส่กัน หรือกรณีจลาจลก็คือนับตั้งแต่เกิดการปะทะกัน ที่ผมมักเรียกว่า”กระสุนนัดแรกในสงคราม” หรือ เสียงปืนแตกนัดแรก หรือระเบิดตูมแรก ไปจนกว่าจะยุติสงคราม หรือคาดเดาได้ว่าสงคราม หรือจลาจล หรือวิกฤตในครั้งนั้นจะมีผลลงเอยไปในทิศทางใด ก็แปลกที่ว่า ตลาดหุ้นช่วงนี้แทนที่จะตก ก็มักจะดีดตัวขึ้นแล้วก็วิ่งยาว ( rally) และไม่ช้าไม่นานมักจะขึ้นไปสร้างสถิติทำจุดสูงสุดใหม่ (new high)กันทุกครั้งไปเสียด้วย

ผมจึงเรียกปรากฏการณ์วิกฤตการณ์ต่างๆที่มีต่อตลาดหุ้นว่าเข้าข่าย “ ทฤษฎีสร้างสรรค์ในเชิงทำลาย เข้าทำนองว่าเมื่อมีการทำลายล้างสิ่งหนึ่งลงไป ก็จะเกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าตามมา

อย่างสมัยโบราณ เมื่ออาณาจักรกรีก-อียิปต์โบราณถูกทำลายลง หรือเสื่อมลง จึงเกิดอาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่กว่าขึ้นทดแทน และเมื่อโรมถูกทำลายล้างลง จึงเข้าสู่ยุคกลางที่มีมหาอำนาจอังฤษเป็นแดนพระอาทิตย์ไม่ตกดิน เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเกิดมหาอำนาจใหม่คือจักรวรรดิอมเริกามาแทนที่ ดังนี้เป็นต้น

ทฤษฎีสร้างสรรค์ในเชิงทำลาย (destruction creative theory)ที่ว่า สงคราม/วินาศกรรม/วิกฤตการณ์ในระดับโลกทุกครั้ง จึงเป็นโอกาสทองทุกครั้งสำหรับนักลงทุนผู้มีพฤติกรรม contrariant หรือนักลงทุนผู้ชาญฉลาดที่หาจังหวะจับทางสวนกระแสคนส่วนใหญ่ในตลาด

*แต่ทริกสำคัญคือ ไม่ใช่ช่วงแรกก็โดดเข้าช้อนซื้อเลยนะครับ เดี๋ยวรับเละ ให้รอปลายๆช่วงที่2 ได้ราคาถูกที่สุด รอวอลุมแห้งๆยิ่งดี แต่หากเบื่อรอก็เข้าตอนที่มี”ยิงกระสุนนัดแรก”ที่จะนำไปสู่จุดจบของวิฤตการณ์ แต่อย่าเพิ่งขายทำกำไรเร็วเกินไป เพราะช่วงที่3นี้ โดยสถิติมักวิ่งขึ้นไปทำนิวไฮกว่ายอดสูงเก่าก่อนตกลงมาครับ


บทที่4.มุมมองทิศทางแนวโน้มตลาดหุ้นไทยไตรมาส2/2556 แม้ไม่ดีที่สุด แต่ก็ไม่เลวซะทีเดียวในเรื่องผลตอบแทน......

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

ติดหล่มการเมืิองเรื่องวงจรอุบาทว์ ตลาดหุ้นไทยรั้งท้ายถูกโซนTIPทิ้งห่าง


เมื่อหุ้นไทยร่วงหนักเมื่อวันพุธ สวนทางชาวโลกที่เขาขึ้นนิวไฮ มันเกิดอะไรขึ้น

ดาวโจนส์ นิวไฮ อังกฤษ นิวไฮ ตลาดหุ้นโซนTIPอย่างอินโดนีเซีย กับฟิลิปปินส์ ทำนิวไฮ แต่หุ้นไทยร่วงลงแีรงเมื่อบ่ายวันพุธที่ 3 เมษายน

ปัจจัยพื้นฐานตลาดโซนTIP


ความเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันของตลาดTIPเพราะมีfundFlowก้อนเดียวกันมาซื้อหรือขาย แต่Pดีที่สุดในตอนนี้ ตามมาด้วยIและมีTรั้งท้าย
Indonesiaลงไปน้อยสุดเมื่อ2สัปดาห์ก่อน และขึ้นมานิวไฮได้โดดเด่นที่สุด
Philippinesร่วงแรงที่สุดเมื่อ2สัปดาห์ก่อน ตอนนี้ฟื้นมาทำนิวไฮ
Thailandลงแรงพอๆกับปินส์ แต่ตอนนี้ยังไม่ไปถึงพีคเก่า1600และยังไม่ทำนิวไฮ เมื่อบ่ายวันพุธร่วงลงมา1520จุดอีกต่างหาก

*ไทยร่วงแรงสวนทางโซนTIP

ตลาดหุ้นโซนT.I.P.ขึ้นมาเป็นโซนที่ดีที่สุดของโลก4ปีซ้อน เพราะเศรษฐกิจโลกผันผวน มีเงินทุนไหลเข้า โดยเวลานี้เมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐานตลาดโซนTIP ไทยมีราคาถูกที่สุด

หุ้นโซนนี้ขึ้นด้วยกันลงด้วยกันเพราะเงินก้อนเดียวกันเข้ามาลงทุน 2สัปดาห์ก่อน ตกหนักทั้ง3ตลาด ล่าสุดอินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์ฟื้นขึ้นทำนิวไฮ

แต่หุ้นไทยร่วงลงสวนทางอย่างแรงเมื่อวันพุธ(3เมษายนที่ใครๆก็บอกเป็นวันดี วันที่3/4/56)เพราะอะไร
เหตุที่panicตามที่ผมประมวลข่าวดูนะ กระแสข่าวเยอะ แต่อย่าไปตกเป็นเหยื่อหละครับ นักลงทุนต้องใช้วิจารณญาณด้วย

*กระแสข่าวว่าปปช.จะตัดสินนายกฯผิดเรื่องซุกหุ้น
*กระแสข่าวว่าจะยุบสภาหลังเลือกตั้ง
*กระแสข่าวว่าคลังจะออกมาตรการหลังกนง.คงดอกเบี้ย
*ไม่ได้ยินกระแสข่าวเรื่อง"อัปมงคล"

ในทางเทคนิคแล้ว มันไปชนด่าน1565แล้วไม่ผ่านก็ลง แต่ลงมาหลุดด่าน1530-1533เลยร่วงแรงครับ พอร่วงข่าวก็ว่อนท้องตลาด

ทางเทคนิคก็มีด่านสุดท้ายคือ1517-1510ครับ หากไม่หลุดจะัเด้งกลับไป1530ถัดไปก็1565 หากหลุดก็ลำบากเก็บฉากแทบไม่ทัน

*ไทยยังติดหล่มการเมืองวงจรอุบาทว์

หากว่ากันให้ถึงที่สุดว่าทำไมตลาดหุ้นไทยแย่กว่าตลาดโซนTIP เมื่อวานผมพูดยาวๆให้ฟังทางรายการรู้ก่อนรวยกว่าไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องfundamentalครับ คือเป็นเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจการเมืองที่ว่า นักลงทุนฝรั่งเวลาเขามองเข้ามาโซนTIPนี่นะ ปินส์กับอินโดฯที่เคยติดกลุ่มประเทศการเมืองกระท่อนกระแท่นในวังวนอุบา่ทว์(ปฏิวัติ ออกรัฐธรรมนูญของทหาร จัดเลือกตั้ง จลาจล ปฏิวัติ ออกรธน.ทหารฯลฯวนไปเวียนมา)เขาผ่านช่วงวงจรอุบาทว์ไปแล้ว...แต่ของเรานี่ยัง ตอนนี้ยังสาละวนแก้รธน.อยู่ อีก(เมื่อบ่ายวานศาลก็รับเรื่อง40สว.แต่งตั้งขอให้ตัดสินเรื่องแก้รธน.ว่าทำได้หรือไม่ได้?)เดี๋ยวก็ประท้วง จลาจล ปฏิืวัติ

เวลาฝรั่งมาลงทุนโซนนี้ เขาเดาทางได้ครับว่าเมื่อNINOYครบเทอม อีก8ปีข้างหน้่าใครจะมาเป็นปธน.ปินส์ ใครจะเป็นรมต.คลัง นโยบายจะไปทางไหน อินโดฯก็เหมือนกัน

แต่เมืองไทยนี่ฝรั่งมันงง รัฐบาลนี้จะอยููู่ครบเทอมไหม ปฏิวัติ จลาจลจะเกิดเมื่อไหร่ ไอ้โครงการ2ล้านๆนี่มันจะแท้งหรือจะรอด อย่าไปว่าสมัยหน้าใครจะมาเป็นรัฐบา่ล ใครจะเป็นทีมงานศก. หรือนโยบายศก.จะไปยังไง...

เงินทุนฝรั่งที่ไหนมันจะทุ่มมา ฝรั่งมันอาจจะบ้า แต่ว่ามันไม่โง่ครับ....เรื่องนี้ยาว เอาสรุปสั้นๆแค่นี้พอ

******
ต่อเนื่องจากที่ผมพูดเรื่องไทยเราอ่อนแอกว่าโซนTIP ด้วยภูมิรัฐศาสตร์ เลยขอขยับเรืิ่องนี้นิดหน่อยเป็นเชิงอรรถของเรื่องนะครับ

*การเมืองสำคัญต่อตลาดหุ้นอย่างไร?

*ปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง เป็นเรื่องอันดับแรกของประเมินcredit ratingของบริษัทจัดrartingชั้นนำอย่าง S&P MOODY'S FITCH
*ปัจจัยเสี่ยงทางการเมืิองเป็นภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจอันดับแรกที่fundประเภทสถาบันพิจารณาก่อนจะไปลงทุนที่ใด
*ไม่เสมอไปว่าประเทศประชาธิปไตยจ๋าจะมีแต้มต่อ แต่เงินทุนสากลจะไปลงทุนที่ไหนเขาจะดูเรื่องเสถียรภาพและความต่อเนื่องของรัฐบาล และนโยบายรัฐกิจเป็นหลัก
*ที่สำคัญภาวการณ์ทางการเมืองต้องอยู่ข่ายที่จะทำนายพยากรณ์ได้ ไม่ใช่วุ่นวายไร้เสถียรภาพ
*นักลงทุนต่างชาติมักมีข้ออ้างว่าถึงการเมืองไทยจะทำนายยาก แต่ไม่มีปัญหาเพราะจุดใหญ่ของบริษัทประเทศไทยไม่ได้ขึ้นกับนายกรัฐมนตรี(MD) แต่มั่นคงแข็งแกร่งด้วยเทคโนแครตในหน่วยงานต่างๆ และที่ำสคัญคือมีCEOของประเทศที่มีเสถียรภาพที่สุด แต่ช่วงต่อไปนี้ไม่ใช่แล้ว CEOคนใหม่จะเป็นใครก็ยังเดายาก
*สิ่งที่นักลงทุนต่างชาติกังวลที่สุดคือนโยบายซ้ายสุดและขวาสุด ประเภทยึดกรรมสิทธิ์เอกชนกลับไปเป็นของรัฐ(ขวาหรือซ้ายจึงอันตรายน่าหวาดหวั่นพอๆกัน หลังๆนี้ขวาคลั่งก็อยากยึดกิจการในตลาดหุ้นกลับไปเป็นของรัฐ พอๆกับซ้ายสมัยสตาลิน หรือเหมา)

*********


เปิดให้จองแล้วหนังสือคู่มือหุ้นไทยไตรมาส2/56 เขียนโดยณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ โทรสั่งจองตอนนี้ รับโปรโมชั่นพิเศษเกินคุ้มค่าถึง3รายการ

เปิดให้สั่งจองแล้วหนังสือคู่มือหุ้นเด่นไตรมาส2/2556
หนังสือเล่มนี้ไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป อยากรวยต้องโทรจองค่ัะ

ส่วนนี่คือผลงานที่โดดเด่นชนะตลาดอย่างงดงามของหนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส2/2555 หรือเมื่อไตรมาส2ปีกลาย ส่วนไตรมาส2ปีนี้ จะมีผลงานดีสุดยอดแบบนี้หรือไม่ คุณๆต้องพิสูจน์เอง

*โปรโมชั่นสุดพิเศษ-สมัครสมาชิกทั้งประเภท สแตนดาร์ด และสมาชิกในระดับVIPวันนี้ รับทันที 3 ต่อ

1.รับหนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส2 ฟรี จากปกติมูลค่า2500฿
2.รับข้อมูลหุ้นเด่นผ่านSMSหรืออีเมล์ และรับคำปรึกษาการลงทุนอย่างใกล้ชิดกับอาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ สำหรับสมาชิกในระดัีบVIP
3.เข้างานอบรมจัดพอร์ตรวยหุ้นเด่นไตรมาส2/56 ในวันที่21เมษายน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.087-7174979 หรือทางอีเมล์tontan2008@gmail.com

วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

โฟกัสตลาดหุ้นโซนT.I.P. เมื่อไทยรั้งท้าย ยังไม่ขึ้นทำนิวไฮผ่าน1600

ปัจจัยพื้นฐานตลาดโซนTIP

ความเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันของตลาดTIPเพราะมีfundFlowก้อนเดียวกันมาซื้อหรือขาย แต่Pดีที่สุดในตอนนี้ ตามมาด้วยIและมีTรั้งท้าย
Indonesiaลงไปน้อยสุดเมื่อ2สัปดาห์ก่อน และขึ้นมานิวไฮได้โดดเด่นที่สุด
Philippinesร่วงแรงที่สุดเมื่อ2สัปดาห์ก่อน ตอนนี้ฟื้นมาทำนิวไฮ
Thailandลงแรงพอๆกับปินส์ แต่ตอนนี้ยังไม่ไปถึงพีคเก่า1600และยังไม่ทำนิวไฮ ท่านคิดว่า TจะตามไปทางเดียวกับI P หรือไม่?...

ตลาดหุ้นโซนT.I.P.ขึ้นมาเป็นโซนที่ดีที่สุดของโลก4ปีซ้อน เพราะเศรษฐกิจโลกผันผวน มีเงินทุนไหลเข้า โดยเวลานี้เมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐานตลาดโซนTIP ไทยมีราคาถูกที่สุด

หุ้นโซนนี้ขึ้นด้วยกันลงด้วยกันเพราะเงินก้อนเดียวกันเข้ามาลงทุน 2สัปดาห์ก่อน ตกหนักทั้ง3ตลาด ล่าสุดอินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์ฟื้นขึ้นทำนิวไฮ

คุณคิดว่าหุ้นไทยจะทำนิวไฮเกิน1600ไปด้วยกับตลาดโซนเดียวกันหรือไม่(คลิกดูภาพทั้งหมด5ภาพ)

*********


เปิดให้จองแล้วหนังสือคู่มือหุ้นไทยไตรมาส2/56 เขียนโดยณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ โทรสั่งจองตอนนี้ รับโปรโมชั่นพิเศษเกินคุ้มค่าถึง3รายการ

เปิดให้สั่งจองแล้วหนังสือคู่มือหุ้นเด่นไตรมาส2/2556
หนังสือเล่มนี้ไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป อยากรวยต้องโทรจองค่ัะ

ส่วนนี่คือผลงานที่โดดเด่นชนะตลาดอย่างงดงามของหนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส2/2555 หรือเมื่อไตรมาส2ปีกลาย ส่วนไตรมาส2ปีนี้ จะมีผลงานดีสุดยอดแบบนี้หรือไม่ คุณๆต้องพิสูจน์เอง

*โปรโมชั่นสุดพิเศษ-สมัครสมาชิกทั้งประเภท สแตนดาร์ด และสมาชิกในระดับVIPวันนี้ รับทันที 3 ต่อ

1.รับหนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทยไตรมาส2 ฟรี จากปกติมูลค่า2500฿
2.รับข้อมูลหุ้นเด่นผ่านSMSหรืออีเมล์ และรับคำปรึกษาการลงทุนอย่างใกล้ชิดกับอาจารย์ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ สำหรับสมาชิกในระดัีบVIP
3.เข้างานอบรมจัดพอร์ตรวยหุ้นเด่นไตรมาส2/56 ในวันที่21เมษายน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.087-7174979 หรือทางอีเมล์tontan2008@gmail.com